ถ้าพูดถึงสินค้าอุปโภคที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากกลุ่มสินค้าของ Unilever ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก็คือสินค้าของกลุ่ม P&G ซึ่งมีทั้งแชมพู แปรงสีฟัน ครีมทาหน้า ผ้าอ้อม พูดง่ายๆว่าแต่ละบ้านต้องมีใช้อย่างน้อย 1 ชิ้นเป็นแน่ ไม่ว่าจะในห้องน้ำ ห้องครัว หรือในห้องนั่งเล่น แล้วP&G คือบริษัทอะไร มีสินค้าอะไรบ้าง บทความนี้จะเล่าให้ฟังค่ะ
P&G คือบริษัทอะไร? และมีสินค้าอะไรบ้าง?
Procter & Gamble Co.(พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล : P&G) เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลก ก่อตั้งเมื่อปี 1837 โดยนายวิลเลียม พรอคเตอร์ ช่างทำเทียนไขชาวอังกฤษ และนายเจมส์ แกมเบิล ช่างทำสบู่ชาวไอร์แลนด์ โดยทั้งสองได้อพยพมาอเมริกาและได้แต่งงานกับหญิงสาวพี่น้อง Olivia Norris และ Elizabeth Ann Norris ซึ่งเป็นลูกสาวของ Alexander Norris โดยเขยทั้งสองทำธุรกิจเดียวกัน เหมือนแข่งขันกันเอง คุณพ่อตา Alexander Norris จึงได้ชักชวนให้ทั้งสองคนมาร่วมก่อตั้งบริษัท Procter & Gamble (P&G) เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1837 ด้วยเงินทุน 7,192.24 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งในช่วงปี 1858 -1859 เกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา P&G เป็นผู้จัดส่งเทียนไขและสบู่ให้แก่กองทัพทหารอเมริกา จึงทำให้ทหารอเมริกันทั่วประเทศได้รู้จักสินค้าของ P&G
P&G เริ่มเข้ามาในไทย เมื่อปี 1987 มีพนักงานกว่า 800 คนทั้งในกรุงเทพและที่นิคมอุตสาหกรรม Wellgrow ฉะเชิงเทรา ผลิตสินค้าทางด้านความงามดูแลผิวพรรณและเส้นผม เช่น SK-II, Pantene Pro-V, Head & Shoulder, Gillette และ Safeguard รวมถึงผ้าอ้อมPampers โดยสินค้า 95% ผลิตในไทยและส่งออกไปยัง 20 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์
ในปี 2005 พีแอนด์จีได้ควบรวมกิจการกับยิลเลตต์(Gillette) และกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียอดขายอันดับหนึ่งของโลก และมียอดขายแซงหน้ายูนิลีเวอร์(Unilever)
ปัจจุบันสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมหลากหลายหมวดหมู่ กระจายกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เน้นขายสินค้าไปที่ประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก เช่น อเมริกา, ยุโรป
แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เราเคยเห็นในประเทศไทย ได้แก่
- กลุ่ม FABRIC AND HOME CARE (ยอดขาย36%ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)
สินค้าเกี่ยวกับดูแลเสื้อผ้าและความสะอาดภายในบ้าน เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม Downy, ปรับอากาศ Ambipur
- กลุ่ม BABY, FEMININE AND FAMILY CARE (ยอดขาย24%ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)
สินค้าเกี่ยวกับเด็ก ผู้หญิง และครอบครัว เช่น ผ้าอ้อม Pampers
- กลุ่ม BEAUTY (ยอดขาย18%ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)
สินค้าเกี่ยวกับความงาม เช่น ครีมทาหน้าOlay, แชมพู Head & shoulders, Herbal Essences, Pantene, Rejoice, สบู่ Safeguard, SKII
- กลุ่ม HEALTH CARE (ยอดขาย14%ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)
สินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เช่น แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน Oral-B
- กลุ่ม GROOMING (ยอดขาย8%ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)
สินค้าเกี่ยวกับการกำจัดขน เช่น มีดโกน, ครีมโกนหนวดGillette
ซึ่งนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก ทั้งเป็นทิชชู่, ผ้าอนามัย, น้ำยาบ้วนปาก, โรลออน และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้นำเข้ามาขายในไทย
รายได้ของ P&G ยิ่งใหญ่แค่ไหน?
รายได้ของ P&G ปี2024 ประมาณ 84 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเกือบ3ล้านล้านบาทไทย) และมีมูลค่าตลาดสูงถึง 393 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ณ มี.ค.2025), Ebitda 24 พันล้านเหรียญสหรัฐ, มีอัตรากำไรขั้นต้น 51.7% และเมื่อลองเทียบกับ Unilever ซึ่งมีมูลค่าตลาด 135 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้อยู่ที่ 61 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะเห็นค่อนข้างชัดว่า P&G ค่อนข้างใหญ่โต ถือเป็นบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ที่มีรายได้มากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
สรุป
ปัจจุบันแนวทางรักษ์โลกได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ จากหลายๆองค์กรที่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยเริ่มมีผลิตภัณฑ์ประเภทถุงเติม(refill)ที่มีราคาถูกลง คือผู้บริโภคสามารถล้างขวดเดิมที่มีอยู่แล้วมาใส่ผลิตภัณฑ์แบบถุงเติมนี้ได้ (หรือใช้โดยตรงจากถุงเติมไปเลยก็ได้) ทั้งรักษ์โลกและลดต้นทุนในฝั่งผู้ผลิต และก็เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่ได้สินค้าราคาถูกลงด้วยเช่นกัน โดยเทรนด์นี้เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วไม่ว่าจะเป็นยุโรป, ญี่ปุ่น ส่วนในไทยเราก็มีให้เห็นมากขึ้น และเนื่องจากเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ประจำวัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนเพื่อให้ใช้ประโยชน์ต่อทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด เพื่อให้โลกสวยๆอยู่กับเราไปนานๆค่ะ…