สรุปหนังสือ ถ้าโลกมันแย่ก็แค่คิดแบบคาปิบาร่า
ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ต้องไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น มีหลักการที่ช่วยให้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต แล้วแปรเปลี่ยนเป็นความสุขได้ง่าย ๆ อยู่
บทที่ 1 ความรักมันแย่
การเลือกคู่
การจะเลือกคู่ต้องใจเย็น ๆ ยังไม่ต้องรีบร้อนหาแฟนก็ได้ รอให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะคนที่ใช่จะปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสม และเมื่อถึงเวลาที่ใช่ เพราะความรักคาดเดาได้ยาก ไม่มีใครบอกได้ว่าความรักจะเข้ามาหาเมื่อไหร่ ในระหว่างที่ยังไม่มีใครให้รักตัวเองให้มากพอ พยายามทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองมีความสุข ต่อให้จะมีแฟนหรือไม่มีก็ตาม เมื่อเติมความสุขให้ตัวเองได้ ก็ไม่ต้องคอยให้ใครมาเติมเต็มความรักให้
การจะมีแฟนสักคน คนนั้นต้องเข้ามาทำให้มีความสุขมากกว่าตอนนี้ เพราะฉะนั้นการมีแฟนไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ใช่ ที่จะเข้ามาทำให้มีความสุขมากกว่าเดิม จังหวะชีวิตของคนเราไม่เท่ากัน ให้ใช้ชีวิตทุกวันให้ดี รักตัวเองให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาจังหวะที่ใช่ ความรักก็อาจจะวิ่งมาหาเอง โดยที่ไม่ต้องไปพยายามขวานขวายให้ได้มา ให้รักตัวเองก่อนที่จะรักคนอื่น แล้วจะมีความสุขกับชีวิตได้ โดยที่ไม่ต้องรอใครมาทำให้มีความสุข
ตอบแชทช้าแล้วคิดว่าไม่สนใจ
ในสมัยก่อนคนที่รักกัน เขาจะใช้จดหมายเป็นสื่อในการติดต่อ การจะได้พบเจอกันจึงต้องใช้เวลามากในการนัดพบกัน แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำสมัย สามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา ถามปุ๊บตอบปั๊บทันใจทุกครั้งที่มีเวลาว่างให้คุยกันได้ ในบางครั้งก็ต้องเจอกับช่วงที่ยุ่ง ๆ ชีวิตมีอะไรให้ทำมากกว่าการตอบแชท อาจจะเป็นช่วงที่บริษัทกำลังมีโปรเจกต์ให้ทำพอดี บางทีอาจจะมีเรื่องจำเป็นที่ทำให้ไม่ได้จับโทรศัพท์บ่อย ๆ จึงทำให้บางครั้งก็ตอบแชทช้า บางทีก็หายไปเลย ให้ลองทำใจเย็น ๆ แล้วถามเขาดูก่อนไหมว่า ช่วงนี้ยุ่งหรือเปล่า จะได้รู้เหตุผลจริง ๆ ในแบบที่ไม่ต้องเดาเอาเองให้ปวดหัว ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการตอบแชท ถึงบางครั้งจะตอบแชทช้าไปบ้าง แต่ถ้าความสัมพันธ์ยังดีเหมือนเดิมก็อย่าคิดมากเลย
คุยกันมาตั้งนานอยู่ ๆ ก็เทกันเฉยเลย
สำหรับใครหลายคนสถานะคนคุย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสถานะเสี่ยงใจ เพราะบางคนอาจจะคุยแล้วได้คบ เปลี่ยนจากคนคุยกลายเป็นแฟน แต่บางคนอาจจะคุยแล้วโดนเท เปลี่ยนจากคนคุยกลายเป็นแค่คนเคยคุย ต้องยอมรับว่าเรื่องของหัวใจเป็นเรื่องที่ใครก็บังคับกันไม่ได้ เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่มีใครถูกใครผิด ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกคบกับคนที่สบายใจทั้งนั้น ถึงวันนี้ความสัมพันธ์จะไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้ แต่เข็มนาฬิกาก็ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ตัวเราเองก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้าให้เหมือนกับเวลาด้วย ถ้าคุยกันแล้วไม่ใช่ก็แค่แยกย้ายกันไปหาคนใหม่ โลกนี้มีคนอีกตั้งมากมายที่รอให้ได้พบเจอ เผลอ ๆ คนใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอาจจะเข้ากันได้ดีมากกว่าด้วย เวลาที่โดนเทให้แอบเฮในใจทุกครั้ง เพราะนั่นคือเวลาที่จะได้กลับมารักตัวเองให้เต็มที่ ดูแลตัวเองให้มากกว่าเดิม และเจอตัวเองในแบบที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังอาจจะได้เจอคนที่ดี ที่เหมาะมากกว่าเดิมด้วย
แฟนไม่ซื้อของขวัญให้
การแสดงความรักทำได้หลายวิธี และเขาอาจมีวิธีแสดงความรักในแบบของตัวเองก็ได้ บางคนอาจรู้สึกว่าการให้ของขวัญแทนใจ เป็นสิ่งที่ควรทำให้กันเพื่อแสดงออกถึงความรัก การที่คาดหวังในสิ่งที่ไม่มีมากเกินไป อาจทำให้มองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ จนเผลอทำร้ายให้สิ่งนั้นเสียหายได้ การได้รับของขวัญอาจทำให้เกิดความรู้สึกพิเศษก็จริง ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งไปงอน เพราะบางทีของขวัญที่พิเศษที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นการที่มีคนรักอยู่ข้าง ๆ ทุกวันแบบนี้ก็ได้
เมื่อคนรักไม่มีเวลาให้
การคบกับใครสักคน ถ้าไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน แล้วอยากคบกันไปนาน ๆ ยิ่งต้องใช้เหตุผลให้มาก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งน้อยใจไป ใจเย็นก่อนลองเปิดใจคุยกันว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีเวลา เพราะว่าในชีวิตคนเรามีหน้าที่ที่ต้องทำ และมีความฝันมากมายที่ต้องทำให้สำเร็จ
ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันก็จริง แต่ชีวิตคนเรามีสิ่งที่ต้องทำไม่เท่ากัน การที่พยายามควบคุมและคาดหวังให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้ พออะไร ๆ ไม่เป็นไปดังหวังก็มานั่งเศร้าใจไม่มีความสุข
การได้ใช้เวลาด้วยกันในความสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่อย่าเอาแต่น้อยใจไป จนลืมว่าการใส่ใจกันและกันก็สำคัญ ถ้าเขาไม่มีเวลาให้ เราก็หาเวลาไปหาเขาแทนได้ จริง ๆ แล้วถ้าใครคนใดไม่มีเวลา อีกคนก็เอาเวลาไปช่วยเติมเต็มให้เขาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้อีกคนมีเวลาอยู่ฝ่ายเดียว พาตัวเองไปหาแทนได้
แม้ toxic ก็ทนได้เพราะไม่เจ้าชู้
การจะเป็นแฟนที่ดีของใครสักคน อาจจะต้องมีคุณสมบัติหลาย ๆ อย่าง ไม่เจ้าชู้ก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่ต้องมี การไม่เจ้าชู้เป็นเรื่องปกติ การที่ไม่นอกใจไม่ใช่สิ่งพิเศษ เพราะความชื่อสัตย์คือเรื่องพื้นฐานที่ต้องมี ก่อนที่จะตกลงปลงใจจะคบใครสักคนอยู่แล้ว ความรักคือการที่คนสองคนช่วยกันดูแล และเอาใจใส่ความรู้สึกของกันและกัน ไม่ใช่แค่คบกัน แล้วปล่อยปละละเลย ให้คนใดคนหนึ่งต้องทนอยูกับความรู้สึกแย่ ๆ อยู่ฝ่ายเดียว ตัวเรามีคุณค่าเกินกว่าจะมายอมทนกับคน toxic รักตัวเองให้มาก แล้วจะรู้ว่าไม่ต้องทนกับคนที่ไม่รักก็ได้ แฟนที่ดีควรเป็นแฟนที่ทำให้มีความสุข ถ้ารักแล้วต้องทุกข์มากกว่าสุขก็อย่าเสียเวลาเลย ในโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่เจ้าชู้และทำให้ยิ้มได้ด้วย รอให้ได้เจอหลังจากมูฟออนจากความสัมพันธ์แบบนี้
บทที่ 2 ชีวิตมันแย่
ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์
พอนึกถึงวันจันทร์ทีไรจิตใจจะห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมาทันที จนเริ่มคิดว่าเป็นคนขี้เกียจเกินไปหรือเปล่า และเริ่มรู้สึกแย่กับตัวเองที่รู้สึกแบบนี้ จริง ๆ แล้วที่บางคนรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องผิด หรือแปลว่าเป็นคนขี้เกียจ อาจจะเป็นเพราะวันเสาร์-อาทิตย์เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อน ได้ใช้ชีวิตที่อยากใช้แบบไม่ต้องกังวลอะไร แต่พอนึกถึงวันจันทร์กลับนึกถึงภาระหน้าที่หลายอย่างในชีวิต ทั้งจากงานหรือจากปัญหาเล็กน้อยอื่น ๆ ที่ไม่อยากกลับไปเจอ สิ่งเหล่านี้เลยอาจทำให้บางคนรู้สึกว่าวันทำงานคือ วันที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
ไม่ว่าจะวันจันทร์หรือวันไหน ๆ ก็ควรจะใช้ชีวิตให้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด ให้มองวันจันทร์เป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง แทนที่จะคิดว่าวันจันทร์เป็นวันที่น่าเบื่อมาถึงแล้ว ให้ลองคิดว่าวันนี้เป็นโอกาสที่จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ แล้วเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยรอยยิ้มดู หากเชื่อว่านี่จะเป็นสัปดาห์ที่ดี จะได้ดึงดูดแต่เรื่องดี ๆ ให้เข้ามาทั้งสัปดาห์นี้และสัปดาห์ต่อ ๆ ไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองทั้งนั้น เพราะวันจันทร์เป็นวันดี ๆ ได้ ถ้ามองว่ามันดี
ไม่อยากลุกไปทำงานเลยวันนี้
คนเราเมื่อต้องทำอะไรซ้ำ ๆ ทุกวันจะรู้สึกเบื่อบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา เครื่องจักรที่ใช้งานหนักทุกวันยังมีวันที่ต้องพัก แล้วนับประสาอะไรกับร่างกายและจิตใจ ถ้าใครที่กำลังเป็นแบบนี้แนะนำให้ลองประเมินสภาพจิตใจของตัวเองก่อนว่า ที่รู้สึกไม่ค่อยอยากลุกไปทำงานแบบนี้ อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาเหนื่อยกับงานมากไปหรือเปล่า หรืออาจเป็นเพราะเรื่องปิดโปรเจกต์ยักษ์ไปแล้วจิตใจยังล้าอยู่ อาจจะลองแบ่งเวลาในวันหยุดไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อน หรือลองทำในสิ่งที่ชอบดู
การที่ได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของแต่ละวัน เป็นสิ่งพิเศษที่แสนดีมีค่า เพราะการที่ยังมีชีวิตอยู่หมายความว่า ยังมีโอกาสได้ลองทำอะไรอีกหลายอย่างเลย ตราบใดที่ยังหายใจอยู่ ก็ยังมีโอกาสได้ลองทำสิ่งที่ทำให้มีความสุขเสมอ อย่าปล่อยให้โอกาสที่ได้มีชีวิตเสียเปล่า ด้วยการไม่ใช้ชีวิต
แค่มาทำงานทำไมแต่งตัวเต็มขนาดนี้
การแต่งตัวก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้ดูดีและรู้สึกมั่นใจขึ้น นอกจากนี้คนแต่ละคนก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีความคิดและความชอบไม่เหมือนกัน ทำให้แต่ละคนมีสไตล์การแต่งตัวและรสนิยมที่ต่างกัน บางคนมั่นใจเวลาแต่งตัวจัดเต็ม เครื่องประดับแน่น ๆ บางคนมั่นใจเวลาแต่งตัวสบาย ๆ เรียบง่าย บางคนมั่นใจเวลาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส แต่กลับมีบางคนที่ชอบแสดงความคิดเห็นที่อาจสั่นคลอนความมั่นใจของคนอื่น แค่เพราะคน ๆ นั้นแต่งตัวไม่ตรงเทสต์ของตัวเอง
จนทำให้หลายคนที่ตั้งใจแต่งตัวออกมาทำงาน ด้วยความสุขและมั่นใจต้องสูญเสียความสุขและความมั่นใจนั้นไป แต่ถ้าเห็นตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกมั่นใจ ก็อย่าไปสนใจคำพูดของใครเลย สิ่งสำคัญในการแต่งตัวคือ กาลเทศะ คนอื่นจะรู้สึกยังไงกับการแต่งตัวก็ไม่สำคัญเท่ากับว่ารู้สึกยังไงกับการแต่งตัวของตัวเอง อาจจะบังคับความคิดของคนอื่นไม่ได้ก็จริง แต่บังคับความคิดของตัวเองได้ว่า จะเก็บสิ่งที่คนอื่นคิดมาทำให้ตัวเองไม่สบายใจ จนเสียความมั่นใจหรือเปล่า จงให้ความสำคัญกับการแต่งตัวอยู่เสมอ หยิบความมั่นใจมาใส่เป็นเครื่องประดับ แล้วออกไปสนุกกับชีวิตกัน
รถติดขนาดนี้จะถึงกี่โมง
ประสบการณ์รถติดเป็นปัญหาโลกแตก ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอ แต่หลายคนก็ต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีอาจเป็นเหมือนที่โบราณว่าไว้ ที่บอกว่ายิ่งเกลียดอะไรจะยิ่งเจอ ถึงรถติดจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกหลายอย่าง แต่สังเกตไหมว่าสาเหตุที่ทำให้รถติดอยู่นอกเหนือจากการควบคุมทั้งนั้น เพราะต่อให้เตรียมตัวมาดีแค่ไหน ตราบใดที่ยังต้องใช้รถใช้ถนน ก็ต้องเจอปัญหานี้อยู่ดี ในเมื่อควบคุมมันไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ การที่เอาแต่เครียดกับปัญหานี้ไป ก็คงไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้น ถ้าต้องเจอเรื่องอะไรที่ทำให้หงุดหงิด ลองหายใจลึก ๆ แล้วสังเกตดูว่า วินาทีที่หยุดกังวลหรือหยุดพยายามแก้ไขในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จะมีความสุขได้ในวินาทีถัดไปทันที วันหลังถ้ารู้ว่าต้องใช้เวลาอยู่บนรถอีกนาน ก็ให้ลองเปิดเพลงโปรดเสียงดัง ๆ แล้วตะโกนร้องเพลงให้สุดเสียงดูบ้างก็ได้ หรือถ้าอยู่บนรถสาธารณะ ที่เสียงดังไม่ได้ ตะโกนร้องเพลงในใจไปก่อนก็ไม่ผิด
อยากกินกระเพราหมูกรอบที่ร้านตามสั่งแต่หมูกรอบดันหมด
บางคนอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมบางครั้งชีวิตถึงเหมือนโดนฟ้ากลั่นแกล้ง อยากได้อะไรก็ไม่เคยสมหวัง หรือต้องเจอกับอะไรที่ท้าทายตลอดเวลา ในขณะที่พอหันไปมองชีวิตคนอื่น เขากลับดูใช้ชีวิตกันง่ายดายเหลือเกิน ให้รู้ว่าทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจตลอดเวลาหรอก เวลาต้องเจออะไรที่ไม่คาดคิดให้คิดตลอดว่า ชีวิตคือการผจญภัย และเสน่ห์ของการผจญภัยคือ การที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรออยู่บ้าง อย่างสถานการณ์หมูกรอบหมดก็ไม่เป็นไร วันนี้จะได้กินอย่างอื่นไปก่อน เพราะชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้หลายครั้งที่ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จึงควรเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน หรือการเปลี่ยนแปลงที่อาจเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้
หิวข้าวมาก ๆ สั่งของกินไปสักพักทำไมมาส่งช้า
คำว่าโมโหหิว ใช้เรื่องอาการของคนที่หิวจนหงุดหงิดเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้หรืออาจจะเคยโมโหหิวเองมาแล้ว บางครั้งการโมโหหิวอาจทำให้บางคนเคยต้องทะเลาะกับใครต่อใครเพราะเมื่อความหิวข้าวครอบงำแล้วยังต้องรออาหารนาน ๆ เลือดนักสู้ในตัวก็สูบฉีด ในโลกนี้ไม่มีใครหรอกที่ชอบการรอคอย แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ จะเห็นว่า ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลาต่อให้ร้อนใจแค่ไหน หรือหงุดหงิดใส่ใครไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก บางครั้งเวลาที่โมโหหรือมีความคิดในแง่ลบไม่ควรพูดหรือทำอะไรออกไปในทันที แต่ควรให้เวลาตัวเองรอให้ใจเย็นลงก่อน จะได้คิดให้ดีและถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไรลงไป การรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง จะช่วยให้จัดการอารมณ์หงุดหงิดจากการรอได้ง่ายขึ้น
นอนก็เยอะทำไมยังง่วงอยู่อีก
หมอและนักวิทยาศาสตร์บอกไว้ว่า การนอนพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญ แต่การนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงตามที่ใคร ๆ แนะนำกลับเป็นอะไรที่ทำได้ยาก เพราะบางครั้งชีวิตก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ ในขณะที่บางคนไม่ได้นอนดึก แถมนอนตั้งแต่ค่ำยันเช้า แต่ก็ตื่นนอนมาพร้อมกับอาการหนังตาหนัก ง่วงมากจนไม่อยากลืมตา ไม่อยากลุกจากที่นอน ไม่อยากออกไปทำงาน และอยากจะนอนทั้งวันอยู่ดี หลาย ๆ งานวิจัยระบุไว้ว่า อาการนอนเยอะแค่ไหนก็ยังง่วงเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอระหว่างการนอน การนอนกรน การอดนอนบ่อย ๆ หรือการใช้ยาบางชนิด เพราะฉะนั้นความขี้เกียจอาจไม่ใช่สาเหตุหลัก บางคนมีอาการนี้ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะว่า ที่ผ่านมาทำงานหนักติดต่อกันมานาน จนนาฬิกาชีวิตเปลี่ยนไป ทำให้นอนได้ไม่เต็มที่ หรืออาจเป็นเพราะเก็บเรื่องเครียดมาคิด จนทำให้นอนหลับไม่สนิทโดยไม่รู้ตัว คนเรามีร่างกายเดียว พังแล้วเปลี่ยนไม่ได้ พยายามดูแลร่างกายนี้ให้ดี ๆ จะได้ตื่นมาพร้อมความสดใสในทุก ๆ วัน
ทุกคนในอินเตอร์เน็ตทำไมดูชีวิตดีจัง
โทรศัพท์มือถือแทบจะกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว อาจจะเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ทำให้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน และมีบทบาทที่สำคัญมากจริง ๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรในแต่ละวัน ก็พึ่งพาโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตซะส่วนใหญ่ เวลาว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เอาโทรศัพท์มาไถ ส่องอัพเดทชีวิตคนนู้นคนนี้ จนแทบจะเรียกได้ว่า หลาย ๆ คนจับมือถือเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอน และวางมือถือเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนเข้านอนกันเลยทีเดียว ช่วงเวลาออฟไลน์บางทีก็มีความสุขมากกว่าตอนที่ไถโทรศัพท์มาก เงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์บ้าง จะเห็นว่าการได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ให้ตัวเองได้มีโอกาสลองทำอะไรที่ชอบ สิ่งที่จับต้องได้เหล่านี้ก็น่าสนใจไม่ต่างกัน และทำให้มีความสุขได้ไม่แพ้โลกโซเชียล
ตั้งนาฬิกาให้ปลุกทุก 5 นาทีแต่ก็ยังตื่นสาย
คนเราอาจจะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น และผิดพลาดไปแล้วไม่ได้ก็จริง แต่สามารถปรับปรุงและเริ่มเปลี่ยนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ได้ตอนนี้เลย ตัวเราเองเป็นจุดเริ่มต้นของทุกความสำเร็จในชีวิต จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในโลกใบนี้ได้ ก็ต่อเมื่อเอาชนะตัวเอง ด้วยการควบคุมและพัฒนาทั้งความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมของตัวเอง การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ถ้าพยายามอย่างตั้งใจก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ ถ้าตั้งนาฬิกาปลุกทุก 5 นาทีแต่ก็ยังตื่นสายอยู่ดี แนะนำว่าบางทีอาจจะเริ่มเอาชนะตัวเองด้วยการค่อย ๆ ปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น จะได้ตื่นได้ไวกว่านี้ แรก ๆ อาจจะยากหน่อย แต่ถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชิน และกลายเป็นคนที่พอนาฬิกาปลุกปุ๊บ ก็เด้งตัวออกจากเตียงปั๊บไปเอง
บทที่ 3 สังคมมันแย่
ไม่มีความฝันใหญ่ ๆ เหมือนใครเขา
หลายคนอาจจะมองว่า การใช้ชีวิตแบบมีแค่ความฝันเล็ก ๆ อาจทำให้รู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตแบบไม่มีจุดหมาย หรือกำลังใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่าทำให้ความสุขของตัวเองหายไป แค่เพราะตอนนี้ยังไม่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่อย่างใครเขาเลย บางทีความสุขอาจไม่ได้มาจากการทำความฝันใหญ่ ๆ ให้สำเร็จเสมอไป ถ้าบางครั้งความสุข อาจจะซ่อนอยู่ในอะไรที่เรียบง่าย อย่างการได้กินข้าวมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่รัก ความสบายใจที่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน หรือความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างวันอย่างการที่ทำงานแบบไม่มีเรื่องติดขัดทั้งวันก็ได้ ถ้าสุดท้ายแล้วใครบางคนจะมีแค่ความฝันเล็ก ๆ หรือไม่ได้มีความฝันอะไรก็ไม่เป็นไร แค่ใช้ชีวิตวันนี้ให้ดี ทำให้ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว ยังไม่มีความฝันก็ไม่เป็นไร แค่มีความสุขกับทุก ๆ วัน เดี๋ยวก็เจอฝันที่ตรงใจ
ป้าข้างบ้านชอบถามว่าจบอะไรมา
คนเราไม่ควรเอาความสำเร็จของคนอื่นมาเป็นมาตรฐานในการใช้ชีวิตของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ความสุขในชีวิตควรมาจากการที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ชีวิตของเราเองจะเป็นยังไงก็อยู่ที่ตัวเราเอง ตราบใดที่มีความสุขกับตัวเองและสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนใครเขาจะพูดอะไรก็เฉย ๆ ไม่ต้องไปแคร์มากก็ได้ คนแต่ละคนมีวิธีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน มันไม่มีคำตอบตายตัวว่า งานไหนหรือการใช้ชีวิตแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคน เพราะไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำตามความคาดหวังของใคร จบอะไรมาก็ไม่สำคัญเท่ากับได้ทำงานที่ไม่ทรมานเวลาตื่น
อายุ 30 แล้วมีเงินเก็บเท่าไหร่
บางครั้งความสุขในชีวิต อาจไม่ได้มาจากการมีทรัพย์สินมากมาย แต่มาจากการอยากได้น้อยต่างหาก เพราะพอมีความต้องการน้อย ก็จะมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้วได้ โดยที่ไม่ต้องคอยพยายามดิ้นรนหาเงินเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อที่จะเติมความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด บางคนยอมทำงานหนักจนร่างกายพัง บางคนยอมไม่กินข้าวเที่ยงเพื่อให้มีเงินเก็บมากพอ ที่จะมีชีวิตที่คนอื่นบอกว่าดี จนลืมใช้ชีวิตที่ตัวเองมีความสุขจริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ควรวางแผนให้เหมาะสมกับตัวเองด้วย จะได้มีเงินบางส่วนที่แบ่งเอาไว้สนุกกับชีวิตได้ ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะพูดว่าอายุเท่านี้ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ ทำงานหาเงินมาได้ก็เก็บบ้าง ใช้บ้าง สลับกันไปตราบใดที่ยังรู้สึกโอเคกับชีวิตตอนนี้ ก็ถือว่าชีวิตดีแล้ว
ทำเท่าไหร่ก็รู้สึกว่ายังไม่ดีพอ
หลายคนเลยมักจะตั้งความคาดหวังหลายอย่างกับตัวเอง และพยายามกดดันตัวเองให้ไปถึงจุดหมายเหล่านั้น เพราะอยากให้ตัวเองประสบความสำเร็จ พอทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ก็เอาแต่บอกตัวเองว่า เพราะดีไม่พอเลยทำให้งานไม่ได้ออกมาอย่างที่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่ในแต่ละครั้งก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุดแล้ว ในบางครั้งการทำอะไรอย่างดีที่สุด เต็มที่ที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่า ผลลัพธ์จะออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไร้ข้อบกพร่องเสมอไป ถึงแม้บางครั้งจะมีข้อผิดพลาดไปบ้าง แต่ถ้าเอาความผิดพลาดนั้นมาพัฒนาตัวเอง ก็จะสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น แนะนำมาเป็นบทเรียนที่สอนให้เก่งขึ้นได้ในอนาคต
ไม่กล้าเริ่มทำอะไรเพราะเคยผิดพลาดมาแล้ว
บางครั้งความผิดพลาด ก็อาจสอนอะไรบางอย่างทำให้เติบโต และเป็นคนที่ดีขึ้นได้ ถ้าไม่เคยทำผิดมาก่อน ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง บางครั้งก็กลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น จนกังวลและคิดไปเองในแง่ลบ ทำให้เป็นทุกข์เกินความจำเป็น ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง อาจจะไม่เลวร้ายเท่ากับสิ่งที่คิดก็ได้ เวลาทำอะไรบางอย่างพลาดไป ก็แค่จำไว้ว่าถ้าทำแบบนี้ ผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนแล้ว ให้ลองทำอีกครั้งด้วยวิธีการใหม่ และระวังไม่ให้ทำผิดซ้ำแบบเดิมอีกแค่นั้นเอง ไม่ว่าจะต้องเจอกับความผิดพลาดอีกกี่ครั้ง ขอให้จำไว้ว่าเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้แล้ว และถ้าต้องเจอกับความผิดพลาดอีก ก็จะก้าวผ่านมันได้ในอนาคตอย่างแน่นอน ความผิดพลาดไม่ได้ทำให้เก่งน้อยลง แต่การเรียนรู้จากความผิดพลาดนี้แหละ ที่จะทำให้เก่งขึ้นไปได้อีกขั้น
ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่มีอะไรเก่งสักอย่าง
บางครั้งคนที่ถูกมองว่าเป็นเป็ด อาจจะรู้สึกท้อแท้และรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเหมือนคนอื่น เพราะเห็นคนที่มีความสามารถชัดเจนมาก ๆ หรือเก่งด้านใดด้านหนึ่งมาก ๆ เมื่อไหร่ก็อาจจะเริ่มเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนเหล่านั้น ทำให้ตัวเองขาดความมั่นใจ เพราะรู้สึกอยู่เสมอว่า ถึงจะทำสิ่งที่เขาทำได้ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำได้เก่งเท่าเขาเลย ข้อดีของการทำได้หลาย ๆ อย่างคือ การได้ทำอะไรที่หลากหลาย ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ เพราะได้เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ และนั่นคือวิธีใช้ชีวิตให้คุ้มค่าอีกวิธีหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะทำได้หลายอย่างแบบนี้ การทำอะไรได้หลายอย่าง ก็ถือเป็นความเก่งอย่างหนึ่งในตอนนี้ อาจจะมองว่าตัวเองไม่ได้เก่งที่สุด แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เก่งเลย
เมื่อไหร่จะประสบความสำเร็จเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
ทั้ง ๆ ที่ก็พยายามเต็มที่แล้วทุกวิถีทาง แต่สุดท้ายก็ยังทำไม่ได้เหมือนคนอื่นสักที ได้แต่นั่งน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เมื่อไหร่จะประสบความสำเร็จแบบคนอื่น แทนที่จะใช้เวลาในชีวิตที่มีไปโฟกัส และกังวลอยู่กับความสำเร็จของคนอื่น ควรใช้เวลานั้นทำสิ่งที่มีความหมายกับตัวเอง และทำสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ดีกว่าการที่ยึดเอาความสำเร็จของคนอื่นเป็นมาตรฐาน อาจทำให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ชีวิตคนเราควรเป็นคนกำหนดเอง เพราะเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน ทุกคนมีจังหวะชีวิตของตัวเอง และความสำเร็จของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ยอมละทิ้งความฝันทำสิ่งที่ไม่ชอบเพื่อชีวิตมั่นคง
บางครั้งก็ต้องยอมพักความฝันเอาไว้ เพื่อสร้างความมั่นคงและความสะดวกสบายในชีวิตจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องละทิ้งความฝันนั้น เพราะสุดท้ายแล้วความฝันที่มี จะคอยเป็นแรงบันดาลใจ ให้ทำสิ่งที่ต้องทำเสมอ ถึงจะไม่ได้ชอบสิ่งที่ทำอยู่เท่าไหร่ แต่บางครั้งก็ต้องยอมรับกับความจริง และทำสิ่งที่ต้องทำอย่างงานที่หาเงินได้เยอะกว่าไปก่อน ถึงจะต้องทำสิ่งที่ต้องทำอย่างงานที่ไม่ได้ชอบมาก เพื่อความมั่นคงในชีวิต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องละทิ้งสิ่งที่อยากทำ ไม่เห็นต้องทิ้งอะไรเลย แค่แบ่งเวลาและจัดลำดับความสำคัญให้ดีแค่นั้นเอง บางความฝันอาจจะทำเพื่อเลี้ยงชีพไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเลิกทำความฝัน ยังไงก็อยู่ด้วยเสมอถ้าไม่ทิ้งมัน เอาไว้ยังไงก็กลับไปหามันได้ทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าหยุดฝัน ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็ทำสิ่งที่ต้องทำตอนนี้ให้ดีที่สุดไปก่อน พอชีวิตมั่นคงแล้วจะได้ไปทำสิ่งที่ชอบได้ในภายหลัง
โดนคนรอบข้างพูดถึงแต่ข้อเสีย จนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า
เวลาที่มีคนพูดถึงข้อเสียของตัวเอง ให้แบ่งประเภทของคนเหล่านั้นไว้ 3 แบบ
แบบแรกคือ ตำหนิเพราะหวังดีอยากให้ปรับปรุง ถ้าดูแล้วว่าคน ๆ นั้นตำหนิเพราะหวังดี ก็ควรเอาคำตำหนินั้นมาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
แบบที่ 2 คือ ตำหนิเพราะอยากตำหนิเฉย ๆ ถ้าดูแล้วว่าเขาตำหนิเพราะอยากตำหนิเฉย ๆ ก็อาจจะลองพิจารณาดูว่าสิ่งที่เขาตำหนิมันจริงไหมถ้าจริงก็ปรับปรุง ถ้าไม่จริงก็เฉย ๆ ไป
แบบที่ 3 คือตำหนิเพราะอยากให้รู้สึกแย่กับตัวเอง แต่ถ้าดูแล้วว่าเขาตำหนิเพราะอยากให้รู้สึกแย่ วิธีที่ใช้รับมือกับคนแบบนี้คือ ปล่อยคำตำหนินั้นผ่านไปเลย เพราะเขาไม่ได้หวังดีกับเราตั้งแต่แรก แล้วจะเก็บคำตำหนินั้นมาคิดไปทำไม
เวลามีใครบางคนมาพูดหรือมาทำสิ่งไม่ดีกับเรา ความคิดและมุมมองของเราเท่านั้น ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า จะเจ็บปวดจากการกระทำของเขาหรือเปล่า ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับคำพูดและการกระทำของคน ๆ นั้น และมองให้ทุกอย่างเป็นการกระทำที่ไม่มีความหมาย ก็จะไม่ต้องมาทุกข์ใจเพราะพลังงานแย่ ๆ จากเขา
บทที่ 4 งานมันแย่
ลางานดีไหม จะทำให้คนในทีมลำบากหรือเปล่า
หลายครั้งที่มีเหตุผลที่สมควรจะลาหยุดได้ แต่หลายคนกลับไม่ยอมลางาน ทั้ง ๆ ที่บางคนทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมากอยากพักผ่อน บางคนฝืนสภาพร่างกาย แบกตัวเองมาทำงานทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังมีอาการป่วย บางคนมีธุระสำคัญต้องไปทำ แต่ก็ต้องเลื่อนไปก่อน เพราะรู้สึกผิดที่จะลาไปทำธุระส่วนตัว เอาแต่คิดถึงผลที่จะตามมา ถ้าลาหยุดจนทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี จนสุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ลา แล้วฝืนทั้งร่างกายและจิตใจให้ทำงานต่อไป
การลาเป็นสิทธิ์ อย่าลืมว่าชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ถ้าในวันทำงานรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ เนื้องานที่ต้องทำก็ทำออกมาได้ดี ไม่ทำให้ใครมีปัญหาการลางานก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การลางานอาจจะดูน่ากลัว เพราะเอาแต่กังวลว่าจะทำให้งาน และเพื่อนร่วมงานมีปัญหาทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว อาจจะไม่มีปัญหาอะไรเลยก็ได้
ให้งานยากจัง จะทำได้ไหม
หลายครั้งเวลาต้องทำอะไรที่ดูยาก บางคนอาจจะรู้สึกกดดันหรือกลัวไปก่อนว่า ตัวเองจะทำไม่ได้จนบางครั้งก็เลือกที่จะไม่ทำสิ่งนั้น เพราะรู้สึกว่าการทำอะไรยาก ๆ ให้สำเร็จ มันดูเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บางครั้งก็เลือกไม่ได้หรอกว่า ชีวิตจะต้องเดินมาเจอกับเรื่องง่ายหรือเรื่องยาก โดยเฉพาะในการทำงานที่มีหน้าที่ต้องทำ และมีงานที่ต้องรับผิดชอบทุกวัน หลายคนที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานยาก ๆ จึงมักรู้สึกกดดันและไม่มั่นใจ ทำให้หลายคนเก็บไปคิดมาก จนสะสมกลายเป็นความเครียด ไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งได้ทั้งนั้น หลายครั้งที่เห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ดูยาก อาจเป็นเพราะยังไม่ได้ลงมือทำมัน บางทีถ้าลองทำมันสักครั้ง สิ่งนั้นอาจไม่ได้ยากอย่างที่คิดก็ได้ ถึงมันจะดูยากก็ลองทำดูก่อน แค่เชื่อว่าตัวเองทำได้ ความยากก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ไม่สบายใจ มีคนที่ไม่ชอบในที่ทำงาน
คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้ทุกคนยอมรับ การมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ถ้ารู้ว่ามีคนไม่ชอบอาจจะต้องลองคิดดูก่อนว่า การที่จะมีใครบางคนรู้สึกไม่ชอบ อาจจะมาจากพฤติกรรมที่ไม่น่ารักบางอย่างหรือเปล่า ในมุมมองของคนอื่น ๆ ที่ร่วมงานกัน เวลาทำงานอาจจะซีเรียสกับการทำงานมากเกินไป จนเผลอพูดไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานไปไหม หรืออาจจะยึดติดกับความสมบูรณ์แบบมาก ๆ จนกลายเป็นคนจุกจิกกับเพื่อนร่วมงาน อันนู้นก็ไม่ดีอันนี้ก็ไม่ได้ไม่ยอมให้งานผ่านสักทีหรือเปล่า
คนเราเป็นคนธรรมดา ที่จะมีทั้งคนที่ชอบและคนที่ไม่ชอบ ทำให้ทุกคนชอบไม่ได้หรอก การปล่อยวางถือเป็นการปกป้องตัวเอง จากการกระทำและคำพูดแง่ลบของคนอื่น ถ้าไม่ให้ความสำคัญหรือไม่ตอบสนอง ทั้งต่อการกระทำหรือคำพูดนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ส่วนคนที่ไม่ชอบก็มองเขาให้เป็นแค่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็พอ ไม่ต้องเอาเขามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เจอหน้าก็แค่ยิ้มให้ ถ้าเขาจะไม่พอใจนั่นก็เป็นเรื่องของเขา
เลิกงานแล้วแต่ยัง LINE มาคุยเรื่องงาน
การ LINE มาคุยเรื่องงานนอกเวลางาน หลายคนอาจจะสับสนจนไม่รู้จะทำยังไง เพราะใจหนึ่งก็ว่าถ้าไม่รีบตอบ ไม่รีบทำงาน จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งก็เถียงกับตัวเองว่า นี่มันเป็นเวลาส่วนตัว ถ้าเป็นปัญหาเรื่องงาน ก็ควรคุยตอนทำงานหรือเปล่า ทำให้ตีกับตัวเองในใจวุ่นวายไปหมด ถ้าเรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องสำคัญ หรือด่วนมากจริง ๆ ก็ให้บอกกับเพื่อนร่วมงานเอาไว้ก่อนเลยว่า ถ้าหลังเลิกงานมีเรื่องที่สำคัญมาก แล้วไม่ตอบไลน์ให้โทรหาได้เลย ความสุขในชีวิตขึ้นอยู่กับว่า จัดลำดับความสำคัญสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตไว้ ยังไงเมื่อรู้ว่าอะไรสำคัญมากน้อยแค่ไหน พอถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจ ก็จะมั่นใจได้ว่าจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ทำให้มีความสุขเสมอ เวลามีไลน์เกี่ยวกับงานเด้งมานอกเวลางาน ไม่ว่าจะเลือกทำแบบไหนก็อย่าลืมเลือกความสบายใจของตัวเอง ให้มาเป็นอันดับแรกเสมอ
ไม่กล้าเปลี่ยนงานบ่อย เพราะกลัวคนมองว่าไม่อดทน
ถ้าบริษัทไม่ดี มีปัญหา หรือไม่ตอบโจทย์ชีวิต การเปลี่ยนงานก็ไม่ผิด การที่อดทนยอมทำงานในบริษัทที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิต อาจจะทำให้เสียเวลาที่จะได้เติบโตในบริษัทที่เอื้อให้ได้ใช้สกิลอย่างเต็มที่ ลองคิดดูถ้าได้ทำงานในบริษัทที่มีความสุข จะทำงานออกมาได้ดีและไปได้ไกลแค่ไหน แต่จริง ๆ แล้วการเปลี่ยนงานบ่อยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากตัวบริษัทเอง และบางครั้งก็มาจากปัจจัยในชีวิตด้วย
บางคนอาจจะแค่อยากอัพเงินเดือน บางคนอาจจะแก้ต้องการย้ายไปทำงานใกล้บ้านมากขึ้น บางคนอาจจะแค่อยากหางานที่ใช่สำหรับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทนกับปัญหาที่เจอ ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความคิดคนอื่นขนาดนั้นก็ได้ ตัวเราไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งบนโลกสักหน่อย ถ้ารู้สึกว่าบริษัทที่ทำงานอยู่ตอนนี้ ยังไม่เหมาะสมกับเงื่อนไขบางอย่างในชีวิต ก็ไม่เป็นไรถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลง
เบื่อเพื่อนร่วมงาน toxic
การทำงานทำให้ต้องเจอกับคนหลายคนที่นิสัยไม่เหมือนกัน แล้วยังต้องมารวมตัวอยู่ในสถานที่เดียวกันแทบทุกวัน ต้องมาใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันทำงานด้วยกันอีก เมื่อต้องทำงานกับคนเยอะ ๆ ไปได้สักพัก หลายคนอาจจะสังเกตว่า เพื่อนร่วมงานบางคนมีนิสัยบางอย่างที่มองว่าไม่โอเค ถ้าใครต้องร่วมงานกับคนที่เป็นพิษ แนะนำให้พูดคุยและตอบโต้กับคนเหล่านั้นเท่าที่จำเป็น รักษาระยะห่าง พยายามคุยกับเขาแค่เฉพาะเรื่องงานก็พอ ใครจะว่ายังไงก็ว่าไปเถอะ ตัวเราต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน ไม่ว่าใครจะเป็นยังไงก็ปล่อยเขา ให้โฟกัสแต่ที่ตัวเรา พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชีวิตคนเรามันสั้น ใช้ชีวิตให้มีความสุข เอาเวลามาพัฒนาตัวเอง ให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลือกพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางคนที่ดีกับเราดีกว่า อย่าไปใส่ใจกับอะไรแย่ ๆ เลย
ทำงานเต็มที่ตลอดแต่ไม่เจริญก้าวหน้า
เวลาได้รับมอบหมายงาน ทุกคนในทีมก็ตั้งใจทำงานกันเต็มที่ เพื่อให้งานออกมาดีกันทั้งนั้น แต่พอถึงเวลาที่จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง กลับมีแค่ไม่กี่คนที่ก้าวหน้าไวกว่าคนอื่น การเลื่อนขั้นเป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของหัวหน้า ที่ผ่านมาอาจจะพยายามหนักมากก็จริง แต่ในมุมมองของหัวหน้า เขาอาจจะเห็นอะไรบางอย่างในตัวเพื่อนร่วมงานคนนั้น ที่เขาพิจารณาแล้วว่าสมควรเลื่อนขั้นให้ ตัวเราบังคับให้หัวหน้าเลื่อนขั้นให้ตัวเราแทนเพื่อนร่วมงานคนอื่นไม่ได้
แต่สามารถวิเคราะห์ตัวเองว่า ยังขาดตกบกพร่องหรือยังมีข้อผิดพลาดตรงไหน เพื่อปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น และทำผลงานให้ดี แล้วเสนอหัวหน้าทีมได้ในการทำงาน ทุกคนอาจมีหน้าที่ต่างกัน เป้าหมายของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปด้วย จึงไม่ควรมัวแต่ไปสนใจคนอื่น แต่ความตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะได้รับการยอมรับหรือคำชมจากหัวหน้าหรือไม่ก็ตาม ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร คนที่เขาได้เลื่อนขั้นอาจจะพยายามไม่น้อยไปกว่าเราก็ได้ แค่ทำตัวเองให้เก่งกว่าตัวเราคนเดิมในเมื่อวานก็พอแล้ว
สั่งงานแต่ไม่บอกรายละเอียด
ทั้ง ๆ ที่การบรีฟงาน ควรจะเป็นการบอกเป้าหมายของงาน และให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานให้มากที่สุด เพื่อให้คนบรีฟและคนรับบรีฟเห็นภาพตรงกันมากที่สุด พอข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ได้มาไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ถ้าเริ่มลงมือทำงานด้วยข้อมูลที่ให้มา งานอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ต้องการ แล้วก็อาจต้องแก้งานใหม่ กลายเป็นต้องทำงานหลายรอบไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าได้รับบรีฟงานแบบไม่ละเอียดมา ก่อนจะเริ่มลงมือทำอะไร แนะนำว่าให้ลองพยายามรวบรวมข้อมูลจากบรีฟที่ได้มาดูก่อน เพื่อเช็คดูอีกทีว่าพอจะได้รายละเอียดอะไรมาบ้าง มีรายละเอียดอะไรที่พอจะรู้บ้างไหม ชีวิตตัวเราอาจจะไม่ได้มีคนมาคอยบอก หรือแนะนำวิธีในการทำสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา แต่เวลาที่ไม่รู้อะไรเลยนี่แหละคือ ช่วงเวลาที่จะได้รู้ว่าตัวเองเก่งแค่ไหน เพราะจะพยายามทุกวิถีทาง นับทุกความรู้และความเข้าใจที่มีมา แก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้านี้ให้หายไป การทำสิ่งยาก ๆ นี่แหละ ที่จะฝึกฝนให้เป็นคนที่เก่งขึ้นได้
โดนวานให้ทำงานนอกเหนือหน้าที่
งานใคร ๆ ก็อยากทำ เพราะถือว่าเป็นการแสดงศักยภาพให้คนในบริษัทเห็นว่า ทำอะไรได้บ้าง มีความสามารถแค่ไหน แต่พองานที่พี่ ๆ เขาไหว้วานให้ทำ มันดันไม่เกี่ยวกับหน้าที่ตามตำแหน่งเลย หลายคนก็เลยอึดอัดใจ เพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ถ้าไม่ใช่หน้าที่โดยตรงปฏิเสธไปเลยก็ไม่ผิด ถ้าตกลงทำงานที่นอกเหนือจากหน้าที่ ที่บรรดาพี่ ๆ มาฝากให้ช่วยทำ ก็ต้องเลื่อนไทม์ไลน์งานของตัวเองออกไป หรือถ้าไม่เลื่อนก็อาจต้องอดหลับอดนอน เพื่อให้ทั้งงานของตัวเองและงานของพี่ ๆ เสร็จทันเวลา
ถ้าช่วยคนอื่นแล้วตัวเองลำบากก็อย่าทำเลย บอกพี่ ๆ เขาไปตามตรงก็ได้ การเลือกที่จะไม่ทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีน้ำใจ แต่มันคือการที่กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน เพื่อให้ตัวเองจะได้ไม่ต้องแบกภาระที่เกินตัวจนเกินไป การมีน้ำใจกับคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ต่อให้มีน้ำใจแค่ไหน ก็ช่วยเหลือทุกคนไม่ได้หรอก ถ้ามีหน้าที่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ถ้ามีเวลาว่างค่อยหยิบยื่นน้ำใจนั้น ให้คนอื่นก็ยังไม่สาย
บทที่ 5 ฉันมันแย่
ถ้าทำแบบนี้คนอื่นจะคิดยังไง
ไม่ต้องคิดมากไปว่าใครจะคิดยังไง ทุกคนก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง คนอื่นน่าจะไม่ได้สนใจ หรือจับจ้องขนาดนั้น คนอื่นก็คงจะมีเรื่องสำคัญในชีวิตของเขา ที่เขาต้องใส่ใจมากกว่าความเคลื่อนไหวในชีวิตของเรา ให้ใช้ชีวิตแบบชิว ๆ บ้างก็ได้ ลองเริ่มปรับจากสิ่งเล็ก ๆ ดูเวลาที่ไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง แทนที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า คนอื่นจะมองเรายังไง ให้เปลี่ยนมาถามตัวเองว่า สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ทำให้เรามีความสุขกับตัวเองหรือเปล่า ดีกว่าที่จะสนใจว่าคนอื่นจะมองเรา ยังไงก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่แคร์ความคิดของคนอื่น จนลืมใช้ชีวิตของตัวเอง คนแต่ละคนมีมุมมองและความคิดที่แตกต่างกัน ถ้าต้องใช้ชีวิตแบบกังวลว่าคนอื่นจะมองยังไง และพยายามใช้ชีวิตให้ทุกคนพอใจตลอดเวลา ก็อาจจะต้องใช้ชีวิตตามที่คนอื่นบอกไปตลอดชีวิตก็ได้
ถ้าบอกความต้องการให้คนอื่นรู้จะดูเห็นแก่ตัวไหม
ใคร ๆ ก็บอกว่าต้องรักตัวเองให้มาก ๆ แต่ก็อาจจะยังมีบางคนที่กังวลว่า ถ้ารักตัวเองมาก ๆ จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไหม การรักตัวเองเป็นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นความรู้สึกที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด การแสดงความต้องการคือ การแสดงความรักตัวเองไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว เพราะการที่กล้าแสดงจุดยืนในเวลาที่จำเป็น จะเป็นการปกป้องตัวเองให้อยู่ห่างจากปัญหา
คนรักตัวเองกับคนเห็นแก่ตัวต่างกันมาก คนรักตัวเองคือ คนที่คิดถึงคุณค่าและความรู้สึกของตัวเองเป็นอันดับแรก อยากดูแลให้ตัวเองมีความสุข แต่ก็ยังคิดถึงคนอื่นอยู่ด้วย ไม่คิดเอาเปรียบหรือตักตวงจากคนอื่น เพื่อให้ตัวเองมีความสุข ในขณะที่คนเห็นแก่ตัวคือ คนที่ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง ทำอะไรก็นึกถึงแต่ตัวเอง และความรู้สึกส่วนตัวเสมอ ตราบใดที่ตัวเองโอเค ใครจะรู้สึกยังไงหรือคนอื่นจะเดือดร้อนแค่ไหนก็ไม่สน การรักตัวเองเลยไม่เท่ากับความเห็นแก่ตัว
ไม่เอาไหนเลยทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
เวลาที่อะไร ๆ ไม่สำเร็จอย่างที่หวัง หลายคนมักจะเอาแต่ซ้ำเติมตัวเอง คิดด้อยค่าตัวเองว่าเป็นคนไม่เอาไหน ในโลกนี้ไม่มีใครที่เก่งไปหมดทุกเรื่อง และก็ไม่มีใครที่ไม่เก่งอะไรเลย การที่พยายามเต็มที่แล้ว ทุกครั้งเวลาทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ยังทำสิ่งเหล่านั้นไม่สำเร็จสักที ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนไม่เก่ง แต่มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถนัดเท่านั้นเอง การกล้าที่จะลงมือทำเพราะเก่งมากแล้ว แต่อย่ากดดันตัวเองขนาดนั้นเลย ทุกคนมีความสามารถ และความถนัดที่แตกต่างกัน ความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่การที่ต้องเก่งทุกอย่าง แต่เป็นการที่ได้ทำในสิ่งที่รัก และเข้ากับตัวเองมากที่สุดต่างหาก ลองมองความไม่สำเร็จให้เป็นโอกาส ความไม่สำเร็จแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น ก็เหมือนเป้าหมายเล็ก ๆ ที่กำลังค่อย ๆ ก้าวข้ามไปทีละก้าวแบบชิว ๆ เพื่อไปค้นหาสิ่งที่ชอบ หรือสิ่งที่ถนัด แค่เพราะยังไม่สำเร็จในตอนนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีเรื่องที่ทำสำเร็จเลยสักอย่าง
ไม่ชอบเวลาที่ทำอะไรได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ใจต้องการ
โลกนี้ไม่มีคนที่ดีพร้อม และสมบูรณ์แบบ 100% แล้วก็ไม่มีใครที่จะเลวร้ายไปทั้งหมดเหมือนกัน คนเราย่อมมีทั้งข้อดีในตัวเองและย่อมมีข้อเสียเช่นกันเป็นธรรมดา อย่าทรมานตัวเองด้วยการพยายามควบคุมให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบเลย เพราะการพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ อาจทำให้เครียดและทุกข์ใจเกินความจำเป็น ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้ ลองหันกลับไปดูก่อนว่า ที่ผ่านมาพยายามมากแค่ไหน และไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง นั่นก็เป็นความพยายามอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว เปิดพื้นที่ให้กับความไม่สมบูรณ์แบบบ้างก็ได้ อย่ากดดันตัวเองด้วยการเพิ่มเงื่อนไขมากมายให้กับชีวิตเลย เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับเรื่องง่าย ๆ บ้างก็ได้ อย่าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมองหาข้อบกพร่องในชีวิต ลองเปลี่ยนมามองหาข้อดีในตัวเอง หรือเอาเวลามาชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ทำได้ในแต่ละวันดีกว่า
ใจดีมากไปจนตัวเองเดือดร้อน
เป็นคนใจดีมันก็ดี แต่บางทีต้องดูด้วยว่า ควรจะใจดีในเรื่องไหนบ้าง ต้องดูคน ดูโอกาส ให้เป็นว่าคนไหนที่ช่วยได้ หรือเมื่อไหร่ที่ควรช่วย ใครที่ช่วยเขาแล้วจะไม่ลำบาก สามารถเป็นที่รักของคนรอบข้างได้ โดยที่ไม่ต้องเสียสละความสุขของตัวเอง ถ้าอยากจะช่วยเหลือคนอื่น ควรพิจารณาเป็นเคส ๆ ไปว่า การช่วยเขาทำให้ลำบาก หรือต้องเสียสละมากเกินไป จนเป็นการทำร้ายตัวเองหรือเปล่า เป็นคนใจดีมันก็ดี แต่ไม่ต้องใจดีกับคนทั้งโลกก็ได้ มีวันที่ต้องยอมเป็นคนใจร้าย เพื่อรักษาใจตัวเองบ้างถ้าเขาไม่เห็นเป็นไร อย่าใจดีกับคนอื่นมากเกินไป จนใจร้ายกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตอย่างตัวเอง ควรใช้ชีวิตบนความสบายใจของตัวเอง ไม่ใช่บนความพอใจของคนอื่น
ไม่กล้าตัดคนที่เป็นพิษออกจากชีวิตเพราะกลัวเสียมิตรภาพ
คนเราทุกคนคงไม่มีใครอยากเจอเรื่องแย่ ๆ แต่เรื่องแย่ ๆ ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และบ่อยครั้งที่เรื่องแย่ ๆ ก็เกิดขึ้นจากคนรอบตัว ถ้าจะคบใครเป็นเพื่อนทั้งที คน ๆ นั้นก็ควรจะเป็นเพื่อนที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง จะได้พากันไปหาสิ่งดี ๆ ช่วยการส่งเสริมให้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ดังนั้น เมื่อไหร่ที่คนรอบตัวไม่ได้ทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง ก็ไม่ควรลังเลที่จะตัดคนนั้นออกจากชีวิตทันที ขนาดในวันที่อากาศมีมลพิษเยอะ พวกเรายังต้องใส่แมสเพื่อป้องกันตัวเอง แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เป็นพิษ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตยุ่งเหยิง ถึงจะไม่ป้องกันตัวเอง ด้วยการยอมตัดทิ้งไปสักที การที่สลัดคนที่ทำให้รู้สึกไม่ดีออกไปจากชีวิต ไม่ใช่เพราะความเกลียดก็ตามแต่ มันคือการที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเป็นอันดับแรก และสิ่งนี้เรียกว่าการรักตัวเอง ไม่มีใครดูแลความรู้สึกของตัวเราได้ดีเท่าตัวเราเอง ถึงจะรู้สึกผิดและใจหายที่ต้องผลักบางคนออกไป แต่ต้องดูแลหัวใจของตัวเองก่อน
อยากนอนเฉย ๆ ในวันหยุดแต่รู้สึกไม่มีคุณค่า
หลายคนอาจจะชอบทำงาน เพราะรู้สึกว่างานเป็นตัววัดคุณค่า คิดว่ายิ่งขยันทำงานจนงานออกมาดีเท่าไหร่ ยิ่งแปลว่าเป็นคนที่เก่งและมีคุณภาพ ตามผลงานที่ทำออกมามากขึ้นเท่านั้น ทำให้พอมีเวลาว่างได้อยู่เฉย ๆ ในวันหยุดได้พักสมอง และวางมือจากงานที่ทำทุกวัน กลับรู้สึกผิดต่อตัวเอง ที่ไม่ได้พยายามใช้เวลาว่างที่มีให้คุ้มค่าด้วยการทำงาน คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ผลของงานเสมอไป การทำงานอย่างไม่หยุดพักไม่ได้กำหนดคุณค่า และการหยุดพักจากงานบ้างก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าน้อยลง แต่เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี มันจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นในระยะยาว เครื่องจักรทำงานยังต้องมีหยุดพัก คนเรามีชีวิตมีจิตใจใช้ร่างกายทำงานทุกวัน ก็ต้องทำให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การทำงานไม่สามารถวัดคุณค่าทั้งหมดของตัวเราได้ เพราะคุณค่าอยู่ที่ตัวเราต่างหาก
ชอบโทษตัวเองเสมอแม้เป็นความผิดพลาดที่มาจากคนอื่น
คำว่าขอโทษคือหนึ่งในคำที่จำเป็นมาก ๆ ในการเข้าสังคม และแทบทุกครั้งคำว่าขอโทษที่พูดออกไป ก็ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้ เมื่อคนอื่นทำผิดพลาดไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหรือรู้สึกผิดแทนคนอื่น แต่ละคนควรจะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง และตัวเราเองก็ควรให้ความสำคัญกับการดูแลความรู้สึกของเราเป็นอย่างแรก บางครั้งการขอโทษบ่อย ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ว่าจะขอโทษเพราะกลัวความขัดแย้ง หรือขอโทษเพราะกลัวมีปัญหา อาจจะไม่ต่างกับการที่สะกดจิตตัวเอง ถ้าคนอื่นทำผิดจริง ๆ ก็ไม่เห็นต้องขอโทษ หรือต้องโทษตัวเองเลย เพราะบางครั้งคำขอโทษก็ทำให้ไม่มีความสุขได้ และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกเสียใจไปทุกเรื่อง ปล่อยให้ตัวเองได้คิด หรือทำอะไรโดยที่ไม่รู้สึกผิดบ้าง
อยากทำอะไรสักอย่าง แต่ผลัดวันไปเรื่อย ๆ เพราะกลัวจะทำได้ไม่ดี
ความกลัวเป็นความรู้สึกปกติ ที่อาจเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน เวลาที่ต้องลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือเวลาที่ต้องทำสิ่งที่คาดเดาและควบคุมไม่ได้ สุดท้ายความกลัวก็ทำให้หลายคนลงเอยที่ไม่กล้าทำ ได้ลองแต่ไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ยังได้ลอง แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่มีวันรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เวลาอยากเริ่มทำอะไรสักอย่าง บางคนอาจจะบอกว่าไม่ได้จะไม่ทำ แต่ขอรอให้อะไร ๆ พร้อมกว่านี้ ถ้ามัวแต่รอจนเสียโอกาสจะได้สิ่งที่ต้องการไป จะไม่เสียดายโอกาสนั้นจริง ๆ ใช่ไหม อย่าปล่อยให้ความกลัวมาห้าม อย่ามัวรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเวลาที่สมบูรณ์แบบไม่มีจริง จะเห็นผลลัพธ์ได้ก็ต่อเมื่อตัดสินใจลงมือทำ คนที่ประสบความสำเร็จมาก ไม่ใช่คนที่ลองคิดแต่เป็นคนที่ลองทำอะไรบางอย่าง ส่วนคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จคือ คนที่ยังไม่เริ่ม การเริ่มต้นอาจจะเป็นสิ่งที่ยาก แต่ลองคิดดูว่าจะเสียดายแค่ไหน ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้ว พอมองย้อนกลับมาทำได้แค่คิดว่า ถ้ารู้อย่างนี้ตอนนั้นน่าจะยังไม่รู้เลยว่า ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ลองทำดูก่อนดีกว่าไหม ลองทำแล้วทำไม่ได้ ยังดีกว่ามานั่งเสียดายที่ไม่ได้ลองทำ.