ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน

สั่งซื้อหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” (คลิ๊ก)

สรุปหนังสือ Secrets of the Millionaire Mind ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน

By T. Harv Eker

บทนำ

ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์ เป็นใคร แล้วทำไมต้องอ่านหนังสือเล่นนี้ ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์กล่าวว่า อย่าเชื่อสักคำที่เขาพูด เพราะเขาพูดจากประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ไม่มีแนวคิดหรือความเข้าใจอันใดจริงหรือเท็จ ถูกหรือผิดเสมอไป มันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา และเป็นผลลัพธ์ของผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายหมื่นคน เขาเชื่อว่าถ้าหากยึดมั่นในหลักการที่ได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ ชีวิตก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อย่าเพียงแต่อ่าน จงศึกษามันราวกับว่าชีวิตจะขาดมันไปเสียไม่ได้ จากนั้นนำหลักการเหล่านั้นไปใช้กับชีวิตของคุณ

ถ้าสิ่งใดใช้ผลให้ทำต่อไป ถ้าสิ่งใดใช้ไม่ได้ผลก็โยนมันทิ้งไป หนังสือเล่มนี้จะมาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป ระหว่างความปรารถนาในความสำเร็จ และการบรรลุความสำเร็จอย่างแท้จริง บางคนอาจศึกษาในเรื่องสารพัดวิธีสอนให้รวย แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมันเป็นกฎเกณฑ์อย่างหนึ่ง ถ้าจิตใต้สำนึกหรือแผนผังการเงิน (Money Blueprint) ไม่ถูกกำหนดไว้เพื่อความสำเร็จ ไม่ว่าจะเรียนรู้อะไร รู้มากแค่ไหน หรือทำอะไร ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก

เดิมเขาก็เป็นเหมือนคนทั่วไปที่ชีวิตประสบพบเจอแต่ความยากลำบากแสนเข็ญ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากเพื่อนของพ่อซึ่งเป็นคนร่ำรวยสุดขีด เขาบอกที ฮาร์ฟว่า คนรวยส่วนใหญ่มีวิธีคิดที่คล้ายกันมาก แล้วสรุปว่า ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือเลียนแบบวิธีคิดของคนรวย เขาจึงทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการศึกษาชีวิตคนรวยและวิธีคิด โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับจิตวิทยาด้านการเงินและความสำเร็จ ที ฮาร์ฟจึงเข้าใจในที่สุดจึงตระหนักได้ว่า ความคิดนี่แหละเป็นตัวถ่วงความเจริญ และเพื่อปรับความคิดเสียใหม่จนสามารถคิดด้วยวิธีเดียวกับที่คนรวยคิด

จุดนี้เองที่ทำให้เขากระจ่าง คนเราอาจมีเครื่องมือที่ดีที่สุดในโลกอยู่ในมือแล้ว แต่ถ้ากล่องเครื่องมือ (ความคิด) มีรอยรั่วก็เกิดปัญหาแล้ว หัวใจสำคัญคือการผสมผสานปัจจัยภายในกับปัจจัยภายนอกเข้าด้วยกัน ทุกคนก็สามารถทะยานสู่ความสำเร็จได้เหมือนกัน ปัจจัยสำคัญที่สุดที่เป็นตัวลิขิตความสำเร็จทางการเงินคือ วิธีคิดของตัวเราเอง มีนิทานเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของผู้ชายที่เดินไปตามหน้าผา แต่พลาดเสียการทรงตัวลื่นไถลตกลงไปในหุบเหว โชคดียังดีที่เขาคว้าชง่อนผาไว้ และยึดมันแน่นสุดชีวิตและห้อยอยู่อย่างนั้น จนที่สุดก็ตะโกนบอกว่า มีใครข้างบนพอจะช่วยได้ไหม แต่ก็เงียบเขาเฝ้าตะโกนร้องเรียกต่อไปเรื่อย ๆ สุดท้ายมีเสียงตอบกลับมาว่า ข้าคือพระเจ้า ข้าช่วยเจ้าได้ จงปล่อยมือและเชื่อมั่นในตัวข้า ลองเดาว่าเขาจะทำอย่างไร เขาร้องตะโกนต่อไปว่า มีใครข้างบนพอจะช่วยได้ไหม

บทเรียนที่ได้จากเรื่องนี้คือ ถ้าอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ก็ต้องเต็มใจยอมปล่อยวางวิธีคิดและการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่เข้ามาสู่ชีวิต แล้วจะประจักษ์ถึงผลที่ตามมาในที่สุด

สั่งซื้อหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” ได้ที่นี่ : คลิ๊ก

ส่วนที่ 1 แผนผังการเงินของคุณ

เราอาศัยอยู่ในโลกแห่งความตรงกันข้าม ทุกอย่างมีขึ้นมีลง มีมืดมีสว่างมีนอกมีใน มีซ้ายมีขวา ขั้วหนึ่งจะคงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีอีกขั้วหนึ่ง กฎเกณฑ์ภายนอกประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น ความรู้ทางธุรกิจ การบริหารเงิน และกลยุทธ์ในการลงทุน ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญ แต่กฎเกณฑ์ภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าจะเปรียบคงคล้ายกับข่างไม้และเครื่องไม้เครื่องมือ การมีเครื่องมือคุณภาพเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญ แต่การเป็นช่างไม้ที่มีความช่ำชองในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การอยู่ถูกที่ถูกเวลามันไม่พอมันต้องเหมาะสมกับเวลาและสถานที่เหล่านั้นด้วย

ความจริงก็คือลักษณะนิสัย วิธีคิด และความเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญ ที่บ่งชี้ระดับความสำเร็จ หลักการแห่งความมั่งคั่ง รายได้จะเติบโตจนถึงระดับที่เติบโต

ทำไมแผนผังการเงินในหัวจึงเป็นเรื่องสำคัญนัก

สังเกตเห็นไหมว่าบางคนมีเงินมากมาย แต่แล้วก็ผลาญมันจนหมด หรือมีโอกาสทองในการเริ่มต้นธุรกิจอย่างสวยงาม แต่แล้วก็ทำมันพัง สาเหตุที่แท้จริงก็คือ เมื่อคุณมีเงินก้อนใหญ่ขนาดที่สภาพจิตใจยังไม่พร้อม สมบัติก้อนนั้นอาจอยู่ไม่นาน แล้วก็จะเสียมันไปในที่สุด คนส่วนใหญ่ไม่มีขีดความสามารถภายในใจมากพอที่จะหา และรักษาเงินจำนวนมาก ๆ ไว้ ในทางตรงกันข้ามเศรษฐีเงินล้าน ที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองกลับแตกต่างออกไป ลองสังเกตว่าเมื่อเศรษฐีเงินล้านเหล่านี้เกิดสูญเสียเงินไป พวกเขาจะหามันกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เขาเคยมีทรัพย์สินนับพันล้าน จนมาวันหนึ่งเขาก็สูญเสียทุกอย่างไปจนหมดตัว แต่อีก 2 ปีให้หลัง เขาก็กลับมาผงาดใหม่ แถมยังมีเงินมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

รากก่อให้เกิดผล

ลองนึกถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง สมมุติว่ามันคือต้นไม้แห่งชีวิต เมล็ดพันธุ์และรากไม้ต่างหาก ที่ทำให้ต้นไม้ผลิดอกออกผล สิ่งที่อยู่ใต้พื้นดินสร้างสิ่งที่อยู่เหนือพื้นดิน สิ่งที่เรามองไม่เห็นสร้างสิ่งที่เรามองเห็น หลักการแห่งความมั่งคั่งคือ ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงผลไม้ จะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงที่รากไม้ ถ้าอยากแก้สิ่งที่มองเห็นต้องเริ่มแก้จากสิ่งที่มองไม่เห็น

มิติทั้ง 4 ด้านของการใช้ชีวิต

คนเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนมิติเดียว แต่ใช้ชีวิตอยู่บนมิติทั้ง 4 ด้านของชีวิต 1.ด้านวัตถุ (physical world) 2.ด้านความคิด (mental world) 3.ด้านอารมณ์ (emotional world) และ4.ด้านจิตใจ (spiritual world) สิ่งที่ปรากฏออกมาในด้านวัตถุนั้น เป็นเพียงแค่ผลิตผลของมิติอีก 3 ด้าน ปัญหาที่แท้จริงไม่สามารถแก้ไขได้จากมิติด้านวัตถุ แต่จะแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนแปลง มิติด้านความคิด อารมณ์ และจิตใจเท่านั้น หลักการแห่งความมั่งคั่ง เงินคือผลลัพธ์ ความมั่งคั่งคือผลลัพธ์ สุขภาพคือผลลัพธ์ ความเจ็บป่วยคือผลลัพธ์ น้ำหนักตัวของคุณคือผลลัพธ์ พวกเราล้วนอยู่ในโลกของเหตุและผล หนทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงโลกภายนอกก็คือ การเปลี่ยนแปลงโลกภายใน

การประกาศเจตจำนง เคล็ดลับอันทรงพลังที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

ทุกครั้งที่อ่านหลักการที่สำคัญแต่ละข้อ ให้วางมือทับตรงหัวใจ แล้วเปล่งเสียงประกาศเจตจำนงค์ออกมา จากนั้นใช้นิ้วชี้แตะศีรษะตัวเอง และเปล่งเสียงประกาศเจตจำนงอีกครั้ง เจตจำนงคือ ประโยคในแง่บวกที่พูดตอกย้ำออกมาดัง ๆ พลังงานทุกชนิดเคลื่อนไหวในคลื่นความถี่และการสั่นสะเทือน แต่ละเจตจำนงที่ประกาศออกมา จะส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วทุกเซลล์ในร่างกาย และการสัมผัสร่างกายไปพร้อมกัน จะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่พิเศษสุดนี้ คำสำคัญอีกคำหนึ่งก็คือคำว่า กระทำการ ต้องทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เจตนากลายเป็นความจริง

ประกาศเจตจำนง : วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

โลกภายในของฉันสร้างสรรค์โลกภายนอก

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า

ฉันมีสมองเงินล้าน

แผนผังการเงินในหัว มีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้ มันเป็นเหมือนแบบแปลนสำหรับสร้างบ้านแต่ละหลัง ซึ่งแผนผังการเงินก็คือโปรแกรม ที่ถูกตั้งไว้หรือเป็นวิถีทางที่กำหนด ความสัมพันธ์ระหว่างตัวคุณกับเงิน สูตรที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสูตรนี้มีชื่อเรียกว่า

กระบวนการปรากฏผล (process of manifestation) คือ

ความคิด “ความรู้สึก “การกระทำ = ผลลัพธ์

แผนผังการเงินประกอบด้วยข้อมูล ที่ผ่านการตั้งโปรแกรมมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก ผู้ที่ตั้งโปรแกรมเหล่านี้ให้ก็คงเป็น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง บุคคลที่มีอำนาจ ครูอาจารย์ ผู้นำทางศาสนา สื่อมวลชน และวัฒนธรรม เราสามารถเขียนกระบวนการปรากฏผลขึ้นใหม่ได้ดังนี้

การตั้งโปรแกรม”ความคิด “ความรู้สึก “การกระทำ = ผลลัพธ์

โปรแกรมนำไปสู่ความคิด ความคิดนำไปสู่ความรู้สึก ความรู้สึกนำไปสู่การกระทำ การกระทำนำไปสู่ผลลัพธ์ ดังนั้น เช่นเดียวกับการแก้ไขคอมพิวเตอร์ การตั้งโปรแกรมเสียใหม่ จะทำให้ได้ก้าวสู่ขั้นตอนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์

ปัจจัยที่ 1 การตั้งโปรแกรมด้วยคำพูด

ทุกประโยคเกี่ยวกับเงินที่เคยได้ยินตอนเด็ก ๆ จะติดอยู่ในจิตใต้สำนึกและกลายเป็นแผนผังที่กำหนดชะตาชีวิตด้านการเงินในปัจจุบัน เมื่อจิตใต้สำนึกต้องเลือกระหว่างอารมณ์ที่ฝังรากลึกมาเป็นเวลานานกับเหตุผล อารมณ์จะเป็นฝ่ายชนะแทบทุกครั้งไป การตั้งโปรแกรมแผนผังการเงินในหัวมี 4 ขั้นตอน

ขั้นตอนแรกคือ การตระหนักรู้ว่ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ โดยเขียนทุกข้อความเกี่ยวกับเงินความร่ำรวยและคนรวยที่เคยได้ยินในวัยเด็กลงบนกระดาษ

ขั้นตอนที่ 2 คือ ความเข้าใจ ย่อมมองออกว่ามันเกิดขึ้นมาจากภายนอก เขียนลงไปว่าเชื่อว่าข้อความเหล่านั้นส่งผลต่อชีวิตด้านการเงินอย่างไรบ้างจวบจนปัจจุบัน

ขั้นตอนที่ 3 คือ การแยกแยะ ให้เห็นว่าวิธีคิดแบบนั้นไม่ใช่ตัวเอง ก็จะสามารถแยกตัวเองออกมา แล้วเลือกได้ว่าจะเก็บมันไว้หรือทิ้งมันไป ให้เห็นว่าความคิดเหล่านั้น เป็นเพียงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในอดีต แต่ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเรา เห็นไหมว่าเรามีทางเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ณ เวลานี้

ขั้นตอนที่ 4 คือ การตั้งโปรแกรมใหม่ ขั้นตอนสู่การเปลี่ยนแปลง การตั้งโปรแกรมด้วยคำพูด โดยการประกาศเจตจำนงวางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า เรื่องที่ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเงินไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป ฉันเลือกที่จะรับวิธีคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ฉันมีความสุขและประสบความสำเร็จ เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

ปัจจัยที่สอง ต้นแบบ

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งโปรแกรมความคิดในหัวเราก็คือ ต้นแบบ มีคำกล่าวที่ว่า ลิงเห็นอะไรลิงก็ทำอย่างนั้น อันที่จริงมนุษย์เราก็ไม่ต่างกัน ขณะที่เราเป็นเด็กเราเรียนรู้แทบทุกอย่างด้วยการเลียนแบบ  เรามักจะคิดเห็นในเรื่องเงินเหมือนกับผู้ปกครองของเราคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนผสมกัน เราสามารถหาความรู้และทักษะทุกอย่างที่มีบนโลกใบนี้ใส่ตัวได้ แต่ถ้าแผนผังไม่ได้ถูกกำหนดไว้เพื่อความสำเร็จ ก็จะหนีไม่พ้นหายนะทางการเงินในที่สุด

ข้อคิดเตือนใจว่าการเก็บเงินไว้ในยามตกอับ อาจฟังดูเป็นความคิดที่เข้าท่า แต่มันอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ ถ้าตั้งใจที่จะเก็บเงินไว้ใช้ในยามตกอับ หยุดทำอย่างนั้น ให้คิดเสียว่าเก็บไว้ใช้ในวันแห่งความสุข หรือวันที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน ตามกฎที่ว่าด้วยพลังแห่งความตั้งใจก็จะได้รับสิ่งนั้น เมื่อตั้งใจว่าจะเอาไว้ใช้ตอนตกอับ เราก็จะได้ใช้ตอนตกอับจริง ๆ

สาเหตุหรือแรงจูงใจในการหาเงิน หรือสร้างความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าแรงจูงใจในการหาเงินหรือสร้างความสำเร็จ มีรากฐานมาจากเรื่องร้าย ๆ เช่นความกลัว ความโกรธ หรือความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง เงินก็จะไม่มีวันนำความสุขมาให้ ถ้ากำจัดความโกรธ ความกลัว และความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองออกจากแรงขับในการหาเงิน ก็สามารถนำความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย ความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและความสุขเข้ามาทดแทน ด้วยวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกำจัดเงินทิ้งไปเพื่อให้มีความสุข

การประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ชีวิตด้านการเงินของฉันในปัจจุบันเป็นของคนอื่น

แต่ฉันเลือกวิถีทางของตัวเองได้

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

ปัจจัยที่ 3 เหตุการณ์ฝังใจ

ปัจจัยที่ 3  ที่ตั้งโปรแกรมความคิดของเราขึ้นมาคือ เหตุอาการฝังใจในอดีต ประสบการณ์เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันก่อให้เกิดความเชื่อหรือภาพลวงตา ซึ่งยึดถือและปฏิบัติตามอยู่ทุกวันนี้

ขั้นตอนสู่การเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ฝังใจ ให้นั่งลงพูดคุยถึงเหตุการณ์ในอดีต เกี่ยวกับเรื่องเงินที่ผุดขึ้นมาในหัว แต่ละคนสิ่งที่ได้ยินในวัยเด็ก อะไรเป็นต้นแบบที่กำหนดความเชื่อเรื่องเงินในครอบครัว และมีเหตุการณ์ฝังใจอะไรเกิดขึ้นบ้าง ค้นหาความหมายที่แท้จริงของเงินในความคิด มันคือความสุข อิสรภาพ ความมั่นคง หรือสถานะทางสังคม

ขั้นต่อไป ลองพูดว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการในปัจจุบัน ตัดสินใจ หาเป้าหมาย และทัศนคติในด้านการเงินและความสำเร็จ จากนั้นจึงจดรายการลงในกระดาษ แล้วติดไว้บนกำแพง

การประกาศเจตจำนงวางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า ฉันปล่อยวางประสบการณ์เกี่ยวกับเงินที่ไม่ส่งผลดีต่อตัวเอง และสร้างสรรค์อนาคตใหม่ไปสู่ความมั่งคั่ง

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แผนผังการเงินของคุณเป็นแบบไหน ?

จำนวนเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือได้ใช้ศักยภาพในระดับสูงสุดหรือยัง แผนผังการเงินวิธีดูที่ง่ายที่สุดคือ ให้ดูที่ผลลัพธ์ ดูที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร ดูจำนวนรายได้ ดูมูลค่าทรัพย์สิน ดูความสำคัญในการลงทุน ดูความสำเร็จในธุรกิจ ดูว่าชอบใช้จ่ายหรือเก็บออม ดูว่าบริหารเงินได้ดีหรือไม่ ดูว่ามีรายได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ต่อเนื่อง ดูว่าทำงานหนักแค่ไหนเพื่อให้ได้เงินมา ดูความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างตัวเองกับเงิน ต้องกระเสือกกระสนเพื่อให้ได้เงินมา หรือได้เงินมาแบบโดยแทบไม่ต้องออกแรงเลย เป็นเจ้าของธุรกิจหรือทำงานประจำ ทำงานหรือประกอบธุรกิจอย่างเดียวเป็นเวลานาน หรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเป็นประจำ  วิธีเดียวที่จะปรับระดับความสำเร็จทางการเงินได้อย่างถาวรก็คือ การตั้งเครื่องควบคุมระดับการเงิน ปรับแผนผังการเงินเสียใหม่นั่นเอง

เมื่อมีสติก็จะดำเนินชีวิตตามตัวตนที่แท้จริงในปัจจุบัน ไม่ใช่ตัวตนในอดีต เพราะวิธีนี้จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถนำศักยภาพ ทักษะ และความสามารถออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ แทนที่จะตอบสนองแบบผิด ๆ ต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากความกลัวและความไม่มั่นคงที่ฝังใจมาตั้งแต่ในวัยเด็ก จงรู้ไว้ว่าความคิดและความเชื่อไม่ได้บ่งบอกถึงตัวตน และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับมันอีกต่อไป อาจคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่า แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้มีความสำคัญ หรือมีความหมายมากมายกว่าที่มอบให้มันเลย ไม่มีสิ่งใดมีความหมายมากไปกว่าความหมายที่มอบให้มัน สามารถเลือกที่จะคิดและทำอย่างคนรวย และสามารถได้รับผลลัพธ์อย่างคนรวยด้วยเช่นกัน

การประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันสำรวจความคิดของตัวเอง และยอมรับเฉพาะความคิดที่สร้างเสริมพลังให้กับฉัน

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

ส่วนที่ 2 เปิดแฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่ง

17 ความต่างของวิธีคิดและการกระทำระหว่างคนรวยกับคนจนและชนชั้นกลาง

ระบบการทำงานของสมอง ถ้าจะเทียบแล้วสมองก็ไม่ต่างอะไรกับตู้เก็บแฟ้มข้อมูลขนาดใหญ่ เหมือนตู้เอกสารในออฟฟิศหรือที่บ้าน ทุกข้อมูลที่ผ่านเข้ามาในหัว จะถูกติดป้ายและเก็บไว้ในแฟ้มเพื่อให้ง่ายต่อการนำกลับมาใช้ และช่วยให้อยู่รอดไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม ข้อมูลในสมองจะดึงออกมาใช้ ตัดสินใจตามสิ่งที่เชื่อว่ามีเหตุผล และเหมาะกับช่วงเวลานั้น ๆ อาจจะกล่อมให้ตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือ ทางเลือกที่ถูกต้องอาจไม่ใช่หนทางสู่ความสำเร็จ อันที่จริงสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุด อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์อันย่ำแย่ก็เป็นได้ คนรวยมีวิธีคิดต่างจากคนจนและชนชั้นกลางมาก พวกเขาคิดต่างออกไปในเรื่องเงิน ความมั่งคั่ง และทุก ๆ แง่มุมของชีวิตเลยทีเดียว ผู้เขียนขอออกตัวว่า

ข้อแรก ไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาที่จะดูถูกคนจน ไม่ได้เชื่อว่าคนรวยดีกว่าคนจน พวกเขาแค่รวยกว่าเท่านั้น เป็นไปเพื่อการยกตัวอย่างความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้เห็นได้ชัดเจนที่สุด

ข้อสอง เมื่อพูดถึงคนรวยคนจนและคนชั้นกลาง สิ่งที่หมายถึงคือความคิดของพวกเขา

ข้อสาม อยากให้แน่ใจว่าเข้าใจในทุกประเด็นที่เน้นย้ำ และสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้

ข้อสี่ จะไม่พูดถึงพวกชนชั้นกลางมากนัก เพราะชนชั้นกลางมักมีความคิดที่ผสมปนเประหว่างคนรวยและคนจน แต่จุดมุ่งหมายคือการที่ตระหนักว่าอยู่ตรงจุดไหน และหันไปคิดอย่างคนรวยมากขึ้น

ข้อห้า หลักการหลาย ๆ ข้อในส่วนนี้ อาจดูคล้ายกับนิสัยและพฤติกรรมมากกว่าที่คิด

สุดท้าย อยากขอให้เต็มใจปล่อยวางสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง ปล่อยวางวิธีการดำเนินชีวิตแบบเดิม เพราะวิถีทางเดิมนำมาสู่จุดที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ถ้าอยากเป็นแบบเดิมก็จงดำเนินชีวิตแบบเดิม ๆ ต่อไป แต่ถ้ายังไม่รวยบางทีนี่อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาทางเลือกใหม่ ทางเลือกเหล่านี้ล้วนมีที่มาจากคนที่ร่ำรวยมาก ๆ และได้ทำให้คนนับหมื่นร่ำรวยขึ้นมาแล้ว คนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า คนเราจะมีนิสัยติดตัว ความจริงแล้วนิสัยมีอยู่ 2 ประเภทนั่นก็คือ นิสัยปฏิบัติกับนิสัยไม่ปฏิบัติ การเปลี่ยนจากการอ่านไปเป็นการลงมือทำนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าคิดจะจริงจังกับความสำเร็จ ลงมือทำตามข้อปฏิบัติที่ได้แนะนำไว้

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 1

คนรวยเชื่อว่าฉันกุมชะตาชีวิตของตัวเอง คนจนเชื่อว่าฉันถูกลิขิตให้เป็นอย่างนั้น

ถ้าอยากรวยต้องเชื่อว่าสามารถคุมบังเหียนชีวิตตัวเองได้โดยเฉพาะเรื่องเงิน แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากถูกลอตเตอรี่ แม้แต่คนรวยก็ซื้อบางครั้งเพื่อความสนุก แต่ข้อแตกต่างอย่างแรกก็คือ คนรวยไม่ได้ซื้อลอตเตอรี่ด้วยเงินครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด และข้อ 2 คือ การถูกลอตเตอรี่ไม่ใช่กลยุทธ์หลักที่ทำให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นมา ต้องเชื่อว่าสามารถสร้างหนทางสู่ความสำเร็จด้วยตนเอง คนยากจนมักเลือกที่จะสวมบทบาทผู้ถูกกระทำ แทนที่จะยื่นอกรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต สำหรับบทบาทผู้ถูกกระทำ จะมีพิรุธที่เห็นได้ชัดอยู่ 3 ข้อ

พิรุธที่ 1 นักกล่าวโทษ การโยนความผิดใส่คนอื่น ๆ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องหันมาดูตัวเอง สิ่งที่เป็นปัญหาคือ สิ่งใด ๆ หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง

พิรุธที่ 2 นักแก้ตัว จะได้ยินพวกเขาแก้ตัว หรือหาเหตุผลมาหักล้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พิรุธที่ 3 นักบ่น การบ่นเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด ที่จะทำต่อสุขภาพหรือฐานะทางการเงินของตนเอง

ผู้ถูกกระทำไม่มีทางร่ำรวยได้ การกล่าวโทษ หาข้ออ้างหรือพร่ำบ่น เท่ากับกำลังทำลายอนาคตทางการเงินของตัวเอง ถึงเวลาที่ต้องดึงพลังอำนาจของตัวเองกลับมา แล้วยอมรับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต รวมทั้งทุก ๆ สิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นด้วย จำไว้ว่าเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตทางการเงิน ไม่ว่าจะมั่งคั่ง ถังแตก หรือมีฐานะในระดับใดก็ตาม

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันเป็นผู้ลิขิตระดับความสำเร็จทางการเงินของตัวฉันเอง

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 2

คนรวยเล่นเกมการเงินเพื่อชนะ คนจนเล่นเกมการเงินเพื่อไม่ให้แพ้

คนจนเล่นเกมการเงินในแบบตั้งรับมากกว่าเชิงรุก จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือ เพื่อความอยู่รอดและความมั่นคงปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อความร่ำรวยและความเจริญรุ่งเรือง ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงของคนรวยคือ การมีฐานะอันมั่งคั่งและมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ พวกเขาไม่ได้อยากมีเงินแค่พอใช้ แต่อยากมีเงินจำนวนมหาศาล สรุปก็คือ ถ้าหากเป้าหมายคือการมีฐานะพออยู่ได้อย่างสบาย เป็นไปได้มากที่สุดจะไม่มีทางร่ำรวย แต่ถ้าเป้าหมายคือ ความร่ำรวย ก็จะลงเอยอย่างสุขสบายมากทีเดียว

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

เป้าหมายของฉันคือการเป็นเศรษฐีเงินล้านและรวยยิ่งกว่านั้น

เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 3

คนรวยทุ่มเทเพื่อความรวย คนจนแค่อยากรวย

เหตุผลอันดับแรกที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คนรวยรู้อย่างแน่ชัดว่าพวกเขาต้องการความมั่งคั่ง เพราะเขาไม่โลเลไปมา เพราะเขามุ่งมั่นเต็มที่ที่จะสร้างฐานะตราบใดที่มันถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม และถูกจรรยาบรรณ พวกเขาจะทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำเพื่อความร่ำรวย คนรวยไม่ส่งสารอันสับสนสู่สวรรค์ มีแต่คนจนเท่านั้นที่จะทำกัน พลังแห่งความตั้งใจสิ่งที่จิตใต้สำนึกต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่พูดว่าต้องการ

ความอยากมีอยู่สามระดับ ระดับแรกคือ อยากรวย ความอยากไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การมีเสมอไป ความร่ำรวยไม่ได้มาจากความอยากรวยเท่านั้น คนเป็นพัน ๆ ล้านอยากร่ำรวย แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รวย การเลือกที่จะรวย การตัดสินใจที่จะรวย เป็นการเลือกมอบพลังที่รุนแรงกว่ามาก เปรียบได้กับการรับผิดชอบต่อการสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเอง

การเป็นคนรวยต้องอาศัยความตั้งใจ ความกล้า ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความพยายามแบบ 100% ทัศนคติแบบไม่ยอมแพ้และแน่นอน วิธีคิดแบบคนรวย นอกจากนี้ยังต้องเชื่ออย่างหมดใจว่า สามารถสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันมุ่งมั่นที่จะเป็นคนรวย

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 4

คนรวยคิดการใหญ่ คนจนคิดการเล็ก

กฎแห่งรายได้ซึ่งระบุไว้ว่า จะได้รับเงินเท่ากับมูลค่าในท้องตลาด ปัจจัยที่บ่งบอกมูลค่ามี 4 ประการ อุปสงค์ อุปทาน คุณภาพ และปริมาณ อุปสรรคอันใหญ่หลวงที่สุดคือปริมาณ ซึ่งหมายความถึงปริมาณงานที่สามารถทำได้ในสาขาอาชีพนั้น ๆ อีกนัยหนึ่งก็คือ สามารถให้การบริการ หรือสร้างผลกระทบกับคนมากแค่ไหน

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มีความสุขที่สุดคือ คนที่ใช้พรสวรรค์ของตนเองอย่างเต็มที่ ในภารกิจแห่งชีวิตคือ การแบ่งปันพรสวรรค์และคุณค่า ให้ผู้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้ประกอบการคือผู้แสวงหาผลกำไรจากการช่วยเหลือคนอื่นแก้ปัญหา การคิดเล็กและทำแต่เรื่องเล็ก จะนำไปสู่การสิ้นเนื้อประดาตัว และความพอใจในตัวเอง แต่การคิดใหญ่และทำการใหญ่จะนำไปสู่การมีพร้อมทั้งเงินและความหมายในชีวิต

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันคิดการใหญ่ ฉันเลือกที่จะช่วยคนเป็นพัน ๆ คน

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 5

คนรวยมุ่งความสนใจไปที่โอกาส คนจนมุ่งความสนใจไปที่อุปสรรค

คนที่ร่ำรวย พวกเขารับผิดชอบต่อผลลัพธ์ในชีวิตของตัวเอง และทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดในทำนองที่ว่า มันต้องได้ผลแน่ เพราะฉันจะทำให้มันได้ผล คนรวยคาดหวังความสำเร็จ เพราะเขาเชื่อมั่นในความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง พวกเขาเชื่อว่าหากมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น พวกเขาก็สามารถหาวิธีอื่น ๆ มาทดแทน เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ คนรวยเสี่ยงโดยทำการศึกษาไว้ก่อน ซึ่งหมายความว่า พวกเขาค้นคว้าข้อมูลด้วยความขยันขันแข็ง ตัดสินใจตามข้อมูล และข้อเท็จจริงที่หนักแน่น ไม่มีทางที่โชคหรือสิ่งอื่นใดที่มีค่า จะมาถึงได้เลยถ้าไม่ลงมือทำ การใด ๆ หากต้องการความสำเร็จทางการเงิน ควรต้องทำอะไรบางอย่าง ซื้ออะไรสักอย่าง หรือเริ่มต้นอะไรสักอย่าง

กุญแจสำคัญอีกอย่างคือ คนรวยให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ สิ่งที่ให้ความสนใจจะยิ่งเพิ่มขยายผล จงให้ความสนใจกับโอกาส แล้วจะได้รับโอกาสนั้น ถ้าอยากรวยจงหมุนความสนใจไปที่การหาเงิน การเก็บเงิน และการลงทุน ควรศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ศึกษาได้ก่อน เรื่องทำเล ตลาด และเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น ถ้าอยากเรียนรู้ธุรกิจจริง ๆ ต้องลงไปเล่นกับมัน ไม่ต้องเป็นเจ้าของธุรกิจนี้ตั้งแต่วันแรกหรอก ลงสนามด้วยการหางานด้านนี้ทำให้ได้ น่าจะเรียนรู้จากการกวาดพื้น และล้างจานในภัตตาคารได้มากกว่าการค้นคว้าอีก 10 ปีในฐานะคนนอก เรียกว่า การเดินข้ามสะพาน ซึ่งหมายถึงการเข้าสู่สังเวียนที่ต้องการไปให้ถึงอนาคต

ข้อแรก มันเป็นจุดเริ่มต้นที่เยี่ยมยอดในการเรียนรู้ด้านธุรกิจ เพราะคุณจะได้ศึกษาจากวงใน

ข้อ 2 สามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับคนที่ต้องการได้ ซึ่งคงเป็นไปได้ยากถ้าเป็นคนนอก

ข้อ 3 เมื่อเตรียมลงสนามแล้ว ประตูแห่งโอกาสอื่น ๆ อีกหลาย ๆ บาน อาจจะเปิดรับด้วย

ข้อ 4 อาจพบว่าไม่ได้ชอบธุรกิจนี้จริง ๆ และรู้สึกขอบคุณที่รู้ตัวก่อนที่จะถลำลึกเกินไป

รู้ได้อย่างว่าถึงเวลาพอแล้ว ก็เมื่อถึงเวลาที่ต้องทนทำงานนั้นไม่ได้ ข้อ 2 คือ เห็นโอกาสใหม่ ผู้เขียนเริ่มขายอุปกรณ์ออกกำลังกายให้ร้านขายเครื่องกีฬา ประสบการณ์ในการขายอุปกรณ์ออกกีฬาครั้งแรก นำไปสู่การเปิดฟิตเนสแห่งแรก ๆ ของทวีปอเมริกาเหนือ และทำเงินล้านได้ก้อนแรก

จำคติพจน์ง่าย ๆ นี้ไว้ ลงสนามซะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า ประตูบานไหนจะเปิดรับบ้าง ก็ลงมือทำดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย คนรวยกล้าเริ่มต้น พวกเขาเชื่อว่าเมื่อพวกเขาร่วมเล่นเกมแล้ว พวกเขาจะสามารถใช้ไหวพริบตัดสินใจได้ในทุกขณะ พร้อมทั้งแก้ไขถูกผิดและปรับหางเสือขณะเล่นเรือไปตามทาง คนจนไม่เชื่อมั่นในตัวเอง หรือความสามารถของตน ดังนั้นพวกเขาซึ่งคิดว่า จะต้องรู้ทุก ๆ อย่างล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันมุ่งความสนใจไปที่โอกาสไม่ใช่อุปสรรค ฉันเตรียมพร้อมยิง แล้วค่อยเล็ง

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 6

คนรวยชื่นชมผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จคนอื่น ๆ 

คนจนชิงชังผู้ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ

ในหนังสือเรื่อง The One Minute Millionaire ของ มาร์ค วิคเตอร์ ฮันเซน และ โรเบิร์ต อัลเลน ได้หยิบยกเรื่องราวของ รัสเซล เอช คอนเวลล์ จากหนังสือคมความคิดของเขาที่มีชื่อ acres of diamonds ที่ได้ให้แง่คิดอันยอดเยี่ยมไว้หลายข้อ และคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการสร้างความร่ำรวย และการรักษาความร่ำรวยไว้ให้ได้ คือ การมองโลกในแง่บวก เชื่อถือได้ มีสมาธิ มุ่งมั่นอดทน ขยัน กระตือรือร้น เข้ากับคนง่าย มีความสามารถในการสื่อสาร ฉลาดพอประมาณ และมีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเป็นอย่างน้อย

อีกประเด็นหนึ่งของคอนเวลล์คือ คนส่วนมากถูกสอนว่า ไม่สามารถเป็นคนรวยที่ดีได้ ความจริงก็คือ การเกลียดชังคนรวยเป็นหนึ่งในหนทาง ที่นำไปสู่ความยากจนเป็นที่แน่นอนที่สุด

เราต้องอาศัยการฝึกฝนแทนที่จะเกลียดคนรวย อยากให้ฝึกชื่นชมคนรวย สรรเสริญคนรวย และรักคนรวย วิธีนี้จะเป็นการปลูกฝังความเชื่อลงในจิตใต้สำนึก ว่าเมื่อร่ำรวยคนอื่นจะชื่นชมสรรเสริญ และรักไม่ใช่รังเกียจ อย่างที่อาจรู้สึกต่อคนรวยอยู่ในเวลานี้ ประเด็นสำคัญคือ ถ้าเกลียดสิ่งที่คนอื่นมี ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ก็จะไม่มีวันได้สิ่งนั้น

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันชื่นชมคนรวย ฉันสรรเสริญคนรวย ฉันรักคนรวย และฉันจะเป็นหนึ่งในผู้คนรวยพวกนั้นด้วย

เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 7

คนรวยคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี และประสบความสำเร็จ

คนจนขลุกอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้าย หรือไม่ประสบความสำเร็จ

คนที่ประสบความสำเร็จ จะมองความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเครื่องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง มองผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ ถ้าพวกเขาทำได้ฉันก็ทำได้ วิธีที่รวดเร็วและง่ายดายที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งก็คือ การเรียนรู้ว่าคนรวย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเล่นเกมอย่างไร เป้าหมายก็คือ การนำกลยุทธ์ทั้งภายใน (วิธิคิด) และภายนอก (วิธีปฏิบัติ) ของพวกเขามาเป็นแบบอย่าง ถ้าปฏิบัติและมีความคิดแบบเดียวกับคนรวย โอกาสที่จะได้รับอย่างเดียวกันก็เป็นไปได้มากทีเดียว นั่นคือ วิธีที่ต้องใช้และเป็นสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้

คนรวยชอบคบหากับผู้ชนะ คนจนคลุกคลีอยู่กับผู้แพ้ มันเป็นเรื่องของความสบายใจ คนรวยสบายใจที่ได้คบคนหากับผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่น ๆ พวกเขารู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมีคุณค่า คนจนจะรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้ผู้ประสบความสำเร็จมาก ๆ พวกเขากลัวว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับ หรือไม่ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง จะเรียนรู้หรือได้แรงบันดาลใจจากคนอื่นทั้ง ๆ ที่ดูถูกพวกเขาได้อย่างไร ดังนั้น เพื่อปกป้องตัวเองและตัวตน พวกเขาจึงเลือกที่จะตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์ ผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่น ๆ

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันเอาคนรวยที่ประสบความสำเร็จเป็นแบบอย่าง ฉันคบหากับคนรวยที่ประสบความสำเร็จ ถ้าพวกเขาทำได้ฉันก็ทำได้

เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 8

คนรวยเต็มใจโปรโมทตัวเองและคุณค่าของตนเอง

คนจนมองการขายและโปรโมชั่นในแง่ลบ

คนรวยส่วนใหญ่มักเป็นนักโปรโมทตัวยง เพราะเขาเต็มใจ สามารถโปรโมทสินค้า บริการ และไอเดียของตนด้วยความกระตือรือร้น มีไฟอย่างแรงกล้า ที่มากไปกว่านั้น พวกเขายังมีความเชี่ยวชาญในด้านการนำเสนอคุณค่าของตัวเอง ด้วยวิธีที่แสนดึงดูดใจ ผู้นำคนไหนไม่สามารถ หรือไม่ยินยอมโปรโมทตัวเอง ก็จะไม่สามารถเป็นผู้นำได้นาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ธุรกิจ กีฬา หรือแม้แต่การเป็นพ่อแม่คน ผู้นำสามารถทำเงินได้มากกว่าผู้ตามอย่างมหาศาล ประเด็นสำคัญในที่นี้ ไม่ได้อยู่ที่ว่าชอบการโปรโมทหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าทำไมถึงโปรโมทต่างหาก ถ้าเชื่อว่าสิ่งที่มีสามารถช่วยคนอื่นได้อย่างแท้จริง หน้าที่ของคุณก็คือการบอกคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ช่วยเหลือคนอื่นได้เท่านั้น แต่ยังจะสร้างความร่ำรวยให้ได้อีกด้วย

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันโปรโมทคุณค่าของตัวเองให้คนอื่นรู้ด้วยความเชื่อมั่น และกระตือรือร้น

เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 9

คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก คนจนมองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่

คนรวยมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก พวกเขาไม่ได้มองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่ แต่มุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายมากกว่า ในแต่ละช่วงเวลาเราจะสามารถให้ความสนใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่า ถ้าหากไม่คร่ำครวญแต่เรื่องของปัญหา ก็จะสามารถคิดหาทางแก้ไขมันได้ คนที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จ จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา พวกเขาจะใช้เวลาและพลังงานคิดค้นกลยุทธ์เพื่อหาทางแก้ไขอุปสรรค และหาวิธีป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้นซ้ำอีก

คนจนและไม่ประสบความสำเร็จ จะจมอยู่กับปัญหา พวกเขาเสียเวลาและพลังงานไปกับความรู้สึกหงุดหงิดและการพร่ำบ่น อย่าว่าแต่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกเลย พวกเขาแทบไม่เคยสร้างสรรค์วิธีการใด ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ทุก ๆ ทางถ้าไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของคุณ เพียงแค่คุณเลือก มันก็จะเป็นของคุณ นั่นคือความหมายของคำว่าอิสรภาพ

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันยิ่งใหญ่กว่าปัญหาทั้งมวล ฉันสามารถรับมือกับปัญหาทุกอย่างได้

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 10

คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่

มันไม่สำคัญหรอกว่าจะรู้สึกมีค่าหรือไม่ ถึงยังไงก็สามารถร่ำรวยได้ เศรษฐีจำนวนมากไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าอะไรมากมาย แท้ที่จริงแล้ว การพิสูจน์ตัวเองและคุณค่าของตัวเอง เป็นที่ประจักษ์แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นหนึ่งในแรงกระตุ้นหลักให้คนทะเยอทะยานอยากรวยเสียด้วยซ้ำ แนวคิดที่ว่าคนที่รวยจะต้องเห็นคุณค่าของตัวเองนั้น เป็นเพียงแค่แนวคิดเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องจริงเสมอไป ในโลกแห่งความเป็นจริง การสร้างฐานะเพื่อพิสูจน์ตัวเองอาจไม่ทำให้มีความสุขเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้น จะสร้างฐานะด้วยเหตุผลอื่นมากกว่า

สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักไว้ว่า ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างฐานะ และจากมุมมองทางการเงินมันอาจเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าหรือไม่ ล้วนเป็นเรื่องราวที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่มีสิ่งใดที่มีความหมายหรอก นอกจากความหมายที่เรามอบให้มันเอง

จะเกิดการให้ได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครหรือสิ่งใดเป็นฝ่ายรับ ทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ในความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมแบบ 50 – 50 เนื่องจากการให้และการรับต้องเท่าเทียมกันเสมอ ทั้งคู่ย่อมมีความสำคัญเท่าเทียมกันด้วย จะหัดเป็นผู้รับที่ดีได้อย่างไรนั้น ก่อนอื่นจงเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนตัวเอง ฝึกฝนการรับสิ่งที่ดีที่สุดที่ชีวิตมอบให้อย่างมีสติ

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบบริหารเงินคือ การมีบัญชีเงินใช้เล่น ที่สามารถถลุงเงินจำนวนหนึ่งไปกับข้าวของต่าง ๆ ตามใจ ซึ่งจะทำให้รู้สึกราวกับมีเงินล้าน บัญชีที่ว่านี้มีไว้สร้างเสริมความรู้สึกมีค่า และสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อการรับ การเปิดกว้างและเต็มใจที่จะรับ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างฐานะ ถ้าเป็นผู้รับที่แย่และบังเอิญได้รับเงินก้อนหนึ่ง มันมีแนวโน้มมากทีเดียวว่า จะต้องเสียเงินก้อนนั้นได้อย่างรวดเร็ว สิ่งเดียวที่ต้องจำไว้ก็คือ การกล่าวคำว่าขอบคุณทุกครั้งที่ได้รับพรอันประเสริฐทั้งหลาย

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม ฉันเปิดกว้างและเต็มใจรับเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาในชีวิต

เอานิ้วชี้แตะที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 11

คนรวยเลือกที่จะได้รับเงินตามผลงาน

คนจนเลือกที่จะได้รับเงินตามระยะเวลาที่ทำงาน

การได้รับเงินเดือนประจำนั้นไม่มีอะไรผิดหรอก มันแค่ลดประสิทธิภาพในการหาเงินให้ได้ตามศักยภาพสูงสุดเท่านั้น นั่นคือปัญหาและมักจะเป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่ด้วย คนจนเลือกที่จะได้รับเงินเดือนประจำ หรือค่าแรงตามชั่วโมงการทำงาน พวกเขาต้องการความมั่นคง ซึ่งหมายถึงการได้รู้จำนวนเงินที่แน่นอน ที่จะเข้าสู่กระเป๋าของพวกเขาในเวลาที่แน่นอนทุก ๆ เดือน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ความมั่นคงเช่นนี้ต้องแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง และสิ่งนั้นก็คือความมั่งคั่ง

คนรวยชอบที่จะรับเงินตามผลงานของพวกเขามากกว่า คนรวยมักมีธุรกิจเป็นของตัวเองในรูปใดรูปหนึ่ง พวกเขามีรายได้จากผลกำไรของธุรกิจ คนรวยมักทำงานในระบบที่ให้ค่าคอมมิชชั่น หรือได้รับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ คนรวยมักเลือกที่จะถือหุ้น และขอรับส่วนแบ่งจากผลกำไรของบริษัท แทนที่จะเลือกรับเงินเดือนสูง ๆ ในโลกของการเงิน จำนวนผลตอบแทนมักสมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยงที่ต้องแบกรับเสมอ คนรวยเชื่อในตัวเอง พวกเขาเชื่อในคุณค่า และความสามารถในการสร้างคุณค่าของตัวเอง ขณะที่คนจนไม่เชื่อ นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาต้องการหลักประกัน หนทางเดียวที่จะมีรายได้ที่สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริง คือ การเลือกที่จะรับค่าตอบแทนตามผลงาน

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า ฉันเลือกรับเงินตามผลงาน

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 12

คนรวยเลือกทั้งสองทาง คนจนเลือกทางใดทางหนึ่ง

คนรวยอยู่ในโลกแห่งความพรั่งพร้อม คนจนอยู่ในโลกแห่งข้อจำกัด แน่นอนทั้งสองต่างอยู่บนโลกใบเดียวกัน แต่ความแตกต่างนั้นอยู่ที่มุมมองของพวกเขา คนรวยเข้าใจว่าด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพียงเล็กน้อย ก็ย่อมสามารถคิดหาหนทาง เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดทั้งสองด้านแทบทุกครั้ง คำถามสำคัญที่ต้องถามตัวเองก็คือ ฉันจะมีทั้งสองอย่างได้อย่างไร คำถามนี้จะเปลี่ยนชีวิตได้ มันจะเปลี่ยนชีวิตจากที่ขาดแคลน และเต็มไปด้วยข้อจำกัด ไปสู่สรวงสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้ และความอุดมสมบูรณ์

การคิดถึงสองทางเลือกมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเงินทอง ขอย้ำให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญ การบอกว่าเงินไม่สำคัญเท่ากับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ เงินเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่น มันช่วยให้ชีวิตคุณวิ่งฉิว แทนที่จะอยู่รอดแบบฉิวเฉียดไปวัน ๆ เงินนำมาซึ่งอิสรภาพ อิสรภาพในการซื้อสิ่งที่ต้องการ อิสรภาพที่จะใช้เวลาทำสิ่งที่ต้องการ เงินช่วยให้มีความสุขกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต และเปิดโอกาสให้ได้แบ่งปันปัจจัยสำคัญในชีวิตให้ผู้อื่น ที่สำคัญที่สุดคือ การมีเงินช่วยให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานไปกับการนั่งกังวลว่าจะไม่มีอะไรกิน

คนที่ร่ำรวยเข้าใจดีว่าคุณต้องเลือกทั้งสองอย่าง เหมือนที่ต้องมีทั้งแขนและขา นั่นคือต้องมีเงินและมีความสุขด้วย

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า ฉันเลือก 2 ทางเสมอ

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 13

คนรวยสนใจมูลค่าทรัพย์สิน คนจนสนใจแต่รายจากการทำงาน

เครื่องวัดความมั่งคั่งที่แท้จริงคือมูลค่าทรัพย์สิน ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน นี่คือความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มูลค่าทรัพย์สินคือมูลค่ารวมของทุกสิ่งที่ครอบครอง ปัจจัยที่กำหนดมูลค่าทรัพย์สินทั้ง 4 มีดังนี้

1.รายได้ รายได้มีอยู่ 2 รูปแบบคือ รายได้จากการทำงาน และรายได้งอกเงย รายได้จากการทำงานคือ เงินที่ต้องเสียเวลาและแรงงานเพื่อให้ได้มา รายได้งอกเงยคือเงินที่ได้มาโดยไม่ต้องลงแรงทำงาน

2.เงินเก็บ เงินออมก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน อาจหาเงินมาได้ก้อนโต แต่ถ้าคุณไม่เก็บมันไว้บ้าง ก็จะไม่มีวันร่ำรวย

3.การลงทุน เมื่อเก็บสะสมเงินได้จำนวนหนึ่ง ก็จะสามารถก้าวไปทำให้เงินงอกเงยด้วยการลงทุน ถ้าลงทุนได้ดีมากเท่าไร เงินก็จะงอกเงยและเพิ่มพูนมูลค่าได้มากขึ้นเท่านั้น คนรวยทุ่มเทเวลาและพลังไปกับการเรียนรู้เรื่องการลงทุน และพวกเขาภูมิใจในความเก่งกาจด้านการลงทุนของตัวเอง

4.ชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งมีความสอดคล้องกับการออมเงิน หากเลือกที่จะดำรงชีวิตในแบบที่ใช้เงินน้อยลง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็จะลดลงไปด้วย ก็จะมีเงินออมไว้สำหรับการลงทุนมากขึ้น

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันมุ่งความสนใจไปที่การสร้างมูลค่าทรัพย์สิน

เอานิ้วชี้แต่ที่ศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 14

คนรวยเก่งเรื่องการบริหารเงิน คนจนเก่งเรื่องการบริหารเงินแบบผิด ๆ

คนรวยไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนจน พวกเขาเพียงแต่มีนิสัยในด้านการเงินที่แตกต่าง และเอื้อต่อการสร้างความมั่งคั่งมากกว่า การบ่มเพาะนิสัยและทักษะในการบริหารเงินก้อนเล็ก ๆ ก่อนที่จะมีเงินก้อนใหญ่ ต้องจัดการกับสิ่งที่มีอยู่ในมือได้ก่อน แล้วจะได้รับอะไรเพิ่มเติมอีกมากมาย จำไว้ว่ามนุษย์เราทุกคนล้วนมีนิสัยติดตัว

การบริหารเงินจนกลายเป็นนิสัย ย่อมมีความสำคัญกว่าจำนวนเงินที่เราบริหาร เพื่อให้การบริการเงินเป็นเรื่องที่สนุกกว่าเดิม จึงต้องมีบัญชีเงินใช้เล่น และบัญชีอิสรภาพทางการเงิน นอกจากนั้นแล้วเปิดบัญชีเพื่อแยกรายได้อีก 4 บัญชี คือ

10% ใส่บัญชีออมระยะยาวเพื่อการใช้จ่าย

10% ใส่บัญชีเพื่อการศึกษา

50% ใส่บัญชีเพื่อการใช้จ่ายที่จำเป็น

10% ใส่บัญชีเพื่อการให้

เงินเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต เมื่อเรียนรู้วิธีควบคุมการเงิน ชีวิตก็จะดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า ฉันเป็นนักบริหารเงินที่ยอดเยี่ยม

เอานิ้วชี้แตะศีรษะแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 15

คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง คนจนทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน

การทำงานหนักเป็นเรื่องสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การทำงานหนักอย่างเดียวไม่มีทางทำให้รวยได้ สำหรับคนรวยนี่เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น แต่สำหรับคนจนสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป คนรวยเข้าใจว่าต้องทำงานหนัก จนกระทั่งเงินสามารถทำงานหนักให้ได้ และตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจว่ายิ่งเงินทำงานหนักเท่าไหร่ ตัวเองก็จะได้ทำงานน้อยลงมากเท่านั้น จำเอาไว้ว่าเงินคือพลัง คนส่วนใหญ่ใช้กำลังทำงานแลกเงิน แต่ผู้ที่สามารถบรรลุอิสรภาพทางการเงินคือ คนที่ใช้พลังรูปแบบอื่นมาทดแทนพลังกายในการทำงาน

การดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต้องการนั้นจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้น เพื่อความเป็นอิสระจำเป็นต้องมีรายได้โดยไม่ต้องทำงาน เราเรียกรายได้ซึ่งไม่ได้มาจากการทำงานว่ารายได้งอกเงย จะชนะเกมการเงินได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้งอกเงยมากพอสำหรับการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ การจะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้น ก็เมื่อมีรายได้งอกเงยมีจำนวนมากกว่ารายจ่ายเท่านั้น

แบ่งที่มาหลัก ๆ ของรายได้งอกเงยมี 2 อย่างคือ อย่างแรก เงินสร้างเงิน ซึ่งได้แก่รายได้จากการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร ตั๋วเงินคงคลัง ตลาดเงิน กองทุนรวม และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ถือว่ามีค่า และแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ แหล่งรายได้งอกเงยอีกอย่างคือ ธุรกิจสร้างเงิน หรือธุรกิจที่นำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้ธุรกิจนั้นสามารถดำเนินการหรือสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ดนตรี หรือซอฟต์แวร์ การขายแฟรนไชส์ การให้เช่าโกดังเก็บสินค้า การลงทุนกับเครื่องขายของ หรือเครื่องหยอดเหรียญต่าง ๆ

คนจนทำงานหนักและใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้ พวกเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดไป คนรวยทำงานหนักสะสมเงิน และนำไปลงทุน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอีก

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

เงินของฉันทำงานหนักเพื่อฉันและทำเงินให้ฉันมากขึ้นมากขึ้น

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 16

คนรวยมุ่งไปข้างหน้าแม้จะหวาดกลัว คนจนปล่อยให้ความกลัวหยุดยั้งตนเอง

การกระทำคือสะพานเชื่อมระหว่างโลกภายในและโลกภายนอก ความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่เพียงแต่ในแง่ของความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสุขด้วย มนุษย์ทุกคนล้วนมีนิสัยติดตัวมา เราจึงต้องฝึกลงมือทำแม้จะหวาดกลัว แม้จะกังขา แม้จะวิตก แม้จะไม่แน่ใจ แม้จะไม่สะดวก แม้จะอึดอัด และแม้ว่าเราไม่มีอารมณ์อยากจะทำ อยากให้จำสมการต่อไปนี้ให้ขึ้นใจ ขส. = ขร. ซึ่งหมายความว่า เขตความสบายเท่ากับเขตความร่ำรวย ยิ่งขยายเขตความสบายออกไปได้มากเท่าไหร่ เขตความร่ำรวยและรายได้ก็จะยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น

หนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุดที่ควรทำความเข้าใจไว้คือ ตัวคุณไม่ใช่ความคิดของคุณ คุณใหญ่โตกว่าและเข้มแข็งกว่าความคิดของคุณ ความคิดเป็นแค่ส่วนหนึ่งเหมือนมือซึ่งเป็นอวัยวะส่วนหนึ่ง การฝึกฝนและบริหารความคิด เป็นทักษะสำคัญที่สุดที่ควรมีไว้ครอบครอง เพื่อให้บรรลุความสุขและความสำเร็จ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังฝึกฝนกัน การจะฝึกความคิดได้โดยเริ่มต้นจากการสำรวจจิตใจ ว่าจิตสร้างความคิดที่เป็นอุปสรรคต่อความร่ำรวยและความสุขหรือไม่ เมื่อสามารถบ่งชี้ความคิดเหล่านั้นได้แล้ว ก็ย่อมสามารถแทนที่ความคิดที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เหล่านั้น ด้วยความคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า

ความแตกต่างของการคิดเชิงบวกและการคิดเสริมพลัง เมื่อคิดเชิงบวกเราต้องเชื่อว่าความคิดเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง แต่สำหรับการคิดเสริมพลัง เราตระหนักว่าความคิดของเราไม่ใช่เรื่องจริง แต่เนื่องจากความคิดใด ๆ ในหัวเราก็เกิดจากการสร้างขึ้นมาเองอยู่แล้ว เราจึงน่าจะหันมาสร้างเรื่องที่เป็นประโยชน์กับตัวเราเอง เราไม่ได้ทำแบบนี้เพราะความคิดใหม่ของเราเป็นความจริงในทุก ๆ แง่มุม แต่เพราะมันเป็นประโยชน์กับเรา และให้ความรู้สึกดีกว่าความคิดที่บั่นทอนพลังมากมายนัก

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่กลัว

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่กังขา

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่กังวล

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่ไม่สะดวก

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่อึดอัดใจ

ฉันลงมือทำทั้ง ๆ ที่ไม่มีอารมณ์อยากทำ

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งที่ 17

คนรวยเรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา คนจนคิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว

ถ้ายังไม่รวยและมีความสุขอย่างแท้จริง เป็นไปได้มากทีเดียวว่ายังมีบางอย่างที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับเงิน ความสำเร็จ และการใช้ชีวิตอยู่ การเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง เป็นผู้ที่เรียนรู้ทุกอย่างได้เป็นเรื่องที่ดี คนจนมักพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก พวกเขาชอบสวมหน้ากากปั้นหน้าราวกับเข้าใจไปทุกเรื่อง

ความสำเร็จไม่เกี่ยวกับสิ่งที่มี แต่เกี่ยวกับคนที่เป็น ข่าวดีคือสามารถฝึกฝนและเรียนรู้ เพื่อเป็นคน ๆ นั้นได้ เส้นทางความสำเร็จในการปีนสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์มีให้เรียนรู้อยู่ฉันใด หนทางและกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้ที่งดงาม อิสรภาพทางการเงิน และความมั่งคั่งก็มีอยู่ฉันนั้น เพียงแค่ต้องเต็มใจเรียนรู้และนำวิธีเหล่านั้นมาใช้ในชีวิต

จึงต้องกันรายได้ใส่ไว้ในบัญชีงบประมาณเพื่อการศึกษา เงินในบัญชีนี้จะรับประกันว่ามีงบประมาณเพียงพอสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะหาเงินได้มากขึ้นเท่านั้น และเก็บสะสมเงินได้มากขึ้นด้วย

ประกาศเจตจำนง วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า

ฉันมุ่งมั่นกับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

เอานิ้วชี้แตะศีรษะของคุณแล้วพูดว่า ฉันมีสมองเงินล้าน

บทส่งท้าย : แล้วจะทำอะไรต่อดีล่ะทีนี้

การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ไม่มีทางก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ปรารถนาได้ การอ่านคือจุดเริ่มต้น ถ้าอยากบรรลุความสำเร็จในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการลงมือทำ

ในส่วนที่ 1  คือ แผนผังการเงิน จะเป็นตัวชี้ชะตาความสำเร็จทางการเงิน จงทำตามแบบฝึกหัดแต่ละข้อที่แนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโปรแกรมด้วยคำพูด การวิเคราะห์ต้นแบบ หรือเหตุการณ์ฝังใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงแผนผังการเงินในหัว ไปสู่ความคิดที่เกื้อหนุนความสำเร็จ ให้ประกาศเจตจำนงทุกข้อตามที่แนะนำ และทำทุก ๆ วันด้วย

ในส่วนที่ 2 เรียนรู้ความแตกต่าง 17 ประการของวิธีคิดแบบคนรวยและคนจน แนะนำให้จำแฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่งเหล่านี้ไว้ให้ขึ้นใจ ด้วยการประกาศเจตจำนงทุกวันเพื่อปลูกฝังหลักการเหล่านี้ลงไปในหัว และในที่สุดจะพบว่ามีมุมมองต่อชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดในเรื่องเงิน จงระวังเสียงเล็ก ๆ ในหัว ความคิดที่ถูกโปรแกรมตั้งแต่ในอดีต มีแต่จะฉุดรั้งไว้ในสภาพเดิม ๆ ทำให้จมปลักอยู่ในเขตความสบาย อย่าไปฟังมัน จงทำตามข้อปฏิบัติ ประกาศเจตจำนงและเฝ้าดูชีวิตตัวเองพุ่งทะยานไปข้างหน้า

การทำอะไรซ้ำ ๆ คือสุดยอดแห่งการเรียนรู้ ยิ่งอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ หลักการต่าง ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ทำได้โดยอัตโนมัติ และเป็นธรรมชาติได้โดยเร็ว ขอให้คุณบรรลุความสำเร็จขั้นสูงสุด และได้พบความสุขอย่างแท้จริง.

สั่งซื้อหนังสือ “ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน” ได้ที่นี่ : คลิ๊ก