กลยุทธ์ Barbell Strategy คือ หลักการที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก กับ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมาก โดยจะหลีกเหลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง
ในการจัดพอร์ตการลงทุนเราก็ต้องคำนึงความเสี่ยงของนักลงทุนที่ว่าจะรับความเสี่ยงได้ในระดับไหน บางสินทรัพย์มีความเสี่ยงมาก อย่างพวกหุ้นปั่น หุ้น IPO ส่วนพวกหุ้น Blue-chip จะมีความเสี่ยงต่ำกว่า ส่วน Bonds ก็จะมีความเสี่ยงต่ำลงมาอีก และพวกตั๋วแลกเงิน หรือ บัตรเงินฝาก ซึ่งเป็นสินทรัพย์แทบไม่มีความเสี่ยงเลย
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจลงทุนใน หุ้นเก็งกำไร 40%, หุ้น Blue-chip 40% และ 20% ในพันธบัตร ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจลงทุนในพันธบัตร 80% และอีก 20% ในหุ้น Blue-chip ซึ่งหลักการคือเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ตรงกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละคน
หลักการสำคัญ
- Barbell Strategy หลีกเหลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์ปานกลาง จะลงทุนคู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก และต่ำมาก
- มักใช้กับการลงทุนในพันธบัตร ระหว่างพันธบัตรที่อายุสั้น กับอายุยาว
- โดยการถือ Long-term bond จะช่วยป้องกันในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำลง ส่วน Short-term bond จะช่วยสร้างโอกาสในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
Barbell strategy มักใช้กับการจัดพอร์ตการลงทุนในพันธบัตร
- Short-term bonds จ่ายดอกเบี้ยต่ำ แต่ระยะเวลาครบกำหนดสั้น
- Long-term bond จ่ายดอกเบี้ยสูง แต่ระยะเวลาครบกำหนดนาน
ซึ่งการลงทุนระหว่าง Short-term bonds กับ Long-term bonds ค่อนข้างมีความแตกต่างกัน การจัดพอร์ตการลงทุนทั้ง 2 อย่างนี้ จะทำให้นักลงทุนสร้างสมดุลให้กับพอร์ตมากยิ่งขึ้น ในช่วยที่อัตราดอกเบี้ยขึ้น เราสามารถได้ผลประโยชน์จากการซื้อ Short-term bonds อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ส่วนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลง เราก็ยังมี Long-term bond ที่จ่ายดอกเบี้ยสูงตามปกติ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง