เคยสงสัยกันมั้ยว่า ในปัจจุบันโลกของธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่มีอย่างหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ก็จะเป็นเช่นนี้เสมอ

ทำไมร้านค้าขนาดใหญ่สามารถขายสินค้าได้ถูกกว่าร้านค้าขนาดเล็ก?
ทำไมสั่งของจากต่างประเทศ แล้วได้ค่าส่งเหมือนส่งจากในประเทศเลย?
ทำไมร้านขายเครื่องดื่มจากจีน ถึงขายในราคาที่ถูกกว่าร้านค้าในไทย?

คำถามเหล่านี้ สามารถหาคำตอบได้ด้วย หลักการทางเศรษฐศาสตร์ ที่มีชื่อว่า Economy of Scale หรือ การประหยัดต่อขนาด แล้วหลักการที่ว่านี้คืออะไร ลองไปดูกันต่อเลย

การประหยัดต่อขนาด ฟังดูเหมือนจะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ยาก แต่หากลองเปรียบเทียบแบบนี้ จะสามารถเข้าใจได้มากขึ้น ลองคิดภาพของการซื้อของจำนวนมาก กับจำนวนน้อยๆ โดยผู้ขายก็จะให้ราคาที่แตกต่างกัน เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้มากขึ้น

กรณี ร้านเสื้อผ้า

ซื้อเสื้อ 1 ตัว = 300 บาท
ซื้อเสื้อ 12 ตัว = 3,000 บาท (เฉลี่ยตัวละ 250 บาท)
ซื้อเสื้อ 100 ตัว = 20,000 บาท (เฉลี่ยตัวละ 200 บาท)

กรณี บริการส่งของ

ส่งพัสดุ 1 ชิ้น = 50 บาท
ส่งพัสดุ 10 ชิ้น = 400 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 40 บาท)
ส่งพัสดุ 100 ชิ้น = 3,000 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 30 บาท)

โดยที่มาของราคาขายที่ถูกลง มาจากต้นทาง อย่างโรงงานผลิต ที่หากผลิตสินค้าในจำนวนมาก ๆ แต่ในขณะที่มีต้นทุนคงที่ ก็ย่อมส่งผลให้ต้นทุนสินค้าต่อ 1 ชิ้น ถูกลง ลองไปดูการเปรียบเทียบกันของกำลังการผลิตของโรงงานผลิตนํ้าหวาน

1.โรงงาน A (กำลังผลิต 1,000 ขวด/วัน)

ต้นทุนคงที่ 50,000 บาท ต้นทุนวัตถุดิบ 10,000 บาท จะพบว่าต้นทุนต่อหน่วย: 60 บาท/ขวด

2. โรงงาน A เพิ่มกำลังการผลิต (กำลังผลิต 5,000 ขวด/วัน)

ต้นทุนคงที่ 50,000 บาท ต้นทุนวัตถุดิบ 50,000 บาท จะพบว่าต้นทุนต่อหน่วย: 20 บาท/ขวด

3. โรงงาน A เพิ่มกำลังการผลิตขั้นสุด (กำลังผลิต 10,000 ขวด/วัน)

ต้นทุนคงที่ 50,000 บาท ต้นทุนวัตถุดิบ 100,000 บาท จะพบว่าต้นทุนต่อหน่วย: 15 บาท/ขวด

จากตัวอย่างจะพบว่า เมื่อโรงงานเดียวกัน มีการผลิตในจำนวนที่มากขึ้น จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วย ถูกลง ย่อมส่งผลให้ นำไปขายได้ราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับ การที่ผลิตน้อยๆ

สุดท้ายแล้ว เมื่อบริษัทมีศักยภาพในการผลิตที่มหาศาล ต้นทุนคงที่และต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ จะถูกกระจายออกไปยังจำนวนสินค้าที่ผลิตมากขึ้น ยิ่งผลิตได้มากเท่าไร ต้นทุนต่อหน่วยก็ยิ่งลดลง

เมื่อสินค้าถูกผลิตในปริมาณมาก ต้นทุนที่เคยสูงจากการลงทุนเริ่มต้น เช่น การซื้อเครื่องจักรหรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร ก็ถูกเฉลี่ยไป ทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าในราคาที่ถูกลงและยังคงมีกำไรได้ นี่คือหัวใจของ Economy of Scale ซึ่งช่วยให้ธุรกิจขนาดใหญ่แข่งขันได้ดีกว่าธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งในด้านราคาและต้นทุน