การวางแผนการเทรด เปรียบเสมือนแผนที่ในการออกเดินทาง หากเราเดินทางปราศจากแผนที่ เราก็จะไม่มีวันถึงจุดหมายที่เราฝันไว้ การเทรดก็เช่นเดียวกัน ต้องมีแผนการเทรด เพื่อให้การเทรดเราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีเส้นทางการเทรดที่ชัดเจน ที่จะภาพเราไปสู่การประสบความสำเร็จในการเทรด

trading plan

สิ่งที่ต้องมีในแผนการเทรด

กลยุทธ์ในการเทรด : เทรดเดอร์แต่ละคน สไตล์การเทรดไม่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับเราว่าชอบเทรดสไตล์ไหน ให้เลือกกลยุทธ์ที่ตัวเองถนัดมาใช้ในการเทรด 

  • Trend following : เทรดตามแนวโน้ม ถือนานหน่อย ตั้งแต่ 1 เดือน หรือบางทีอาจเป็นปีเลยก็ได้ โอกาสถูกไม่เยอะ แต่ถ้าได้ที จะกำไรเยอะมาก
  • Swing trading : แนวย่อซื้อ ถือข้ามวันเพียง 3 – 10 วัน โอกาสถูกเยอะ แต่จะกำไรต่อไม้ ไม่มาก
  • Day trading : ซื้อขาย จบภายในวัน เล่นสั้น ไม่ถือข้ามวัน

สินค้าที่เทรด : กำหนดสินค้าที่เราจะเทรดให้ชัดเจน เช่น ดัชนี, หุ้น (หุ้นเล็ก หุ้นใหญ่), Warrant, TFEX, DW, Option, Forex, ทองคำ, น้ำมัน, พันธบัตร เป็นต้น และเราต้องเข้าใจสินค้าที่เราเทรดนั้นด้วย ว่ามีคุณสมบัติเป็นอย่างไร มี Leverage หรือเปล่า ? มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงไหม ? ควรเล่นสั้น หรือเล่นยาว ? ฝั่ง Long หรือ Short ที่ได้เปรียบ ? เพราะว่า แต่ละสินค้านั้นมีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป

กำหนดความเสี่ยง : แต่ละคน แต่ละกลยุทธ์ มีความเสี่ยงที่รับได้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเราว่ารับความเสี่ยงได้ขนาดไหน เราต้องคำนวณ loss ของเราว่า เรารับกับมันเต็มที่ได้แค่ไหน แค่ไหนที่ไม่ทำให้พอร์ตเราพัง

จุดเข้า จุดออก : ต้องมีจุดเข้า จุดออก (เป้าหมาย และ Stop loss) ที่ชัดเจนก่อนที่เราจะเปิดออเดอร์ ไม่ว่าตลาดจะไปในทางไหน เราก็สามารถ Action ตามได้หมด จะไม่ งง ในการเทรดเลย

Position size : มูลค่าเทรดต่อ 1 ไม้ เราจะเข้าเท่าไหร่ ? เข้าทีเดียวเลยไหม ? หรือทยอยเข้า ?

บันทึกเทรด : (โคตรสำคัญ) ทั้งแผนการเทรด และ การเทรดแต่ละไม้ของเรา ควรมีการจดบันทึกการเทรดทุกครั้ง สิ่งนี้จะทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้องไหม หรือ ควรปรับปรุงแก้ไขอะไรตรงไหน (เดี๋ยวนี้ง่าย ส่วนตัวใช้ Google spreadsheet ในการบันทึก) จุดนี้จะทำให้เทรดเดอร์พัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

ตั้งเป้าหมาย : กำหนดเป้าหมายในการทำกำไรต่อปีเท่าไหร่ เช่น 5%, 10%, 15% หรือ 20% ต่อปี เป็นต้น ควรให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่า ความสามารถเราขนาดไหน ถ้าพึ่งเข้ามาเทรด ก็อย่างพึ่งไปหวังผลตอบแทนสูงๆ ให้ตั้งต่ำๆไว้ก่อน พอเทรดได้ดีแล้ว ค่อยขยับเป้าหมายให้ไกลขึ้นออกไป

การพัฒนา : ทั้งการเรียนรู้จากการผิดพลาดในอดีต เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นในอนาคต รวมศึกษาทักษะและองค์ความรู้อื่นๆในการเทรดเพิ่มเติม เพื่อนำมาต่อยอดในการเทรดให้ดีขึ้น

ทำไมถึงจำเป็นต้องมีแผนการเทรด

การมีแผนการเทรดไว้แต่แรก จะทำให้การเทรดของเราเป็นไปอย่างมีหลักการ ที่สำคัญจะช่วยลดอารมณ์ความตื่นเต้นในช่วงขณะที่เราเทรดได้อย่างมาก (เพราะเราจะรู้ไว้ก่อนหน้าอยู่แล้วว่า ถ้าตลาดลง ต้องทำอย่างไร หรือ ตลาดขึ้น ต้องทำอย่างไร) และที่สำคัญสิ่งนี้จะปูเส้นทางให้เราเดินไปสู่จุดเป้าหมายของเราได้ เพราะการเทรดมันไม่ใช่แค่วันสองวัน มันกินเวลาทั้งชีวิตของเรา

ข้อดีของการมีแผนการเทรด

  • เทรดง่ายขึ้น : เพราะเราวางแผนมาแล้ว รู้ถึงจุดไหนควรเข้า จุดไหนควรออก 
  • สร้างวินัยในการเทรด : ช่วยให้ไม่เกิดเหตุการณ์ Overtrade หรือ ปล่อย Loss จนพอร์ตพัง
  • พัฒนาตัวเอง : การเก็บสถิติย้อนหลังในการเทรด จะทำให้เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต และสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคตได้

สรุป

มันเหมือนกับการทำธุรกิจ เราต้องมีแผนธุรกิจเพื่อรองรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งดี ทั้งแย่ การเทรดก็เช่นเดียวกัน เราไม่มีทางกำหนดทิศทางของตลาดได้เลย ไม่ว่ามันจะขึ้นหรือลง เราไม่มีทางรู้อนาคต สิ่งเราจะทำให้อย่างเดียวคือ ตัวเราเอง กำหนดแผนการเทรดให้ชัดเจน แล้วทำตามแผนที่เราวางไว้ หากแผนมันไม่โอเคร ก็กลับมาปรับปรุงให้มันดีขึ้น แค่นั้นเองครับ