หากใครกำลังมองหาเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจที่ช่วยให้การมองภาพรวมของธุรกิจเป็นเรื่องง่าย SWOT Analysis ช่วยให้ประเมินธุรกิจได้อย่างรอบด้าน แถมยังช่วยให้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ลองไปดูกันว่าเครื่องมือที่ว่านี้มีหลักการใช้งานอย่างไร

SWOT Analysis เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลัง ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของธุรกิจใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค เพื่อไปสู่การวางแผนการลงทุนหรือพัฒนาธุรกิจต่อไปได้

  1. Strengths (จุดแข็ง): ข้อได้เปรียบที่มี เช่น ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และทรัพยากร เป็นต้น หากเชื่อมโยงกับการลงทุน ลองมองว่าบริษัทนี้มีจุดแข็งหรือข้อเด่นอะไรบ้างที่บริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันนั้นไม่มี
  2. Weaknesses (จุดอ่อน): สิ่งที่บริษัทยังขาดหรือยังทำได้ไม่ดีพอ เช่น ขาดความรู้ในบางด้าน ขาดเงินทุน หรือขาดประสบการณ์ หากเชื่อมโยงกับการลงทุน เป็นการมองว่าสิ่งที่ยังไม่มีถือว่าเป็นจุดที่ส่งผลลบต่อบริษัท เช่น ส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง การทำการตลาดที่ไม่ตรงจุด และหนี้สินที่สูง เป็นต้น
  3. Opportunities (โอกาส): ปัจจัยที่เอื้อต่อบริษัท เช่น เศรษฐกิจเติบโต ตลาดมีความต้องการสูง หรือเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ หากเชื่อมโยงกับการลงทุน เป็นการมองหาโอกาสของบริษัทนั้นๆ ว่าจะมีช่องทางให้เติบโตมากน้อยแค่ไหน เช่น การขยายสินค้าไปตลาดใหม่ๆ นโยบายรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ และการใช้ AI เข้ามาแทนคนในโรงงาน เป็นต้น หากเรามองออกว่าอะไรจะเป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจมีช่องทางเติบโต ก็สามารถเข้าลงทุนได้
  4. Threats (อุปสรรค): ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว คู่แข่งแข็งแกร่ง หรือนโยบายรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลง หากเชื่อมโยงกับการลงทุน เป็นการมองความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต หากความเสี่ยงที่คิดไว้เกิดขึ้นจริง ก็จะกลายเป็นอุปสรรคได้ เช่น การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น สภาพอากาศที่ผันผวน และเศรษฐกิจที่ถดถอยอาจส่งผลไปยังกำลังซื้อ เป็นต้น หากเรามองความเสี่ยงและอุปสรรคเหล่านี้ออก ก็จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทในช่วงเวลาที่ไม่ดีได้

สุดท้าย SWOT Analysis ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการมองภาพรวมและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการวิเคราะห์ โดยเครื่องมือนี้เสมือนแผนที่นำทาง หากมีแผนที่ดีแล้ว ก็ช่วยให้การวิเคราะห์มีทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ไปสู่เป้าหมายได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต