สรุปหนังสือ Ignore Everybody ช่างหัวคุณสิครับ !
ทุกไอเดียที่ดีเริ่มต้นจากการเลิกฟังเสียงของอื่น
บทนำ ผู้เขียนเล่าว่าเมื่อครั้งที่เขาย้ายไปอยู่ที่เมืองแมนฮัตตันในปี 1997 ได้เริ่มวาดรูปลงหลังนามบัตร และได้ย้ายไปนิวยอร์กเพื่อทำงานเขียนโฆษณา ให้กับบริษัทในเขตมิดทาวน์ในปี 2001 ระหว่างอาศัยอยู่ประเทศอังกฤษนั้น ก็ได้เปิดบล็อกชื่อ gapingvoid.com และเริ่มโพสต์การ์ตูนหลังนามบัตร พอปี 2004 ก็ได้เขียนบทความในบล็อกชุดหนึ่ง และได้รวบรวมเป็นเอกสารขึ้นมา ให้ชื่อว่า How to be creative ซึ่งเป็นพื้นฐานของหนังสือเล่มนี้ ได้แจกฟรีและมียอดดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง
สั่งซื้อหนังสือ “Ignore Everybody ช่างหัวคุณสิครับ !” ได้ที่นี่ “คลิ๊ก”
- อย่าฟังความเห็นคนอื่น ยิ่งไอเดียแปลกใหม่เท่าไหร่ โอกาสที่คนอื่นจะให้คำแนะนำที่ดีจะมีน้อย และไม่รู้ว่าไอเดียนั้นจะออกมาดีหรือเปล่า ผู้คนรอบตัวก็ไม่รู้ มีแต่ตัวของเราเองเท่านั้นที่รู้สึกว่ามันดี แต่การเชื่อมั่นมันไม่ได้ง่ายอย่างคนที่มองโลกแง่ดีว่ากัน เพราะมักจะเกิดกลัวความรู้สึกของตัวเองขึ้นมา สิ่งที่รู้สึกกับสิ่งที่คนอื่นบอกเป็นคนละเรื่องกัน การถามเพื่อนสนิทก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น เพราะพวกเขารู้จักโลกของเราแค่หนึ่งในล้านของทั้งหมดเท่านั้น
ว่ากันตามตรงแล้ว อนาคตของเราไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับพวกเขา นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไอเดียที่ดีจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของคนเรา มันจึงมักถูกต่อต้าน และมาพร้อมกับภาระที่หนักหน่วง จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถทำฝันให้เป็นรูปธรรมได้ และทำมันจนประสบความสำเร็จ
- ไม่ต้องเป็นไอเดียใหญ่โต ขอแค่เป็นไอเดียของตัวเองก็พอ พลังในการทุ่มเทให้กับงาน จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้มากยิ่งกว่าเนื้องานเสียอีก เราทุกคนต่างก็เคยประทับใจในตัวคนที่เราไม่เคยพบ แล้วก็เคยทุ่มเทเวลาไปมากมาย เพื่อไล่ตามคนเหล่านั้นให้ทัน ผู้เขียนก็ไม่ต่างกัน พยายามทำอะไรมาแล้วหลาย ๆ อย่าง แต่ก็ล้มเหลวมาหลายครั้ง จึงทำให้ถอดใจยอมแพ้แล้วหันไปทำอะไรที่สบายใจมากกว่า
แต่สิ่งนั้นมันไม่สามารถเป็นธุรกิจได้ มันเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าประโยชน์ ด้วยสิ่งนี้แหละ ที่ทำให้มันกลายเป็นสิ่งพิเศษ เพราะมันตรงข้ามกับแผนการใหญ่ ที่คนทุกคนคิดฝันที่จะทำกัน เมื่อถึงจุดที่มีความสบายใจ ที่จะทำอะไรบางอย่างโดยไม่ต้องคิดถึงธุรกิจ ไม่ต้องพยายามทำให้ใครประทับใจ พักความทะเยอทะยาน ไม่สนใจว่าเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางอาชีพ เป็นตัวของตัวเอง อิสระไม่ต้องขออนุญาตใคร หรือไม่ต้องรออนุมัติจากใคร โลกภายนอกจึงจะเริ่มมาสนใจงานที่ทำ อำนาจที่มีเหนืองานที่ทำ จะทำให้เกิดอิสรภาพ แล้วจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นเริ่มสร้างงาน และมองความเป็นไปได้ในชีวิตพวกเขา ไอเดียที่มีไม่ต้องใหญ่โต แต่ต้องเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ มันจะทำให้น่าตื่นเต้น จึงจะมีคนสนใจ ยิ่งมีคนสนใจมากเท่าไหร่ ไอเดียเล็ก ๆ นั้นจะยิ่งมีโอกาสเติบโตมากขึ้นเท่านั้น
- ให้เวลากับมัน การทำอะไรที่มีคุณค่าต้องใช้เวลามากมายมหาศาล การทุ่มเทเวลา ความพยายามและความอึด สามารถใช้ตัดสินว่าใครจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวได้แม่นยำถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ความสำเร็จหมายถึง ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากในอนาคต การใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ในโลกแห่งความจริง คืออย่าหยุดงานประจำเด็ดขาด จะทำให้จัดการทุกอย่างง่ายขึ้น มีรายได้ไม่ต้องกดดันตัวเอง
อีกส่วนหนึ่งของชีวิต ให้ทำตามโลกในจินตนาการ สร้างสิ่งที่มีคุณค่าในระยะยาว ค่อย ๆ ทำไปทีละเล็กทีละน้อย วิธีนี้จะทำให้ก้าวเดินไปได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ความอึดก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สุด การอดทนทำงานได้ในระยะยาวเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมี ถ้าหากต้องการเริ่มทำอะไรสักอย่าง เช่น เขียนนิยายหรือทำธุรกิจออนไลน์
อย่าลาออกจากงานที่ทำอยู่ เพราะมันจะทำให้งานชิ้นใหม่ กลายเป็นภารกิจหนักหน่วงที่จำเป็นต้องฝืนทนฝ่าฟันไปให้ได้ จงทำอะไรที่ง่ายกว่านั้น ให้หาเวลาว่างหนึ่งหรือสองชั่วโมง ในวันที่อิสระจริง ๆ แล้วใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ ทุ่มเทกับมัน อดทนทำไปให้นานพอ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตจะเกิดขึ้น
- ไอเดียที่ดีมักจะมีวัยเด็กที่แสนโดดเดี่ยวเสมอ ยิ่งไอเดียดีเท่าไหร่ คนอื่นเขาจะคิดว่าประหลาดมากขึ้นเท่านั้น แม้จะเป็นคนที่ชอบและเคารพก็ตาม ดังนั้นในช่วงเริ่มต้น จึงต้องอดทนสร้างงานตามลำพัง ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติ และเป็นเรื่องที่ต้องรับรู้ไว้ล่วงหน้า ไอเดียดี ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่มันต้องเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ และคนในสังคมก็อาจจะไม่ได้มีจุดประสงค์เดียวกันเสมอไป ไอเดียที่ดีอาจต้องผ่านวัยรุ่นที่โดดเดี่ยวด้วยเช่นกัน
- ถ้าแผนธุรกิจขึ้นอยู่กับการรอให้คนใหญ่คนโตมาค้นพบ แผนนั้นอาจล้มเหลวก็ได้ผู้เขียนบอกว่ามีสำนักพิมพ์ติดต่อเขาเพื่อจะทำหนังสือ แต่เมื่อเขามีปัญหาบางอย่างแล้วโทรไปกกลับไม่ได้รับการตอบกลับมาเลย เขาเลยบอกว่า สำนักพิมพ์นั้นอยากเป็นเจ้าของผู้เขียน แต่ไม่เคยสนใจเลยว่า จะช่วยทำให้ความฝันของผู้เขียนเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน มองนักเขียนเป็นแค่เส้นพาสต้าในจาน
พวกเขาใช้วิธีทำธุรกิจโดยการ สาดเส้นพาสต้าทั้งจานใส่กำแพง แล้วดูว่าเส้นไหนเกาะหนึบติดกำแพงบ้าง เส้นไหนหลุดร่วงลงพื้นก็จะถูกลืมไป อย่ามัวแต่รอให้มีใครค้นพบผลงานเลย ให้เผยแพร่ผลงานลงในอินเตอร์เน็ต โดยไม่ต้องรอให้ใครมาค้นพบ เมื่อมีใครมายื่นข้อเสนอให้ ก็จะอยู่ในสถานะภาพที่สามารถต่อรองได้ง่ายขึ้นมาก ข้อเสนอใหญ่ ๆ เป็นเรื่องดีแน่ แต่เมื่อมองไปในระยะยาว อำนาจสิทธิ์ขาดในการควบคุมดูแลตัวเองต่างหาก ที่สำคัญยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใด
- ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีใครบอกได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องดี มีความหมาย หรือมีคุณค่าหรือเปล่า ยิ่งเส้นทางที่เดินน่าตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น ทุกคนที่ทำงานสร้างสรรค์ ล้วนตามหาไอเดียสุดยอด ที่จะผลักดันไปสู่ความสำเร็จ และชื่อเสียงที่โด่งดังคับฟ้า ไอเดียที่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัย
ดังนั้นถ้าสักวันหนึ่งเกิดมีไอเดียสักอย่างขึ้นมา จะรู้ไหมว่าไอเดียนี้จะดี คำตอบคือไม่รู้ ความมั่นอกมั่นใจกับชัยชนะในทันทีทันใดจะไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่จะมีเสียงบ่นในหัวประมาณว่า ไอเดียบ้าบออะไร งี่เง่าสุดยอด เสียเวลาเปล่า แต่ลองทำดูหน่อยละกัน แล้วก็ลองทำดูจริง ๆ ส่วนไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่า จะทำให้เกิดความหลงใหลได้ปลื้ม แต่ไอเดียดี ๆ มักไม่เข้าท่า ไอเดียสร้างสรรค์จะถือคบเพลิงนำมนุษยชาติไปสู่แสงสว่าง ไอเดียเหล่านี้จะทำให้มีชีวิตอยู่ยืนยาวยิ่งไปกว่าเดิม
- ทุกคนเกิดมาเป็นนักสร้างสรรค์ ตอนอยู่อนุบาลเราต่างก็ได้รับแจกสีเทียนไว้ขีดเขียนเล่น แล้วทำไมเมื่อโตขึ้นจึงได้ยึดสีเทียนไป และเอาตำราเรียนที่แสนน่าเบื่อมาให้ เมื่อต้องการสร้างสรรค์อะไรสักอย่าง เช่น เขียนบทหนังสักเรื่อง วาดรูปสักรูป เขียนหนังสือสักเล่ม เป็นต้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากทำขึ้นมา ไม่รู้ว่าเก่งพอไหม แต่ก็คิดว่าทำได้
ไอเดียที่เกิดขึ้นใหม่นี้จะทำให้เกิดขวัญผวา ต่อให้เก่งจริงก็ตามเสียงเล็ก ๆ ในหัวก็จะเกิดขึ้นประมาณว่า ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจนี้เลย ไม่รู้จักใครในแวดวงนี้เลย นั่นไม่ใช่เสียงที่ขอสีเทียนคืน นั่นเป็นเสียงในวัยผู้ใหญ่ เพราะถ้าทำอะไรสักอย่างที่เหมาะกับตลาดที่จินตนาการเอาเอง ว่าน่าจะมีอยู่ บอกได้เลยว่าล้มเหลวแน่นอน
แต่ถ้าสร้างสรรค์อะไรบางอย่างที่พิเศษ มีพลัง ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และจริงใจ จะประสบความสำเร็จ เสียงเล็ก ๆ จะไม่ปรากฏตัวขึ้น เพราะอยากให้รวยกว่านี้ เสียงนั้นจะกลับมาหาเพราะจิตวิญญาณต้องพึ่งพา เสียงนั้นมีหลายอย่าง ที่ยังไม่ได้พูด ไม่เคยทำ มีดวงไฟหลายดวงยังไม่ได้เปิด ควรจะลงมือจากการสิ่งเหล่านั้นตั้งแต่ตอนนี้
- อย่าหยุดงานประจำที่ทำอยู่ การหยุดหรือลาออกจากงานประจำ มักขัดแย้งกับทฤษฎีเซ็กซ์และเงินสด คนที่ทำงานสร้างสรรค์ จะมีงานอยู่ 2 อย่างคือ 1.งานสร้างสรรค์ และ 2. งานสร้างรายได้ สิ่งนี้คือวิธีสร้างสมดุลเพื่อให้มีชีวิตที่สะดวกสบาย ทั้งยังสามารถสร้างสรรค์งานที่พอใจได้ด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปความชัดเจนแจ่มแจ้งอาจจะจางลงบ้าง แต่เรื่องแบ่งเป็น 2 ส่วนคงจะแก้ลำบาก ความต้องการ 2 อย่างนี้ ต้องตีคู่ประชันกันเสมอไป ไม่เคยมีฝ่ายใดชนะ และทันทีที่ยอมรับความจริงข้อนี้หมายถึงว่ายอมรับด้วยใจ อาชีพการงานจะเจริญก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
- บริษัทที่ทำลายความคิดสร้างสรรค์ ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้อีกต่อไป ตั้งแต่บริษัทสมัยใหม่เกิดขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ก็เริ่มถูกบ่อนทำลาย เพื่อส่งเสริมระบบการทำงานแบบเป็นทีม แต่ปัญหาคือคนทำงานเป็นทีมมาก จะไม่เก่งเรื่องการสร้างคุณค่าให้ตัวเอง คนพวกนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ พวกเขาต้องมีทีม ทีมงานคอยช่วยถึงจะรอด
ถ้าเป็นคนหัวคิดสร้างสรรค์ ถ้าคิดอะไรด้วยตัวเองได้ เอาชนะความกลัวที่จะผิดพลาดได้ บริษัทจะต้องการตัวยิ่งกว่าที่ผ่านมา แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่คนมีหัวคิดสร้างสรรค์ ก็ขอบอกว่าไม่จริง มันเป็นเพียงข้อจำกัดที่สร้างให้ตัวเอง แล้วตั้งใจจะแบกข้อจำกัดนี้ไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ชีวิตของคนเรามันสั้นนัก
- เราทุกคนมีภูเขาเป็นของตัวเอง และเราเกิดมาในโลกนี้ ก็เพื่อจะปีนขึ้นไปบนภูเขาลูกนั้น อาจจะไม่มีวันปีนไปถึงยอดเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อภัยให้ได้ แต่ถ้าไม่แม้แต่จะพยายามอย่างจริงจังสักครั้ง จะต้องรู้สึกว่างเปล่าอย่างที่สุด
ภูเขาที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงงานศิลปะเท่านั้น สำหรับคนอื่น ๆ เส้นทางนี้อาจจะหมายถึงอะไรที่ธรรมดากว่า เช่น การเก็บเงินให้ได้ล้านเหรียญ การสร้างครอบครัว หรือการเปิดร้านขายเสื้อผ้าเล็ก ๆ จะเป็นอะไรก็ได้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นดูท่าทางแล้วว่าจะต้องปีนเขาทำใจ คำแนะนำที่ดีที่สุดที่จะให้ไปได้ก็คือ ยอมรับเถอะว่าภูเขามีอยู่จริง ถ้ายอมรับได้ก็แปลว่าชนะสงครามไปครึ่งหนึ่งแล้ว
- ยิ่งมีพรสวรรค์เท่าไหร่ ก็ยิ่งอาศัยอุปกรณ์น้อยลงเท่านั้น อับราฮัม ลินคอล์น เขียนสุนทรพจน์ของเขาด้วยเครื่องเขียนแสนธรรมดา ซึ่งขอยืมมาจากเพื่อนที่เขาพักอยู่ด้วยในตอนนั้น เออร์เนสท์ เฮมมิงเวย์ เขียนหนังสือโดยใช้ปากกาหมึกซึมธรรมดา ๆ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ อาจจะใช้วิธีพิมพ์เอา แต่นั่นก็เป็นเรื่องของยุคสมัยมากกว่า แวน โก๊ะ แทบไม่เคยใช้สีมากกว่าหกสีในการวาดภาพ
ความคิดสร้างสรรค์กับการเป็นเจ้าของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ยิ่งศิลปินคนหนึ่งเข้าใจงานของตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ และยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่าไหร่ จำนวนอุปกรณ์ที่ใช้อาจจะลดลงเรื่อย ๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะรู้แล้วว่าอะไรที่เหมาะกับงาน อุปกรณ์เลิศหรูเป็นเพียงแค่เสา ซึ่งคนไม่ค่อยมีฝีมือเอาไว้หลบซ่อนตัวเท่านั้นเอง
คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นศิลปินหรือไม่ใช่ศิลปิน ต่างก็มีความสามารถในการมองหาเสาเหล่านี้ พวกเขาอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งมัน และที่สำคัญก็คือเมื่อพวกเขาเห็นเสาแล้ว พวกเขาก็มีความสามารถที่จะกำจัดมันออกไปได้ด้วย การจัดการกับเสานี่แหละ คือพรสวรรค์ที่มีคุณค่าที่สุด เท่าที่จะหาได้บนโลกใบนี้
- ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้โดดเด่นกว่าคนอื่นในกลุ่ม อย่าไปอยู่ในกลุ่มเสียเลยก็หมดเรื่อง แผนการเผยแพร่งานที่สร้างสรรค์ขึ้นมา ควรจะแปลกใหม่พอ ๆ กับเนื้องาน หรืออาจจะต้องน่าสนใจกว่าเสียด้วยซ้ำ งานที่ทำจะต้องเจาะตลาดกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่าสร้างงานที่เหมือน ๆ กับงานของคนอีก 250,000 คน แล้วนั่งรอให้เกิดปาฏิหาริย์ รูปแบบธุรกิจที่มีอยู่ใช้กับงานใหม่ไม่ได้ ต้องหาวิธีแปลกแตกต่างออกไป
ตัวอย่าง เท็ดเขาเลือกวางแผนเส้นทางที่มีคนเดินผ่านมานักต่อนักแล้ว โดยการที่เขาเขียนนิยาย รอให้ใครมาค้นพบนิยายเล่มนั้น ทำให้กลายเป็นหนังสือติดอันดับขายดี แล้วขายลิขสิทธิ์ต่อให้คนเอาไปทำหนัง ทำให้รวยมหาศาลจนไม่ต้องทำงานอีกเลย เขาไม่ได้ใส่ใจว่าอาจจะมีคนอีกหลายล้านคนที่เป็นนักเขียนนิยาย หรือนักฝันที่คิดเหมือนเขา คิดแค่ว่าสักวันหนึ่งจะโชคดี ทำให้เขาฉกฉวยโอกาสไว้ในกำมือได้แน่ ๆ
ถ้าแผนการที่วางไว้คล้าย ๆ กันกับแผนของเท็ด ถ้าใช่ก็เริ่มจะน่าเป็นห่วง เมื่อครั้งผู้เขียนเริ่มต้นสร้างธุรกิจ เขาไม่ได้มีแผนการใหญ่โต เขาเพียงแค่ทำในสิ่งที่เขาทำได้ โดยไม่มีใครที่เขาต้องคอยเอาอกเอาใจ และไม่ต้องพยายามปั้นแต่งชีวิต ให้มันดูสมกับเป็นศิลปินตัวจริงเสียงจริงด้วยซ้ำ จงถามตัวเองว่าเส้นทางที่เดินมีเสรีภาพมากแค่ไหน เสรีภาพนี่แหละ ที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ฝันไว้
- ถ้ายอมรับความเจ็บปวดแต่โดยดีมันก็จะทำร้ายไม่ได้ การต้องเสียสละอะไรสักอย่างเพื่อสร้างงาน ทำให้เจ็บปวดได้มากกว่าที่คาดคิดเสมอ แต่การได้ตั้งอกตั้งใจสร้างสรรค์งานสักชิ้น ก็เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เท่าที่เราจะหาได้ในชาตินี้หรือชาติไหน ๆ ถ้าทำสำเร็จมันคุ้มค่าแน่ แต่ต่อให้ทำไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ก็จะได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ที่วิเศษสุดมหัศจรรย์ และมีคุณค่า การไม่ลงมือทำแม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามีโอกาสอยู่ตรงหน้าต่างหาก ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความล้มเหลวหลายเท่าตัว การเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง สรุปไว้ก่อนเลยว่า จะไม่ได้รับสิ่งตอบแทน งานจะไม่มีใครสนใจมากเท่าที่ควร และมันจะไม่คุ้มกับเวลา และความพยายามที่ทุ่มเทไป ข้อดีที่เห็นได้ชัดของมุมมองแบบนี้ก็คือ ถ้ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นเพราะงานที่ทำ นั่นก็ถือเป็นกำไรแล้ว และข้อดีอีกอย่างที่อาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าก็คือ การกำจัดความหวังในเชิงธุรกิจและสังคม ออกจากการทำงานสร้างสรรค์
- อย่าเอาภายในของตัวเรา ไปเปรียบเทียบกับภายนอกของคนอื่นเด็ดขาด ยิ่งฝึกฝนฝีมือในการทำงานสร้างสรรค์มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแยกแยะความแตกต่าง ระหว่างรางวัลที่เป็นรูปธรรม กับรางวัลทางใจได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเส้นทางที่เลือก อาจจะไม่สร้างรายได้ หรือทำให้อาชีพการงานก้าวหน้า แต่รางวัลทางใจที่ได้ ก็ยังมีคุณค่ามหาศาล
เมื่อผู้เขียนยังอายุสิบหก และอาศัยอยู่ในเอดิมเบิร์ก ประเทศสกอตแลนด์ เขาคุ้นเคยกับชายเจ้าของร้านซินเดอร์ส ที่ตั้งอยู่บนถนนเซนต์ สตีเฟ่น ร้านนี้เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อมแซมเตาผิงรุ่นโบราณ วิธีการทำธุรกิจของร้านง่ายมากคือ ไปขอซื้อปล่องไฟเก่า สมัยยุคจอร์เจียและวิคตอเรียแท้ ๆ ตามบ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ในราคาถูกแสนถูก จากนั้นก็นำมันมาซ่อมแซมเสียใหม่ ด้วยความรักแต่รวดเร็ว แล้วก็ทำกำไรก้อนโตด้วยการขายต่อให้พวกเศรษฐีใหม่
เขาเลือกจะขายแค่สิ่งของ เช่น ชิ้นส่วนปล่องไฟ ทั้งที่สามารถเลี้ยงชีพด้วยการขายสิ่งที่ตัวเองรักจริง ๆ เช่น ของเก่า การขายของที่ตัวเองรัก น่าจะเป็นงานที่ดีกว่าแน่นอน แต่กฎข้อแรกของเขาในการทำธุรกิจก็คือ อย่าขายสิ่งที่รักเด็ดขาด เพราะนั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการขายลูกตัวเอง
- การตายตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ได้เท่ห์นักหรอก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนหนุ่มสาวมากมาย ที่มีความคิดว่าต้องเล่นยาหรือเมาหัวราน้ำ จึงจะได้เป็นศิลปินที่เก่งขึ้น แต่ทางเลือกที่ว่านี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด มันซ้ำซากไม่ได้ผลจริง ทำลายสุขภาพ ซ้ำยังมักจะจบลงอย่างไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ด้วย
ยิ่งอายุมากขึ้น ก็จะยิ่งพบคนที่หลงทาง เพราะความคิดไร้สาระแบบนี้เยอะขึ้น ดังนั้น ร้านเหล้าต่าง ๆ จึงแออัดไปด้วยผู้คนที่กำลังโยนชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองทิ้งไป เพราะมัวแต่เฝ้ารอทางลัด ระหว่างนั้นคู่แข่งของพวกเขา กลับนั่งอยู่ที่บ้านตะลุยทำงานกันอย่างหัวหกก้นขวิดเลยทีเดียว
- สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งคนที่ทำงานสร้างสรรค์ควรจะเรียนรู้ไว้คือ การขีดเส้นแบ่งเพื่อแยกแยะระหว่างสิ่งที่อยากทำกับสิ่งที่ไม่อยากทำ การสร้างสรรค์งานศิลปะ จะเริ่มสึกกร่อนทันทีที่มีคนอยากใช้เงินซื้อมันไปครอบครอง ยิ่งอยากได้เงินมากเท่าไหร่ คนที่จะสั่งให้ทำโน่นทำนี่ก็ยิ่งมีเยอะขึ้นเท่านั้น จะต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับเรื่องงี่เง่ามากขึ้น และความสุขในการทำงานจะลดลง จำเรื่องนี้ไว้ให้แม่น และวางแผนชีวิตให้ดี
ผู้เขียนรู้จักคริสตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เขาจึงมีโอกาสได้เฝ้าดูคริส ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรีผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ จนกระทั่งเขากลายเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง การเฝ้ามองทำให้ผู้เขียนได้เห็นกับตาว่า ชีวิตจริงของนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพเป็นอย่างไร ทั้งในด้านที่ดีและในด้านที่ไม่ดี การได้เห็นภาพความเป็นจริงอย่างนั้นช่วยได้มากทีเดียว เห็นชีวิตของคริสและนักเขียนการ์ตูนคนอื่น ๆ เห็นกลุ่มคนที่มีอำนาจตัดสินใจในวงการ เห็นโลกหลอกลวงในวงการ แล้วผู้เขียนก็บอกกับตัวเองว่า ไม่เอาดีกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งคนทำงานสร้างสรรค์ควรจะเรียนรู้ไว้คือ การขีดเส้นแบ่งเพื่อแยกแยะระหว่างสิ่งที่อยากทำกับสิ่งที่ไม่อยากทำ เส้นแบ่งสีแดงนี่แหละ ที่เป็นตัวกำหนดอำนาจในการควบคุมงาน มันคือเขตแดนสำหรับความคิดสร้างสรรค์ เรื่องไหนที่ทนได้ และเรื่องไหนที่ทนไม่ได้ มีอะไรที่มีอำนาจควบคุมได้ และอะไรบ้างที่ไม่ได้ อะไรบ้างที่จะยอมเสีย และอะไรบ้างที่ไม่มีทางยอม แต่ละคนไม่เหมือนกัน ใคร ๆ ต่างก็มีความคิดที่แตกต่างกันไปทั้งนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ต้องทุกข์ทรมานเพื่อศิลปะ มักเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเส้นสีแดงเส้นนั้นอยู่ตรงไหน และไม่รู้ว่าอำนาจในการควบคุมงานของตัวเองอยู่ที่ไหน
- โลกเรากำลังเปลี่ยนแปลง บางคนก็รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่บางคนก็ไม่รู้เอาเสียเลย ถ้ายังอยากมีรายได้ในวันข้างหน้า ควรจะเงี่ยหูฟังคนจำพวกแรก และหลีกให้ห่างจากคนจำพวกหลัง ไม่ว่าโลกเราจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ไม่ว่าเทคโนโลยี รูปแบบธุรกิจ และโครงสร้างทางสังคมจะพลิกโฉมหน้าไปอย่างไร แต่สิ่งเดียวที่โลกยุคใหม่เอาไปไม่ได้ก็คือ ความไว้วางใจ
พูดอีกอย่างได้ว่า อย่าไปกังวลเรื่องเทคโนโลยีให้มากนัก หันมาสนใจคนที่ไว้ใจดีกว่า หมดยุคของวิธีแบบเดิม ๆ แล้ว และก็ต้องการคนรอบข้างที่เข้าใจความจริงข้อนี้ นั่นหมายความว่า ควรจะอยู่กับคนที่มีหัวคิดสร้างสรรค์ คนที่ดูแตกต่างจากคนอื่น และคนที่ช่างคิดช่างฝันให้มากขึ้น ลองนึกดูให้ดีว่า พวกเขาต้องการอะไร และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ตรงจุด
- ความดียังพอหาซื้อได้ แต่ความปรารถนาหาซื้อที่ไหนไม่ได้แน่นอน คนที่จะสามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ก็คือ คนที่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงมัน และไม่ใช่ทุกคนหรอกที่มีความปรารถนาแบบนั้น คนเรามีสิ่งที่เรียกว่ายีนขี้โมโหอยู่ในตัว ซึ่งหมายถึงความรู้สึกอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ไม่พอใจสภาพที่เป็นอยู่ ไม่ว่าโชคชะตาจะเข้าข้างแค่ไหนก็ตาม
ยีนตัวนี้มีประโยชน์กับมนุษย์ มันเป็นสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดรูปแบบหนึ่ง ควรจะทำความเข้าใจเสียก่อนว่า แรงกระตุ้นทางความคิดสร้างสรรค์ เป็นสัญชาตญาณดิบที่ติดตัวเรามา ความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงโลก ไม่ได้เกิดจากการบรรลุสัจธรรมอะไรบางอย่าง แต่เป็นเสียงเรียกร้องจากสัญชาตญาณดิบนี่แหละ
ปัจจุบันนี้มีงานสบาย ๆ มากมายให้เลือกทำ อาจจะถูกว่าจ้างด้วยเงินมหาศาล ให้ไปนั่งเงียบอยู่ตรงมุมห้องทำงาน แม้ว่าที่จริงแล้ว อาจจะแค่หายใจทิ้งไปวัน ๆ นี่เป็นเรื่องเศร้าและยิ่งเศร้าไปกว่านั้น ถ้ายอมตกลงรับเงินค่าจ้างของพวกเขา
- หลีกให้ห่างแก๊งตู้กดน้ำเย็น คนกลุ่มนี้มีความตั้งใจที่ดี แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะกลายเป็นอุปสรรคเสียเปล่า ๆ แก๊งตู้กดน้ำเย็นที่ว่าก็คือ คำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่หมดอายุการใช้งานไปนานแล้ว คนกลุ่มนี้จะหยุดพักดื่มน้ำเกือบทั้งวัน เมากลึมกลับมาจากพักเที่ยงบ่อย ๆ พวกเขาตะลุยงานจนดึกดื่นไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์ คนแก่ผู้อาภัพพวกนั้น ชีวิตของพวกเขาอาจจะน่าสงสารก็จริง แต่พวกเขาก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ดีมาแล้ว พวกเขาเคยได้รางวัล เคยบินไปถ่ายโฆษณา แต่พวกมือใหม่มีแค่เหตุผลเดียวที่เขายังจ้างอยู่ ก็เพราะยังอายุน้อย แล้วก็เงินเดือนถูก เมื่อไหร่ที่อายุไม่น้อย และเงินเดือนไม่ถูกแล้ว ก็คงต้องโดนเขี่ยกระเด็นแน่นอน
- ร้องเพลงด้วยเสียงของตัวเอง คนหนึ่งคนไม่เก่งไปเสียหมดทุกอย่างหรอก แต่ศิลปินที่มีฝีมือจริง ๆ และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ ล้วนสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของตัวเองได้ และสามารถเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็งได้ เทอร์เนอร์วาดรูปคนได้ไม่ดีเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะพัฒนาฝีมือในการวาดภาพวิว ซึ่งเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบ และถ้าบ๊อบ ดีแลน เก่งเรื่องเทคนิคในการร้องและเล่นดนตรีมากกว่านี้ เขาก็อาจจะไม่ทุ่มเทให้กับการเขียนเนื้อเพลงที่แสนจะมีพลังและกินใจ อย่าพยายามหาข้อแก้ตัวเลย หยุดพูดแล้วเริ่มลงมือดีกว่า วันเวลาไม่เคยรอใครทั้งนั้น
- จะสร้างผลงานในรูปแบบไหนก็ไม่สำคัญ จุดแข็งที่สุดของสื่อทุกรูปแบบ เป็นจุดอ่อนที่สุดของมันด้วย ทุกสื่อล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่มีสื่อไหนสูงส่งกว่าอีกสื่อหนึ่ง ภาพเขียนทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากห้อยค้างอยู่บนกำแพงเฉย ๆ นี่คือจุดแข็งที่สุดและจุดอ่อนที่สุดของมัน ภาพยนตร์เป็นสื่อที่รวบรวมทั้งเสียง การเคลื่อนไหว การถ่ายภาพ ดนตรี และการแสดงเข้าไว้ด้วยกัน และนี่คือจุดแข็งที่สุดและจุดอ่อนที่สุดของมัน งานเขียนไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการจับคำต่าง ๆ มาเรียงร้อยให้เป็นประโยคเพื่อสื่อประเด็นอะไรบางอย่าง นี่คือจุดแข็งที่สุดและจุดอ่อนที่สุดของมัน
สำหรับพวกนักศึกษาเอกศิลปะ วิธีสร้างงานศิลปะที่พวกเขาเลือก ดูราวกับจะเป็นศาสนาของพวกเขาเลยทีเดียว มันจริงจังมันสำคัญมาก มันเป็นส่วนหนึ่งของตัวตน สำหรับเรื่องนี้ผู้เขียนยังสองจิตสองใจอยู่ ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าดีเหมือนกันที่เด็กวัยรุ่น จะปล่อยตัวให้ทะเยอทะยานจนสุดโต่ง เพราะอาจจะมีบางคนที่ทำได้สำเร็จขึ้นมาจริง ๆ โดยไม่ถูกเขี่ยกระเด็นไปเสียก่อน การเป็นเด็กก็ดีเสียอย่างนี้ รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก
แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะบอกพวกเขาว่า อย่าเผลอเลือกเส้นทางในการสร้างงานที่ยากลำบากเกินไปด้วยเหตุผลผิด ๆ เมื่อยังเด็กอยู่มันไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อวัยเด็กผ่านไปแล้ว ปีศาจร้ายก็จะลงมือชำระหนี้แค้น และตอนจบก็มักจะไม่สวยงามเท่าไหร่
- การขายตัวตนเพื่อเอาใจตลาดนั้นยากกว่าที่คิด การปรับเปลี่ยนชิ้นงานเพื่อให้เหมาะกับตลาด มีแต่จะทำให้ตัวเองชอบมันน้อยลง เมื่อผู้เขียนเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาใหม่ ๆ เขาร่อนแฟ้มผลงานของตัวเองไปตามเอเจนซี่โฆษณาต่าง ๆ พยายามหางานทำเป็นครั้งแรก วันหนึ่งครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ของบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง ก็ยอมตกลงให้เข้าไปนำเสนอผลงาน ผู้เขียนจึงเอางานเข้าไปให้เขาดูที่บริษัทนั้น
ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์คนนั้นเป็นคนดี ดูแล้วเขาไม่ชอบงานเท่าไหร่ แต่สุภาพเกินกว่าที่จะพูดออกมาตรง ๆ สุดท้ายเขาก็สารภาพเสียงเบา ๆ ว่า มันยังไม่โดนใจเขานัก แม้ผู้เขียนบอกว่าจะปรับให้มันดีขึ้นกว่าเดิม เขาก็บอกว่าค่อยไปปรับตอนได้งานและโดนลูกค้าไล่บี้เอาก็ได้ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในวงการโฆษณาเท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง ยากนักที่จะขายตัวตนเพื่อเอาใจตลาด เมื่อไม่มีใครยอมซื้อมันเลย
- ไม่มีใครใส่ใจหรอกสร้างงานเพื่อตัวเองดีกว่า ทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตตัวเอง มากเกินกว่าที่จะมานั่งสนอกสนใจ หนังสือของคุณ ภาพเขียนของคุณ บทหนังหรืออะไรก็ตาม ยิ่งถ้ายังทำไม่เสร็จยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ส่วนพวกที่ว่างมากจนมีเวลามาสนใจงานของคนอื่น ก็คงไม่อยากคบเท่าไหร่อยู่แล้ว การเอางานสร้างสรรค์ของตัวเอง ไปผูกติดกับคนอื่นเป็นหนทางสู่ความตายชัด ๆ
- อย่ากังวลเรื่องการค้ากับศิลปะให้มากนัก เพราะมันเสียเวลาเปล่า การโต้คารมเกี่ยวกับงานศิลปะเพื่อการค้า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายหนเต็มที และก็ยังคงไม่มีใครค้นพบมุมมองใหม่ที่สั่นสะเทือนโลกได้ในเร็ว ๆ นี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร และไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ใส่ใจไปก็เสียสมาธิเปล่า ๆ
สิ่งสำคัญก็คือ จะทำอะไรกับเวลาน้อยนิดที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันเลย แต่วิธีที่คนคนหนึ่งทำนุบำรุง และพัฒนาอำนาจในการสร้างสรรค์ของตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือของคนอื่น เป็นเรื่องที่รู้สึกว่าน่าสนใจกว่ามากทีเดียว
- อย่าเป็นห่วงเรื่องการตามหาแรงบันดาลใจ สุดท้ายมันก็จะวิ่งมาหาเอง แรงบันดาลใจจะต้องเกิดขึ้นก่อนความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์เสมอ ไม่ใช่ในทางกลับกัน ถ้าวิธีจัดการชีวิตทำให้ต้องใช้เวลามากมาย กว่าจะนำไอเดียมาลงมือทำงานได้จริง วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะนัก ต้องหาวิธีทำงานที่จะช่วยให้เก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ จากแรงบันดาลใจให้ได้มากที่สุด เพราะแรงบันดาลใจมักไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาที่สะดวกจะลงมือทำ ซ้ำมันยังอยู่ไม่นานด้วย ในทางกลับกัน ก็ไม่ควรจะไปกังวลกับอาการเขียนไม่ออก หรืออะไรทำนองนั้นให้มากนัก การพยายามสร้างงานในขณะที่ไม่มีอารมณ์จะทำ มันก็เหมือนกันพยายามคุยกับใครสักคน ทั้งที่ไม่มีอะไรจะพูดนั่นแหละ การสนทนาแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้เชื่อมสัมพันธ์กับใครได้
- ค้นหาแนวทางของตัวเอง ศิลปินทุกคนล้วนตามหาช่วงเวลา ที่พวกเขาพบเสียงที่แท้จริงของตัวเองในที่สุด และมันจะอยู่กับพวกเขาตลอดไป วิธีสร้างงานไม่ใช่สิ่งที่ทำให้งานชิ้นนั้นกลายเป็นศิลปะที่ยอดเยี่ยม ความยอดเยี่ยมเกิดขึ้นเพราะศิลปินค้นพบวิธีใหม่ ที่จะใส่ตัวตนทั้งหมดของตัวเองลงไปในชิ้นงานได้ต่างหาก และในตอนนั้นเองที่มันจะกลายเป็นแนวทางของเขา เป็นเสียงที่แท้จริงของเขา นี่คือสิ่งที่ประทับใจผู้คน มันคือความเป็นมนุษย์ มันคือตัวตน ไม่ใช่รูปแบบ เอาตัวตนใส่ลงไปในงานด้วย แล้วจะพบเสียงที่แท้จริง
- เขียนจากหัวใจ ไม่มีทางที่รับประกันความสำเร็จได้แน่นอน ถ้าทำงานเกี่ยวกับการสื่อสาร คงจะดีไม่น้อยถ้าสามารถพูดเรื่องเดิม ๆ ด้วยวิธีเดิม ๆ ได้เสมอ ไม่ว่าจะกำลังสื่อสารกับคนแค่คนเดียว หรือคนเป็นล้าน ๆ คน ลองจินตนาการดูว่า ถ้าทำได้จริง ๆ จะมีอำนาจมากแค่ไหน แต่น่าเสียดายที่มันไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเขียนเพื่อให้คนหนึ่งคนหรือคนล้านคนอ่านมีเพียงวิธีเดียว ที่จะจับหัวใจพวกเขาได้ นั่นก็คือการเขียนออกมาจากหัวใจ
- วิธีทำให้งานได้รับการอนุมัติที่ดีที่สุดคือ อย่าไปรอให้ใครอนุมัติ เรื่องนี้เป็นความจริงทั้งในแวดวงศิลปะและธุรกิจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีคุณค่าหน้าครอบครอง ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปศึกษางานที่นิตยสารพันซ์ นิตยสารขำขันชื่อดังของลอนดอน ตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่น แต่บรรณาธิการการ์ตูนของนิตยสารเล่มนั้น ก็ยอมอดทนให้เข้าไปอยู่กับเขาได้หนึ่งวันเต็ม ๆ
ในระหว่างจัดการกับจดหมายกองใหญ่ เขาได้ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ผู้เขียนจึงอ่านดูคร่าว ๆ มันเป็นจดหมายของนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักในแวดวงมานาน และเคยได้ยินชื่ออยู่แล้ว พวกเขาเขียนจดหมายโอดครวญมาถึงบรรณาธิการผู้นั้น อ้อนวอนขอให้ตีพิมพ์งานของเขาบ้าง บรรณาธิการพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า ได้รับจดหมายแบบนี้อาทิตย์ละประมาณห้าสิบฉบับ จากพวกนักเขียนการ์ตูนเคยดังหลายคน เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วบอกว่า ถ้าไม่อยากให้งานได้รับการตีพิมพ์ ให้เขียนจดหมายอุบาทว์แบบนั้นส่งมาให้สักฉบับก็แล้วกัน
- 29. พลังอำนาจไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมอบให้ แต่เป็นสิ่งที่จะต้องยึดครองเอง คนที่พร้อมจริง ๆ มีกระแสอะไรบางอย่างในตัวต่างไปจากคนที่ยังไม่พร้อม และอย่าลืมว่าสัตว์ทุกชนิดรวมทั้งคนเรา สามารถสัมผัสกลิ่นความกลัวได้ และรู้ด้วยว่าคนไหนกล้าจริง ทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องพยายามจะเป็นอีกต่อไป แต่คือการลงมือทำ
การจะได้งานในฝัน จึงต้องเดินเข้าไปในห้องบรรณาธิการแล้วบอกเขาว่า ผมนี่แหละนักข่าวกีฬาระดับมือทองของโลก และบรรณาธิการคนนั้นก็ดูออกเสียด้วยว่าไม่ได้โม้ ก็จะทำให้ได้ง่ายอย่างแน่นอน ไม่ได้เดินเข้าไปในห้องนั้นเพื่อขอพลังอำนาจจากเขา แต่เดินเข้าไปและบอกเขาอย่างสุภาพว่า มีพลังอำนาจอยู่ในตัวเองเรียบร้อยแล้ว นี่คือความหมายของความพร้อม และนี่คือความหมายของการยึดครองพลังอำนาจ และมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เราไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลืออะไรจากใครอื่น เพื่อจะเป็นที่สุดของโลก
- ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีข้อเสียทั้งนั้น ต้องเสียอะไรบางอย่างถ้าสร้างงานเพื่อเอาใจตลาด แต่ถ้าไม่สร้างงานเพื่อเอาใจตลาดก็ต้องเสียอะไรบางอย่างเหมือนกัน ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องรับผลที่ตามมาไปแบบเต็ม ๆ และบอกได้เลยว่าทั้งสองทางล้วนเจ็บปวดเจียนตาย ไม่มีทางเดินสำเร็จรูปของแท้ ไม่ว่าจะทำตามตัวอย่างของศิลปินผู้มีชื่อเสียงผู้ร่ำรวยหรูหราอย่างวอร์ฮอล หรือเดินตามเส้นทางของศิลปินยากจน ผู้มีชีวิตสุดรันทดอย่างแวน โก๊ะก็ตาม เส้นทางชีวิตที่สุดโต่งไปคนละด้านทั้งสองทางนี้ อาจจะทำให้พุ่งฉิวไปสู่จุดสูงสุดหรือถูกทำลายจนสิ้นซาก ใครจะไปรู้ การหาคำตอบไม่ใช่เรื่องง่าย ใคร ๆ ก็เป็นนักอุดมคติได้ และใคร ๆ ก็เป็นพวกต่อต้านสังคมได้ การพยายามหาจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองอย่างนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องยาก และจุดกึ่งกลางนั้นก็คือการเป็นมนุษย์ธรรมดานั่นเอง
- ส่วนที่ยากที่สุดของการมีความคิดสร้างสรรค์คือ การทำความคุ้นเคยกับมัน ถ้ามีพลังสร้างสรรค์อยู่ในตัว พลังนั้นก็จะไม่มีวันจางหายไป แต่บางครั้งอาจจะต้องใช้เวลาหน่อยกว่าจะยอมรับมันได้ เมื่อปี 1989ผู้เขียนอาศัยอยู่ในลอนดอนตะวันตก เฝ้าแฟลตเล็ก ๆ น่ารักให้กับญาติคนหนึ่ง ตลอดช่วงฤดูร้อนปีนั้น ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับชื่อดังอาศัยอยู่ที่ห้องชั้นบนเหนือจากแฟลตที่อยู่พอดี เขามาพักที่นั่นสองเดือน ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Batman the movie ตอนนั้นผู้เขียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการโฆษณาในฐานะก๊อปปี้ ไรท์เตอร์
คืนหนึ่งเขาและภรรยาแวะมากินอาหารเย็นที่ห้องของผู้เขียน ระหว่างกินข้าวเย็นก็ได้พูดถึงเรื่องเส้นทางอาชีพที่เลือก ในตอนนั้นผู้เขียนเองยังรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ กับการทำอาชีพสร้างสรรค์อยู่ คนในครอบครัวของผู้เขียนต่างก็มีอาชีพที่จริงจังกันทุกคน ทิมก็พูดว่า ถ้ามีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัว มันก็จะอยู่กับเราไปตลอดนั่นแหละ จงพยายามทำใจยอมรับมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีจริง ๆ
- อยู่อย่างประหยัด ยิ่งใช้ชีวิตเรียบง่ายเท่าไหร่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้เป็นความจริงเสมอ แม้เมื่อทำสำเร็จแล้ว เมื่อปี 1997 ผู้เขียนได้งานในฝันเป็นครั้งแรก เขาได้เป็นก๊อปปี้ โรเตอร์เงินเดือนสูง มีห้องทำงานใหญ่โต มีอพาร์ทเม้นท์กว้างขวางอยู่ในนิวยอร์ก ใช้ชีวิตอยู่กับงานปาร์ตี้และสังคมหรูหรา มีทุกสิ่งที่คนเมืองระดับมันสมองเขามีกัน ไม่ขาดเหลืออะไรทั้งสิ้น
แต่ปัญหาก็คือ ถึงจะได้เงินเดือนเยอะ แต่ก็ยังกระเป๋าแห้งทุกสิ้นเดือนอยู่ดี นิวยอร์กเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงมาก และผู้เขียนก็ตั้งใจไว้ว่า จะใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงเสียด้วย แน่นอนว่าไม่มีเงินเหลือเก็บเลย อย่างที่เขาเรียกกันว่า บทเรียนราคาแพงและผู้เขียนก็จ่ายค่าเรียนไปมหาศาลเลยทีเดียว
มีคนมากมายพวกเขาหาเงินได้เยอะ แต่ก็พลาญหมดอย่างรวดเร็วเช่นกัน พวกเขาได้กินอาหารในร้านหรูแต่พวกเขาก็ต้องจ่ายมหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิพิเศษนั้น คนเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะขัดใจเจ้านาย และต้องหวาดหวั่นทุกครั้ง ที่ธุรกิจซบเซาไปสักเดือนหรือสองเดือน ส่วนหนึ่งของการทำงานสร้างสรรค์ก็คือ การเรียนรู้ที่จะปกป้องอิสรภาพของตัวเอง รวมถึงการเป็นอิสระจากความโลภด้วย
- ปล่อยให้งานแก่ลงไปพร้อมกับเราด้วย คนเราแก่เร็วกว่าที่คิด เตรียมตัวรับมือกับความแก่ให้พร้อม มีคำพูดเก่าแก่ที่ใคร ๆ ก็เคยได้ยินอยู่ประโยคหนึ่งมักพูดเสมอว่า ตัวเองมีประสบการณ์สูง 20 ปี แต่ที่จริงพวกเขามีประสบการณ์แค่ 1 ปี ทว่าทำอย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 20 ครั้งต่างหาก ข่าวดีก็คือกับดักนี้หลบเลี่ยงได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีประสบการณ์มากพอ จู่ ๆ จะรู้สึกขึ้นมาว่าไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้ชีวิตไปตามครรลองอย่างที่ควรจะเป็น และอย่าไปกังวลถึงความแก่ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ อย่าไปกังวลถึงคนที่หวาดกลัวความแก่ เพราะคนแบบนั้นมีแต่จะถ่วงความก้าวหน้าเสียเปล่า ๆ
- ความจนมันแสนจะน่ากลัว ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด ที่พวกเด็กหนุ่มสาวทำกันก็คือ การประเมินต่ำเกินไปว่าโลกข้างนอกนั้น แข่งขันกันมากขนาดไหน ไม่ได้บอกว่าเงินคือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การปฏิเสธความสำคัญของโลกวัตถุนิยมรอบตัวเรา ก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีความจริง และโลกแห่งความจริงก็จะลงโทษอย่างหนักหน่วง โทษฐานที่หลงลืมมันไป สิ่งที่ควรจะเป็นมากที่สุดในโลกก็คือ การเป็นมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพ บางครั้งเราต้องมีเงินถึงจะทำเช่นนั้นได้ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่อย่าลืมว่าเราจะต้องเตรียมพร้อม สำหรับสถานการณ์ทั้งสองอย่างเสมอ
- ระวังตัวให้ดีถ้าคิดจะเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นงานประจำ มันฟังดูดีอยู่หรอกแต่มันก็มีข้อเสีย ชายคนหนึ่งชื่อแอนดรูว์เป็นนักบัญชีมือใหม่ เขาไม่ชอบการเป็นนักบัญชีเท่าไหร่นัก แต่เขากลับทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับเครื่องเงินโบราณ มันอาจจะเป็นงานอดิเรกที่ดูแปลก ๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับชาติเลยทีเดียวถ้าพูดถึงเรื่องนี้
ในที่สุดเขาก็ลาออกจากงานบัญชี และได้งานใหม่ที่บริษัทประมูลระดับสูง ซึ่งเน้นประมูลเครื่องเงินที่เป็นอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารโดยเฉพาะ หลายปีต่อมาปรากฏว่าเขาเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน และเขามีอาการติดเหล้าขนาดหนัก คนเราจำเป็นต้องมีทั้งสองอย่าง คนที่เคยมีงานอดิเรกเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอด จะเอาเวลาว่างไปทำอะไรนอกจากดื่มกันล่ะ
- จงดื่มด่ำกับการไม่มีชื่อเสียงอย่างเต็มที่ เมื่อยังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น เพราะเมื่อประสบความสำเร็จแล้ว งานจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกเลย มันเป็นเรื่องราวคุ้นหูที่เล่าต่อกันมานับครั้งไม่ถ้วน คนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง สร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยมน่ามหัศจรรย์ตั้งแต่อายุน้อยยากจน หิวโหย และโดดเดี่ยว แต่ไม่มีใครสักคนสนใจงาน และแล้ววันหนึ่งก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล กลายเป็นคนดังมีรายได้ไหลมาเทมาไม่หยุดหย่อน
นี่เป็นความฝันของศิลปินอายุน้อยหลายคน พวกเขาล้วนอาศัยเรื่องราวเหล่านี้ ช่วยปลอบขวัญระหว่างการสร้างงานในช่วงปีแรก ๆ เมื่อชีวิตยังแร้นแค้นขัดสน สิ่งที่ตลกก็คือ เมื่อได้ยินเหล่าร็อกสตาร์ทั้งหลาย เล่าถึงการไต่เต้าขึ้นมาบนจุดสูงสุดของอาชีพ เสี้ยวชีวิตที่พวกเขาเล่าถึงอย่างหลงใหล กลับไม่ใช่ช่วงเวลาที่พวกเขามีทั้งชื่อเสียงและเงิน แต่กลับเป็นช่วงเวลาก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน ไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีแค่อาหารเล็กน้อยประทังชีวิต
เมื่อประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัยคนจำนวนมากร่วมเดินทางไปด้วย เมื่อครั้งที่ยังมีแต่ตัวเอง ความฝันและอาหารเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงใคร นอกจากตัวคนเดียว แน่นอนว่าสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้บรรดาร็อกสตาร์พูดถึงห้องใต้ดินกับอาหารเพียงเล็กน้อยนั้น ได้อย่างปราบปลื้ม ก็เพราะเหตุการณ์ช่วงนั้นมันจบลงไปแล้ว มันไม่ได้อยู่ยั่งยืนยงไปตลอดกาล ตราบใดที่รู้ว่าจะผ่านช่วงนั้นไปได้ในที่สุด ก็สมควรจะเก็บเกี่ยวความสุขจากมันเอาไว้ให้เต็มที่
- เริ่มเขียนบล็อก เมื่อก่อนการนำเสนอเนื้อหาในบล็อก หรือสื่อทางสังคมบนอินเตอร์เน็ตอื่น ๆ ที่ถนัดไปตีพิมพ์อาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่ตอนนี้เริ่มยากขึ้นแล้ว ที่แน่ ๆ คือวิธีนี้ใช้ได้กับผู้เขียน อย่างที่ได้เคยเขียนไปแล้วในบทนำว่า หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นจากการเป็นบทความขนาด 13,000 คำ บนบล็อกของผู้เขียนที่ชื่อ gapingvoid.com มันถูกดาวน์โหลดและอ่านไปประมาณ 1 ล้านครั้ง และเมื่อรู้ตัวอีกทีสำนักพิมพ์ก็เริ่มติดต่อเข้ามา สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงอย่างมีความสุข
การเอาไอเดียที่มีเขียนลงไปในบล็อก เพื่อปลดปล่อยมันออกสู่โลกกว้าง วันใดวันหนึ่งปลาจะต้องติดเบ็ดแน่นอน ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน จึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับคนที่อยากจะลงทุนในผลงาน อย่างไรก็ตามของแบบนี้มันไม่แน่ไม่นอน อาจจะใช้เวลาแค่ 2 เดือนหรือ 2 ปีก็ได้
- ความหมายอาจจะเปลี่ยนไป แต่คนเราไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การที่ลงทุนลงแรงไปแค่ไหนไม่สำคัญ เท่ากับว่ามันมีความหมายมากเพียงใด แต่ถ้ามีเส้นทาง 2 สายให้เลือกเดิน และเป็นทางเดินที่สวยงามทั้งคู่ จะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะเลือกทางไหน จะรู้ได้อย่างไรว่าทางเดินสายไหนจะให้ผลตอบแทนที่มีความหมาย สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ ยอมรับกับตัวเองว่านี่คือการผจญภัย และมองชีวิตให้เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าฝึกฝนเสียหน่อย ก็จะปล่อยมันไปตามครรลองได้อย่างไม่มีสะดุด ทุกอย่างที่มีคุณค่า มักต้องอาศัยการฝึกฝนเสมอ รวมทั้งการผจญภัยด้วย
คนเราไม่มีวันเปลี่ยนไป สิ่งที่เราเห็น ๆ กันอยู่แล้ว ซึ่งก็คือไม่ว่าจะพุ่งไปสู่จุดที่สูงแค่ไหน หรือไม่ก้าวหน้าเลยก็ตาม ก็ยังต้องใช้ชีวิตเดินดินอยู่ทุกวัน เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่หลายครั้งคนเรา ก็จำเป็นต้องออกผจญภัยครั้งใหญ่เสียก่อน จึงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เรื่องสามัญธรรมดาเหล่านี้มีคุณค่าแค่ไหน มันคือส่วนหนึ่งในวงจรของชีวิต
- เมื่อความฝันกลายเป็นความจริง มันก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้ว ความสำเร็จไม่เคยมาถึงในรูปแบบที่คาดการณ์เอาไว้เลย และความล้มเหลวก็เช่นเดียวกัน แต่มองในแง่ดีแล้ว มันก็คงไม่แย่นักหรอก ถ้าเราสร้างงานที่น่าภาคภูมิใจออกมาได้ หลังจากหลังขดหลังแข็งอยู่กับความไม่แน่นอนเสียหลายปี ถ้างานชิ้นนั้น 1.ทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดี 2.เป็นงานที่ดีเกินความคาดหมาย ที่คิดว่าตัวเองจะทำได้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และนี่อาจจะเป็นข้อสำคัญที่สุด 3.มีประโยชน์และสร้างความสุขให้กับผู้คนจำนวนมาก
สิ่งสำคัญก็คือเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความตั้งใจ แต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นเหตุบังเอิญในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างผู้เขียนไม่เคยตั้งใจจะเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพ และผู้เขียนก็ไม่เคยตั้งใจที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต แต่ทั้งสองอย่างนี้ผสมผสานเข้าด้วยกัน จนเกิดสิ่งใหม่ขึ้นโดยบังเอิญ ความสำเร็จไม่เคยมาถึงในรูปแบบที่คาดการณ์เอาไว้
- สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าผู้เขียนจำเป็นจะต้องสรุปเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ให้เหลือเพียงหนึ่งหรือสองบรรทัด ก็คงจะสรุปว่า ทำงานให้หนัก อย่าหยุดมือ ใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ และเรียบง่าย ถ่อมตัว มองโลกในแง่ดี สร้างโอกาสด้วยมือตัวเอง เป็นคนดี และสุขภาพเสมอ หวังว่าจะพบสิ่งที่ตามหา ขอให้ประสบความสำเร็จ สู้ ลุยได้เลย.
สั่งซื้อหนังสือ “Ignore Everybody ช่างหัวคุณสิครับ !” ได้ที่นี่ “คลิ๊ก”