ค่า Swap คืออะไร
ค่าสว็อป (Swap) คือ ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเมื่อลูกค้าถือออเดอร์ข้ามคืน ซึ่งเทรดเดอร์มีสิทธิที่จะ “ได้รับหรือเสีย” ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับฝั่งออเดอร์ที่เปิดว่า Long/Short และคู่เงินที่เทรดมี Swap เป็นอย่างไร
ตัวอย่างค่า Swap ในคู่สกุลเงิน EURUSD
- Swap Long อยู่ที่ระดับ -10.74 point
- Swap Short อยู่ที่ระดับ 5.22 point
กรณีเปิด Long (ซื้อ)
- เมื่อเราถือออเดอร์ข้ามคืน เราจะเสียค่า Swap อยู่ที่ -10.74 point (หรือ 1.074 pip)
กรณีเปิด Short (ขาย)
- เมื่อเราถือออเดอร์ข้ามคืน เราจะได้ค่า Swap อยู่ที่ 5.22 point (หรือ 0.522 pip)
ทำไมต้องมีค่า Swap
ค่า Swap มาจากการคำนวณอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เราได้เปิดออเดอร์ทิ้งไว้ข้ามคืน
เช่น คู่สกุลเงิน EURUSD
- สมมุติ อัตราดอกเบี้ยรายปีของ EUR อยู่ที่ 3%
- สมมุติ อัตราดอกเบี้ยรายปีของ USD อยู่ที่ 1%
- ถ้าซื้อเงิน EUR เราจะได้ส่วนต่าง 2%
- แต่ถ้าเราขาย EUR เราจะเสียส่วนต่าง 2%
ดังนั้นความแตกต่างของดอกเบี้ยระหว่างประเทศ ทำให้เกิดค่า Swap นี้ขึ้นมา
ทำให้วันพุธค่า Swap แพงกว่า 3 เท่า
ค่าสว็อปจะมีการคำนวณ 3 เท่าในวันพุธ ก็เพราะว่าเพื่อที่จะ “ชดเชยค่า Swap ที่ไม่ได้คำนวณเสาร์ – อาทิตย์” ทั้งนี้ค่าสว็อปจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารและอัตราการแลกเปลี่ยนของสกุลเงินนั้นๆ
โดยทั่วไปค่า Swap จะคำนวนทุกๆ วันเวลา 22.00 น. (GMT+0) หรือ 5.00 น. ของทุกวัน ตามเวลาประเทศไทย
แต่ละโบรกเกอร์มีค่า Swap ไม่เท่ากัน
ก็เหมือนกับค่า Spread และ Commission ที่แต่ละโบรกเกอร์เก็บไม่เท่ากัน ซึ่งเราก็ต้องดูดีๆว่าโบรกเกอร์ที่ใช้บริการมีการเก็บค่า Swap ถูก หรือ แพง
- บางโบรกเกอร์มีค่า Swap ทั้งฝั่ง Long และ Short เป็นลบทั้งคู่
- บางโบรกเกอร์ก็ไม่เก็บค่า Swap