Martingale strategy คือ
ทฤษฎีที่ชื่อว่า Martingale นั้นใช้หลักอ้างอิงบนพื้นฐาน ความน่าจะเป็น ซึ่งทุกข้อกำหนดเป็นไปตามทฤษฎี จะสามารถทำให้ เปอร์เซ็นต์ความถูกต้องใกล้เคียงหรือเรียกว่าเท่ากับ 100% ก็ว่าได้ … โดยนำมาใช้ในการลงทุนซึ่งจะอ้างอิงกับทฤษฎี Mean Reversion (เชื่อว่าราคาขึ้นลงเป็นสิ่งชั่วคราว สุดท้ายจะกลับมาเข้าหาค่าเฉลี่ยตัวมันเอง)
ไอ่เจ้าทฤษฎี Martingale นี่จะเป็นที่รู้จักกันในหมู่ของ “นักพนัน” ซึ่งจะคล้ายกับคำพูดบ้านๆที่ว่า … การแทงทบ … นั่นเอง
หลักการคือเมื่อ แทงผิด ก็จะเพิ่มหน้าตักขึ้นเป็น 2 เท่า และหากผิดครั้งต่อๆไป ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของครั้งล่าสุด โดยสุดท้ายหากถูกก็จะคืนขาดทุนทั้งหมด แถมยังกลับมากำไรอีกด้วย!! และเมื่อถูกก็จะกลับไปใช้ จำนวนเงินที่แทงตอนเริ่มแรก (ตัวอย่างในรูป)
ซึ่งจะเห็นได้ว่า สุดท้าย ยังไงก็ชนะ … แต่!!! คิดดูกรณีเราซวยจริงๆ เช่น ผิด 10 ครั้งติด (ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน) โอกาสผิดประมาณ 0.5^10 = 0.09766% ในตัวอย่างเราต้องใช้เงินแทงรวมถึง 10230 บาท!! แต่กำไรแต่ละตาเราได้แค่ 10 บาท T_T ซึ่งต้องยอมกับเปอร์เซนต์ความถูกต้องราว 99%
จะเห็นข้อเสียที่ว่า หากสายป่าน (หน้าตัก) ไม่เพียงพอ อาจเกิดทำให้พอร์ตแตกได้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่หลายคนมีปัญหา!! และในการพนันจริงๆ ทางเจ้ามือหรือบ่อน จะกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำและขั้นสูงไว้ เพื่อป้องกันคนใช้วิธีนี้ ((แต่ในตลาดหุ้นไม่มีนะครับ ^^ ))
วิธีการเทรด
ส่วนมากจะนำมาใช้กับดัชนี หรือ หุ้นพวก Blue chip และที่นิยมคือพวกค่าเงินในตลาด Forex ที่มีแนวคิดว่า ดัชนี หรือ ค่าเงินต่างๆ อย่างไรก็ตามไม่มีวันลงต่ำกว่า 0 หรือไม่มีวันหายไปจากโลก เช่น ดัชนี SET จะไม่สามารถลงต่ำกว่า 0 ได้ และไม่สามารถหายไปได้ นอกจากเสียว่าประเทศไทยโดนมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอะไรประมาณนั้น … ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากเราอยู่ในฝั่ง “ซื้อ” นั้นได้เปรียบกว่าฝั่ง “ขาย” ในระยะยาวววววถึงยาวววววมากกก
และหากเรามีหน้าตักที่ไม่จำกัดก็สามารถกำไรได้ตลอดทุกครั้งเลยเชียวครับบผมมมม ซึ่งแนวคิดนี้จะคล้ายกับ Grid system , kzm อะไรประมาณนั้นครับ ในการใช้วิธีจำเป็นต้องอาศัยวินัย และการวางแผนที่รัดกุม อย่างไรก็ดี ยังมีการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพมากขึ้น เช่น Anti martingel (สวนเทรน ลดไซส์) ซึ่งนำมาประยุกใช้กับการเทรดได้ ไว้จะมาเล่าต่อในคราวถัดไปครับ