Pullback เป็นจังหวะที่ราคาย่อตัวสวนทิศทางกับแนวโน้มหลัก โดยในระหว่างช่วงที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น ก็จะมีการย่อตัวของราคา นั่นแหละคือจังหวะที่ราคาเกิดการ Pullback ส่วนในช่วงแนวโน้มขาลงก็ตรงกันข้าม

pullback คือ

Breakout pullback

เทรดเดอร์มักจะพบรูปแบบนี้ค่อนข้างบ่อยมากที่สุด โดยจังหวะที่ราคากำลังฟอร์มตัวเป็น Patterns อะไรบางอย่าง อาทิ Head and shoulders, Wedges, สามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม อะไรพวกนี้ แล้วราคาเกิดการ Breakout จากรูปแบบดังกล่าว หลังจากนั้นมักจะเกิดการ Pullback กลับลงมา สามารถใช้เป็นจังหวะในการเข้าเทรดที่ดี

ตัวอย่างนี้เกิดการทะลุ High เดิม โดยเกิด Breakaway Gap แล้วราคาเกิดการย่อตัว Pullback ลงมา ซึ่งเป็นจังหวะในการเข้าเทรดที่ดี

Horizontal steps

ในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวเป็นไปตามแนวโน้ม จะมีการย่อสลับเกิดขึ้นตลอดระหว่างทาง ตรงนี้เราก็สามารถใช้เป็นจังหวะในการเข้าเทรดได้เช่นเดียวกัน โดยแนวโน้มขาขึ้น จะเกิดการย่อสลับ ส่วนแนวโน้มขาลง ก็จะมีการเด้งสลับ 

Trendline

อีกหนึ่งเครื่องมือทางเทคนิคที่นิยมใช้การมาก โดย Trendline สามารถใช้จับหวะการ Pullback ได้เช่นเดียวกัน

Moving Average

เราสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการจับหวะการเทรด Pullback ได้เช่นเดียวกัน โดยเทรดเดอร์จะเลือกใช้ระยะเวลาของเฉลี่ยที่แตกต่างกันออกไป ตามความเหมาะสมของการเทรด

ตัวอย่างการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันในการเทรด Pullback

Fibonacci

Fibonacci retracement เป็นหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการจับหวะการ Retracement หรือ การพักตัวของราคา ซึ่งเหมาะกับการมาใช้จับจังหวะช่วงที่ราคา Pullback ได้

ตัวอย่างการใช้ระดับ Fibonacci ที่ 38.20% ในการจับหวะ Pullback

Pullback entry timing

แบบ Aggressive : เข้าในจังหวะที่ราคา Pullback แล้วถึงจุดแนวรับ หรือ แนวต้าน

แบบ Conservative : รอราคายืนยันทิศทางราคาด้วยการ กำลังปรับตัวไปต่อตามทิศทางของแนวโน้มเดิม หรือ รอจังหวะการยืนยันแนวโน้มอีกครั้ง

ข้อมูลอ้างอิง