GDP คืออะไร?

GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ คือมูลค่าตลาดรวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตขึ้นภายในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ถือเป็นตัวชี้วัดขนาดของเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด การคำนวณ GDP จะรวมเฉพาะมูลค่าของสินค้าและบริการที่ผลิตขึ้นใหม่เท่านั้น โดยไม่นับรวมการซื้อขายสินค้ามือสองหรือสินค้าที่ผลิตในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้เงินโอนที่รัฐบาลจ่ายให้ประชาชน เช่น เงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน เงินบำนาญ และสวัสดิการต่างๆ จะไม่ถูกนับรวมใน GDP เนื่องจากไม่ใช่ผลผลิตทางเศรษฐกิจ

มูลค่าที่ใช้ในการคำนวณ GDP คือมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ซึ่งหมายถึงสินค้าและบริการที่จะไม่ถูกนำไปขายต่อหรือใช้ในการผลิตสินค้าและบริการอื่นๆ อีก ตัวอย่างเช่น มูลค่าของชิปคอมพิวเตอร์ที่ Intel ผลิตจะไม่ถูกนับรวมโดยตรงใน GDP แต่จะถูกรวมอยู่ในราคาขั้นสุดท้ายของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปเหล่านั้น ในทำนองเดียวกัน มูลค่าของภาพวาด Rembrandt ที่ขายได้ 10 ล้านยูโรจะไม่ถูกนับรวมใน GDP เพราะไม่ได้เป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นในช่วงเวลานั้น

สินค้าและบริการที่รัฐบาลจัดหาให้ประชาชนจะถูกนับรวมใน GDP แม้ว่าจะไม่มีการกำหนดราคาในตลาด เช่น บริการของตำรวจและตุลาการ รวมถึงสินค้าสาธารณะอย่างถนนและโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะประเมินมูลค่าจากต้นทุนที่รัฐบาลใช้จ่าย GDP ยังรวมถึงมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่เจ้าของอาศัยอยู่เอง เช่นเดียวกับมูลค่าของบริการที่อยู่อาศัยให้เช่า แต่จะไม่รวมมูลค่าแรงงานที่ไม่ได้ขาย เช่น การซ่อมแซมบ้านด้วยตนเอง รวมถึงผลกระทบข้างเคียงเชิงลบ เช่น ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีการคำนวณ GDP

การคำนวณ GDP สามารถทำได้สองวิธีหลัก คือ:

  1. วิธีรายจ่าย (Expenditure Approach) – คำนวณจากผลรวมของรายจ่ายทั้งหมดที่ใช้ซื้อสินค้าและบริการที่ผลิตในช่วงเวลานั้น
  2. วิธีรายได้ (Income Approach) – คำนวณจากผลรวมของรายได้ที่ครัวเรือนและบริษัทได้รับ ประกอบด้วยค่าจ้าง ดอกเบี้ย และกำไรทางธุรกิจ

ในทางทฤษฎี ทั้งสองวิธีควรให้ผลลัพธ์ที่เท่ากัน เนื่องจากรายจ่ายรวมและรายได้รวมของระบบเศรษฐกิจต้องเท่ากัน แต่ในทางปฏิบัติอาจมีความแตกต่างเนื่องจากปัญหาในการวัด

นอกจากนี้ ยังมีการคำนวณ GDP อีกสองวิธี คือ:

  1. วิธีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Method) – คำนวณโดยรวมมูลค่าเพิ่มในแต่ละขั้นตอนการผลิตและการจัดจำหน่าย
  2. วิธีผลผลิตขั้นสุดท้าย (Final Output Method) – คำนวณจากมูลค่ารวมของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายทั้งหมดที่ผลิตขึ้น

GDP สามารถแบ่งเป็น GDP ที่แท้จริง (Real GDP) และ GDP ที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP):

  • Nominal GDP คือมูลค่า GDP ที่คำนวณโดยใช้ราคาปัจจุบัน
  • Real GDP คือมูลค่า GDP ที่ปรับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงราคาออกแล้ว โดยใช้ราคาในปีฐาน

ตัวหารเงินเฟ้อ GDP (GDP Deflator) เป็นดัชนีราคาที่ใช้แปลง Nominal GDP เป็น Real GDP เพื่อขจัดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาโดยรวม

GDP ต่อหัว (Per-capita real GDP) คือ Real GDP หารด้วยจำนวนประชากร มักใช้เป็นตัวชี้วัดความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของประชาชนในประเทศ

องค์ประกอบหลักของ GDP ตามวิธีรายจ่าย ได้แก่:

  • การบริโภค (C)
  • การลงทุน (I)
  • การใช้จ่ายของรัฐบาล (G)
  • การส่งออกสุทธิ (X-M)

รายได้ประชาชาติ (National Income) คือผลรวมของรายได้ที่ปัจจัยการผลิตทั้งหมดได้รับจากการผลิตสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ประกอบด้วย:

  • ค่าตอบแทนแรงงาน
  • กำไรของบริษัทและรัฐวิสาหกิจ
  • รายได้ดอกเบี้ย
  • รายได้ของธุรกิจที่ไม่ได้จดทะเบียน
  • ค่าเช่า
  • ภาษีทางอ้อมหักเงินอุดหนุน

รายได้ส่วนบุคคล (Personal Income) คือรายได้ก่อนหักภาษีที่ครัวเรือนได้รับ รวมถึงเงินโอนจากรัฐบาล เช่น เงินช่วยเหลือผู้ว่างงานหรือเงินช่วยเหลือคนพิการ

รายได้ส่วนบุคคลที่สามารถใช้จ่ายได้ (Personal Disposable Income) คือรายได้ส่วนบุคคลหลังหักภาษี เป็นจำนวนเงินที่ครัวเรือนมีไว้ใช้จ่ายหรือเก็บออม และเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความสามารถในการใช้จ่ายและการออมของผู้บริโภค

ความสัมพันธ์ระหว่างการออม การลงทุน ดุลการคลัง และดุลการค้า สามารถแสดงได้ด้วยสมการ: S = I + (G-T) + (X-M) โดย (G-T) คือดุลการคลัง และ (X-M) คือดุลการค้า

การขาดดุลการคลัง (G-T > 0) จะต้องได้รับการชดเชยด้วยการขาดดุลการค้า (X-M < 0) หรือการออมส่วนเกินเหนือการลงทุนภาคเอกชน (S-I > 0)

สรุป

GDP เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดขนาดและการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่การเข้าใจองค์ประกอบและวิธีการคำนวณ GDP ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ ทางเศรษฐกิจ เช่น การออม การลงทุน ดุลการคลัง และดุลการค้า ยังช่วยให้เราเข้าใจกลไกการทำงานของระบบเศรษฐกิจและสามารถกำหนดนโยบายเศรษฐกิจที่เหมาะสมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การติดตามและวิเคราะห์ตัวชี้วัดเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป