Bollinger bands สามารถใช้หาจุดกลับตัวรูปแบบ M Tops และ W Bottoms ได้ โดยสังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมที่เกิดขึ้น จากการพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถนำมาเทรดลักษณะ Revesal trading ได้

ตั้งค่ากราฟ

  • ใช้ราคาปิด เพื่อให้ดู Pattern ได้ง่ายขึ้น
  • เรียกเครื่องมือ Bollinger bands ตั้งค่าที่ 20,2

รูปแบบ M Tops

รูปแบบการกลับตัว M Tops เป็นรูปแบบเชิงลบในทางเทคนิค โดยเป็นการกลับตัวจากขาขึ้น สู่ขาลง โดยจะเป็นรูปแบบคล้ายลักษณะ Double Tops นั่นเอง

  1. ราคาปรับตัวขึ้นทำ High ใหม่ ทะลุออกนอกกรอบ Bollinger bands ในรอบแรก
  2. จากนั้นรอบที่ 2 ราคาทำ High เท่าเดิม หรือ ทำ High ใหม่ แต่อยู่ในกรอบ Bollinber bands
  3. ราคาปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นกลาง เป็นการยืนยันรอบการกลับตัว

รูปแบบ W Bottoms

รูปแบบ W bottoms เป็นรูปแบบตรงข้ามกับ M tops เป็นรูปแบบการกลับตัวจากขาลง สู่ขาขึ้น คล้ายกับรูปแบบ Double Bottoms

  1. ราคาปรับตัวลงหลุดออกนอกกรอบ Bollinber bands ในรอบแรก
  2. จากนั้นรอบที่ 2 ราคาทำ Low ใหม่ หรือ แตะ Low เดิม แต่อยู่ในกรอบ Bollinger bands
  3. ราคาปรับตัวสูงกว่าเส้นกลาง เป็นการยืนยันรอบการกลับตัว

สรุป

ทั้ง M Tops และ W Bottoms เป็นการหาจังหวะกลับตัวของราคา โดยสังเกตการการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัม ที่ตอนแรกทะลุแรงออกนอกกรอบ พอรอบถัดมา แรงเริ่มน้อยลงกลับมาอยู่ในกรอบ ทำให้มีโอกาสเกิดการกลับตัวเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เราควรพิจารณาระยะห่างระหว่าง Top และ Bottom ด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ควรห่างกันเกินไป ทั้งด้านราคาและด้านเวลา

อีกทั้งรูปแบบนี้ยังสามารถนำไปประกอบการเทรดได้โดยใส่เงื่อนไขในการเข้า และเงื่อนไขในการออก เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการใช้งาน