สรุปหนังสือ ATTRIBUTE OF MONEY
จงคบค้ากับความร่ำรวย
หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคือ คุณ จิม คิม ผู้ซึ่งไต่เต้าจากคนที่ฐานะยากจน กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ด้วยการที่ค้นพบกฎการอาศัยอยู่ร่วมกับเงิน โดยมองว่า เงินก็เปรียบเสมือนบุคคล ที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน บริหารเงินไม่เป็นจนไม่มีเงินเก็บ หรืออยากลงทุนอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ช่องทาง หนังสือเล่มนี้คือคำตอบ จิม คิม ผู้เขียนเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน และต้องดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ ก่อนจะประสบความสำเร็จมหาศาล ถ้าเราใส่ใจและระมัดระวังกับการใช้เงินเงิน ก็จะซาบซึ้งและชักชวนเงินอื่นให้เข้ากระเป๋าผู้ที่เป็นเจ้าของ
โดยเนื้อหาข้างในจะรวบรวมข้อคิด ประสบการณ์หรือวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องเงินในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น
ความสามารถ 4 ประการสำหรับคนที่อยากจะเป็นเศรษฐี
ลักษณะพิเศษ 3 ประการของคนที่ได้กำไรจากหุ้น
มีคน 3 ประเภทยามเกิดวิกฤตทางการเงิน
กฎ 5 ข้อของการสร้างเงินต้น 100 ล้าน
คำถาม 11 ข้อวัดทักษะความสามารถของผู้ชนะในเกมการลงทุน
เหลือเชื่อเกินว่าหากได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทุกปัญหาเกี่ยวกับเงินจะหมดไป
บทนำ
มนุษย์เราต้องการเงินเพื่อเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง ในทางเศรษฐกิจการจะเข้าใจคุณสมบัติของเงินได้ต้องใช้ความรู้หลากหลาย ทว่าไม่มียุคสมัยใดที่ความรู้เรื่องการจัดการเงินจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษ อีกทั้งความลับเรื่องการเงินของยุคสมัยหนึ่ง อาจเป็นแค่องค์ความรู้ในอดีตเสมือนยาเม็ดที่หมดอายุไปแล้ว การแก้ปัญหาเรื่องเงินนั้นสำคัญมาก จึงต้องมีสติอย่างหนักแน่น ถ้าปล่อยปละละเลยเงินก็จะมองข้ามตัวเราไปเช่นกัน เงินปกป้องและได้ช่วยทำให้มีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น สิ่งนี้เป็นคุณค่าทั่วไปของเงิน ทว่าการจะรักษาคุณค่านี้ไว้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่มีทางที่จะหาเงินจำนวนมากได้จากแนวคิดตื้นเขิน ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จนเข้าใจจะเป็นคนรวย หรือมีอิสระทางการเงินได้ทันที ถ้าว่ายิ่งมีอายุน้อยเท่าไหร่แล้วตระหนักถึงคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ จนลงมือปฏิบัติตามก็จะมีโอกาสเป็นเศรษฐีได้มากเท่านั้น และอย่างน้อยที่สุดคนที่เข้าใจคุณค่าดังกล่าว ชีวิตในอนาคตจะต้องแตกต่างไปจากตอนนี้แน่นอน
หนังสือเล่มนี้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับความสามารถ 4 ประการสำหรับคนที่อยากจะเป็นเศรษฐี กับคุณสมบัติ 5 ประการของเงิน ความสามารถ 10 ประการสำหรับคนที่อยากจะเป็นเศรษฐี ได้แก่ ความสามารถในการหาเงิน ความสามารถในการเก็บเงิน ความสามารถในการรักษาเงิน และความสามารถในการใช้เงิน ส่วนคุณสมบัติ 5 ประการของเงินได้แก่ เงินคือบุคคล พลังของรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คุณสมบัติของเงินแต่ละประเภท แรงดึงดูดของเงิน และการปฏิบัติต่อเงินของผู้อื่น การจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ต้องอาศัยทักษะต่าง ๆ และการศึกษาจนแตกฉาน
เงินคือบุคคล
หากบอกว่าเงินถือเป็นบุคคล (person) ที่มีความคิด อารมณ์ และความตั้งใจไม่ต่างจากคน คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะยอมรับ ในทางธุรกิจบริษัทถือเป็นบุคคลประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า นิติบุคคล (legal person) เงินซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีนิสัยใจคอเป็นของตัวเอง นั่นจะไม่ยอมเข้าใกล้คนที่ใช้จ่ายอย่างสิ้นคิด เพราะนี่คือคุณสมบัติของเงิน บางคนรักเงินมากเก็บสะสมไว้ไม่ให้มีโอกาสหลุดรอดออกไป ก็จะบอกกับเงินอื่น ๆ ว่าเจ้าของเป็นคนขี้เหนียวมากอย่ามาอยู่ด้วยกันเด็ดขาด เงินไม่ชอบช่วยเหลือคนที่ไม่เคารพตัวเองให้กลายเป็นเศรษฐี เงินที่ถูกใช้ไปในที่ที่ดีกับสิ่งที่มีคุณค่า จะซาบซึ้งที่ได้รับการดูแล และชักชวนให้เงินอื่น ๆ มาหาเป็นเจ้าของ
ในทางกลับกันถ้าหากเจ้าของใช้เงินไปกับการเล่นพนันหรือร้านเหล้า เงินก็ทอดทิ้งเจ้าของไปอย่างไม่ใยดี เนื่องจากเงินมีตัวตนและอารมณ์เป็นของตัวเอง จะรักมากจนยึดติดเกินไปก็ไม่ได้ เวลาได้กอดก็จงกอดให้หนำใจ เวลาต้องปล่อยก็จงตัดใจปล่อยไป จะยึดตัวเองเป็นหลักไม่ได้ ต้องเคารพและขอบคุณเงิน คนที่มีหัวใจแบบนี้ เงินจะให้โอกาสเข้ามาใกล้ แล้วคอยปกป้องอยู่เคียงข้าง
ขั้นตอนแรกต้องยอมรับว่าเงินคือบุคคล ปฏิบัติต่อเงินเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง คอยแบ่งปันมิตรภาพดี ๆ ให้ เมื่อเงินเริ่มประทับใจ ทีท่าของเงินจะแปรเปลี่ยนไป เมื่อเจ้าของใช้เงินในอ้อมอกไปในที่ที่มีค่า ในสิ่งที่มีประโยชน์ เงินจะช่วยปกป้อง ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จะเรียกเพื่อน ๆ มาอยู่กับเจ้าของ ตัวเราไม่ใช่ทาสของเงิน และเงินไม่ใช่สิ่งที่เราครอบครอง ต่างฝ่ายต่างอยู่ในฐานะต้องคอยยกย่องกันและกัน ไม่มีใครอยู่เหนือหรือต่ำกว่า นี่คือความมั่งคั่งที่แท้จริง วินาทีที่รู้ว่าเงินคือบุคคล เส้นทางความร่ำรวยชั่วชีวิตเปิดแง้มขึ้นแล้ว
ลงทุนกับผู้บริหารที่เก่งกว่าตัวเอง
เมื่อตอนผู้เขียนอายุ 30 กลาง ๆ เคยลงทุนหุ้นและล้มเหลวอย่างรุนแรง โดยใช้วิธีดูรูปแบบการซื้อขายหุ้นที่ดีที่สุดผ่านข้อมูลพื้นฐานในอดีต ซื้อแม้กระทั่งโปรแกรมการลงทุน เพราะในเวลานั้นเชื่อมั่นว่า วิธีนี้จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากความจนได้รวดเร็วที่สุด คิดว่าตัวเองฉลาดและใจกล้ากว่าคนทั่วไป สิ่งที่เรียนรู้เป็นแค่การคาดเดาสภาพทรัพย์สินในอนาคต เทียบกับทรัพย์สินในปัจจุบันของบริษัทเหล่านั้น การลงทุนในตัวผู้บริหารที่เก่งกว่าตัวเอง เปรียบเสมือนการทำธุรกิจร่วมกัน ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการก็ต้องร่วมมือกันโดยปริยาย สิ่งที่จำเป็นต้องทำมีแค่หานโยบายปันผล อัตราการปันผลกับราคาที่ขายในช่วงเวลานั้น ราคาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับว่าซื้อหุ้นได้กี่หุ้นไม่ใช่ซื้อได้เท่าไหร่ ในโลกแห่งการลงทุนและวงการธุรกิจ สามารถร่วมลงทุนกับบริษัทและผู้บริหารที่ดีได้ นี่ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมและน่าอาย เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจและชอบธรรมด้วยกฎหมาย
ความลับของดอกเบี้ยทบต้น
เทคนิคการลงทุนหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ พลังแห่งดอกเบี้ยทบต้นหมายถึง การเพิ่มดอกเบี้ยเข้าไปในเงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึงการเพิ่มดอกเบี้ยเข้าไปในดอกเบี้ยของดอกเบี้ยนั้น ขนาดของทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับว่าดอกเบี้ยทบต้นอยู่ข้างเราหรือเป็นศัตรูกับเรา ถ้าอยากให้ดอกเบี้ยทบต้นอยู่ข้างเรา สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าใจดอกเบี้ยทบต้นให้ถ่องแท้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้ค้นพบกฎยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ ยกย่องให้ดอกเบี้ยทบต้นเป็นสิ่งลี้ลับอันดับ 8 ของโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เป็นนักลงทุนผู้ได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นโดยตรง ถ้าเขาไม่มีดอกเบี้ยทบต้นก็ยากที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้
บัฟเฟตต์เป็นคนที่เล็งเห็นประโยชน์ของดอกเบี้ยทบต้นตั้งแต่แรก เมื่อเขามีอายุ 50 ปี ก็กลายเป็นหนึ่งในเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของสหรัฐอเมริกา ทรัพย์สินของเขา ณ ปัจจุบันในวัย 91 ปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดอกเบี้ยทบต้นทำให้เขากลายมาเป็นมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ชีวิตของมนุษย์ไหลผ่านกระแสกาลเวลาอย่างช้า ๆ โดยมี 2 สิ่งที่ทรงอิทธิพลยิ่งใหญ่คือ สบู่กับดอกเบี้ยทบต้น หลังจากที่มีการประดิษฐ์สบู่ สุขอนามัยของผู้คนก็ดีขึ้นมาก อายุโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่นกันหลังจากที่มีการใช้ดอกเบี้ยทบต้น ความมั่นคงก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างสูงสุด หากตอนนี้เข้าใจความสำคัญของดอกเบี้ยทบต้นแล้ว การเตรียมตัวขั้นพื้นฐานสู่เส้นแนวความร่ำรวยก็ถือว่าจบแล้ว
พลังของรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
คุณภาพของรายได้คงที่ จะดีกว่ารายได้ที่ไม่แน่นอน อีกทั้งเงินที่ดีพอจะสามารถเรียกเงินอื่นเข้ามาได้ง่ายกว่า รวมกันเป็นปึกแผ่นไม่กระจัดกระจาย มีพลังมากกว่าเงินที่เข้ามาแบบไม่ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญอีกอย่างในการดำเนินธุรกิจคือ กระแสเงินสด (cash flow) หมายถึงเงินสดทั้งหมดที่ไหลเข้าและออก ธุรกิจที่มีกระแสเงินสดไม่ดี ต่อให้มีกำไร ก็มีโอกาสสูงที่จะไม่สามารถจ่ายเงินให้พนักงานได้ ต้องรักษากระแสเงินสดให้คงที่ ถึงจะต่อลมหายใจธุรกิจได้ การมีรายได้ชั่วคราว หรือมีเงินไหลมาจำนวนมากในคราวเดียว จะดูเหมือนเยอะกว่ามูลค่าที่แท้จริง เจ้าของเงินจะคิดว่าตัวเองหาเงินได้มาก จึงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตามใจชอบ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้สะสมเอาไว้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเงินแบบนั้นจะเข้ามาอีกเมื่อไหร่ น้อยคนมากที่จะคิดได้และประหยัดอดออมเอาไว้
ดังนั้น คนที่มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ อาจต้องลองมองหาสิ่งที่สร้างรายได้มั่นคงขึ้น คนที่มีรายได้ไม่แน่นอน ควรนำไปลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง หรือไม่ก็นำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้ผลลัพธ์ตอบแทนเป็นรายได้คงที่ ข้อดีสูงสุดของคนที่มีรายได้แน่นอนคือ การคาดเดาได้ทำให้ควบคุมความเสี่ยง ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของทรัพย์สินได้
เงินมีแรงดึงดูด
ในทางฟิสิกส์แรงดึงดูดเป็นแรงที่ 2 วัตถุกระทำต่อกัน ตามทฤษฎีของนิวตัน แรงดึงดูดคือแรงที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุกับมวลทุกชนิด กล่าวคือวัตถุ 2 ชนิด ที่มีมวลจะออกแรงดึงดูดซึ่งกันและกันเสมอ ขนาดของแรงแปรผันตรงกับมวล และแปรผกผันกับกำลังสองของระยะทางระหว่างวัตถุทั้งสอง หมายความว่ายิ่งวัตถุไกลกัน แรงดึงดูดก็จะยิ่งอ่อนแรงลง แต่ถึงจะห่างกันแค่ไหนก็ยังส่งผลต่อกันอยู่ดี เรื่องน่าอัศจรรย์ก็คือ เงินมีแรงดึงดูดเช่นกัน เงินมีความสามารถในการดึงดูดเงินที่อยู่ใกล้ ๆ ยิ่งจำนวนเงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลสูงเท่านั้น หากเชื่อมั่นว่าเงินเป็นวัตถุที่มีแรงดึงดูด ก็จะใช้เงินก้อนนั้นรวบรวมเงินก้อนใหญ่ได้ หากเข้าใจเรื่องแรงดึงดูดของเงิน จะไม่คิดแค่ประหยัดเงินเท่านั้น ในบรรดาเศรษฐีระดับโลกทั้งหลาย ไม่มีใครเก็บสะสมเงินด้วยวิธีนี้ เพราะเท่ากับว่าเงินไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในกระบวนการเพิ่มทรัพย์สินจะไม่ใช้วิธีเพิ่มแบบ 1 2 3 4 5 แต่ต้องเพิ่มแบบทวีคูณคือ 1 2 4 8 16 คนที่เข้าใจหลักการนี้จะเป็นคนรวยได้ในที่สุด แรงดึงดูดเป็นแรงพื้นฐานของจักรวาล เป็นหนึ่งในแรงที่สร้างโลกใบนี้ขึ้นมา หลักการนี้นำมาปรับใช้ได้กับทุกสิ่งที่อยากให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เงินไม่ใช่แค่วัตถุแต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากหัวใจของคนตั้งใจเก็บสะสม
ในจังหวะที่เสี่ยงมากกับเสียงน้อยที่สุด
ผู้ลงทุนจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ต่ออนาคตเสมอ แก่นสำคัญของวิสัยทัศน์นั้นคือ จะจัดการกับความเสี่ยงได้อย่างไร อาจพอคาดเดาได้ว่าทรัพย์สินใด หรือหุ้นตัวไหนราคาจะขึ้น แต่ถึงแม้การคาดเดานั้นจะถูกต้อง ความเสี่ยงก็ยังคงเท่าเดิม เพราะรายได้ที่ได้ต่างกันออกไปตามจังหวะเวลาที่เข้าซื้อทรัพย์สินนั้น ๆ ซึ่งต่อให้มูลค่าของทรัพย์สินใดเพิ่มขึ้น ก็อาจไม่ได้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย เนื่องจากคุณภาพของเงินที่ลงทุนไปไม่ดีพอ หรือไม่มีเวลารอคอยนานขนาดนั้น
เงินที่สามารถอดทนรอคอยการลงทุนระยะยาวได้ มีเงินที่รอคอยได้แค่ 1 ปีมีเงินที่คุณภาพไม่ดีนัก ต้องถอนออกมาก่อนภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ต่อให้การคาดเดาทิศทางการลงทุนได้ ก็มีผู้คนมากมายที่ไม่สามารถทำกำไรได้ หากไม่อยากประสบความสำเร็จด้านการลงทุนอย่างยืดยาว จะต้องเข้าใจความเสี่ยง และสภาพการเงินของตัวเอง ณ ขณะนี้เสียก่อน หลายคนเข้าใจว่าถ้าความเสี่ยงสูงการขาดทุนจะสูงขึ้นตาม กลับกันหากความเสี่ยงน้อยการขาดทุนก็จะลดน้อยลงด้วย ในหลายกรณีที่ความเสี่ยงซับซ้อนกว่านั้น คนทั่วไปมักคิดว่าความเปลี่ยนแปลงจะต้องก่อให้เกิดความเสี่ยงร้ายแรงในตลาด สรุปก็คือยามที่ตลาดหุ้นมีราคาสูง ผู้คนไม่หวั่นเกรงความเสี่ยง เป็นช่วงที่เสี่ยงที่สุด เพราะทุกอย่างอาจอันตรธานหายไปในพริบตา หากร้ายแรงกว่านั้นก็อาจลุกลามขึ้นเป็นวิกฤตฟองสบู่
ดังนั้นเราควรมีดวงตาที่มองเห็นความเสี่ยงอย่างทะลุปรุโปร่ง จุดเด่นอีกอย่างของความเสี่ยงก็คือ ตัวอย่างในอดีตไม่มีอิทธิพลใด ๆ ต่ออนาคต คนที่ยึดติดกับรูปแบบในอดีตจะไม่ยอมนึกถึงอนาคตใหม่ ๆ หรือชนะการที่ยังไม่เกิดขึ้น ทว่าโลกเกิดสถานการณ์เลวร้ายสุดขีดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนอยู่บ่อย ๆ คนที่ไม่เตรียมตัวให้พร้อมในโลกแห่งการลงทุนจะค่อย ๆ หายไป ความโลภเป็นต้นกำเนิดของความเสี่ยงที่แล่นไหลไปในฝูงชน เกิดเป็นฟองสบู่สวยงามก่อนจะกระเซ็นแตก ทว่าในช่วงที่จมอยู่ในความสิ้นหวังและความหวาดกลัว ฤดูใบไม้ผลิจะเดินทางมาเยือนในที่สุด ดังนั้นโปรดจำไว้ว่า ปลายทางของความโลภมีความพินาศรออยู่ และในความสิ้นหวังยังมีความหวังซ่อนอยู่
การปฏิบัติต่อเงินของผู้อื่นกับการปฏิบัติต่อเงินของตัวเอง
มีคนที่รักลูกตัวเองมากแต่ใจดำกับลูกคนอื่น ลูกตัวเองเลอค่าเปรียบดั่งทองคำ แต่ไม่เคยคิดว่าลูกสะใภ้หรือลูกเขย ก็เป็นลูกสาวลูกชายสุดที่รักของครอบครัวอื่นด้วย บางครั้งก็ปฏิบัติต่อเงินเช่นนี้ เงินของตัวเองใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่สุรุ่ยสุร่าย แต่กลับไม่ใส่ใจเงินส่วนรวมกับเงินภาษีประชาชน การปฏิบัติต่อเงินของคนอื่นเท่ากับเป็นการปฏิบัติต่อเงินของตัวเอง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นกระจกสะท้อนว่ามองเห็นเงินอย่างไร คนที่ใช้จ่ายทรัพย์สินสาธารณะตามอำเภอใจ ควรรู้ว่ากำลังใช้เงินของตัวเองโดยไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน ต้องเคารพเงินของผู้อื่น เพราะเงินนั้นอาจมีเงินของเรารวมอยู่ด้วย
ได้รับเงินมรดก 10,000 ล้านวอน
แต่ต้องทำตามคำสั่งเสียว่าห้ามใช้หมดเด็ดขาด
คุณเจอุกเป็นพนักงานบริษัททั่วไป วันหนึ่งเขาได้รับมรดกเป็นเงินจำนวน 10,000 ล้านวอนจากคุณปู่ผู้ไม่มีทายาทสายตรง เขาดีใจสุดขีดที่จะได้ใช้ชีวิตแบบเศรษฐีอย่างสุขสบายใจ แต่ว่าคุณปู่ได้เขียนคำสั่งเสียไว้ 2 ข้อ ข้อแรกห้ามไม่ให้เงินหายแม้แต่วอนเดียว ข้อ 2 อัตราเงินเฟ้อต่อปีให้หักจากผลกำไร คุณปู่ท่านนี้ไม่อยากให้ลูกหลานใช้เงินตัวเองอย่างล้างผลาญ และใช้ชีวิตเสเพล ท่านคิดว่าอีกฝ่ายควรเก่งพอที่จะบริหารเงินมรดกมหาศาลนี้ ถ้าทำได้แค่เงื่อนไขเดียวมรดกก็จะถูกเรียกคืนทั้งหมด กรณีของคุณเจอุกให้ข้อคิดหลายเรื่อง ข้อแรกเงิน 10,000 ล้านวอนเป็นเงินก้อนโตก็จริง แต่ถ้าตั้งใจจะหารายได้จากเงินก้อนนี้อย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดทุนเลย จะได้เงินน้อยกว่าที่คิดมาก ข้อ 2 การเก็บเงินยากเท่ากับการหาเงิน การหาเงินอาจต้องใช้ทั้งโอกาสและโชคช่วย แต่การเก็บรักษาเงินเป็นคุณค่าที่ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องอาศัยความรู้ประสบการณ์การสั่งสม ข้อ 3 ต่อให้มีเงิน 10,000 บาทล้านวอนในบัญชี ถ้าใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายเกินกว่า 27,680 ต่อปี ทรัพย์สินที่มีก็จะค่อย ๆ ลดน้อยลง
ถ้าอยากรวยไว ๆ จะไม่มีวันได้รวยไว ๆ
คนที่โลภอยากรวยขึ้นทันที จะไม่สามารถตัดสินถูกผิดได้ แล้วจะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เมื่อนำเรื่องกำไรมาก ๆ มาอ้าง พวกเขาใจร้อนไม่พิจารณาถึงความเสี่ยง ลงทุนไปตามอารมณ์ สุดท้ายก็ล้มเหลว ต่อให้ดวงดีประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ ก็มีสิทธิ์ที่ทรัพย์สินทั้งหมดจะอันตรธานหายไปเนื่องจากไม่สามารถทิ้งนิสัยการลงทุนโดยใช้เลเวอเรจอย่างหนัก ทำให้ทรัพย์สินมีแต่จะอ่อนกำลังลง วิธีเดียวที่จะทำให้รวยเร็วขึ้นคือ การตั้งใจว่าจะไม่รีบร้อนร่ำรวย ความรู้สึกอยากรวยขึ้นไว ๆ เกิดเพราะกำลังเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น หรือไม่ก็แค่อยากโอ้อวดคนอื่น ๆ แต่จริง ๆ แล้วต้องสะสมความร่ำรวยอย่างช้า ๆ เหมือนเวลาสร้างบ้าน
แม้อายุ 50 ปี ก็ใช่ว่าจะเข้าใจความสามารถในการหาเงิน ความสามารถในการเก็บเงิน ความสามารถในการรักษาเงิน และความสามารถในการใช้เงินทะลุปรุโปร่ง ถ้าลดความโลภลง ทรัพย์สินจะค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นเอง แล้วเมื่อถึงวันที่กำไรจากเงินก้อนนั้นมากกว่าเงินที่หามาได้ ก็จะกลายเป็นคนรวยโดยอัตโนมัติ นี่คือนิยามของอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง บุคคลผู้ร่ำรวยด้วยวิธีนี้ จะไม่กลับไปยากจนอีก อีกทั้งยังเพิ่มปริมาณของทรัพย์สินได้เรื่อย ๆ นี่คือหนทางที่ทำให้ทุกคนร่ำรวยขึ้นเร็วที่สุด
ผู้เชียวชาญด้านเศรษฐศาสตร์
สามารถคาดเดาสภาพเศรษฐกิจได้จริงไหม
ไม่มีใครคาดเดาสภาพเศรษฐกิจในระดับเศรษฐศาสตร์มหภาคได้ นักวิชาการและนักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ เป็นกลุ่มผู้มีความสามารถใกล้เคียงที่สุด ทว่าไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาร่ำรวยมากกว่าคนที่ทำอาชีพอื่น อาจมีคนที่ทำนายเรื่องต่าง ๆ ได้แม่นยำ ทว่าหลังจากมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น โอกาสที่เขาจะทำนายถูกต้องก็ลดลงเมื่อเทียบกับอดีต คล้ายกับกฎการโยนเหรียญ คนที่ทายว่าออกหัวได้ถูกต้องในครั้งแรก ครั้งต่อไปเขาจะเลือกออกหัวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนที่ครั้งแรกทายออกก้อย สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคำพูดของคนเหล่านั้นคือ คนที่ให้ค่าต่อความคิดเห็นดังกล่าว และจัดการทรัพย์สินไปตามที่พวกเขาวิเคราะห์ การค้นพบว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย จะช่วยให้รอดพ้นจากวิกฤตได้ การหลงผิดคิดว่าตัวเองรู้ทั้งที่ไม่รู้เป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก สำหรับคนที่ไม่รู้และยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ พวกเขาจะระมัดระวังเตรียมพร้อมรับมือ ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าไม่รู้ก็ยิ่งขวนขวายเรียนรู้เกี่ยวกับบริษัทและทรัพย์สินที่ลงทุน คอยรวบรวมข้อมูลเชิงลึก ยืนยันความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกัน แสวงหาสิ่งที่คนอื่นยังไม่ทราบ เมื่อทำเช่นนี้แล้ว หากวันหนึ่งตลาดขับเคลื่อนไปสู่ทิศทางอื่น คนที่กล้าเสี่ยงไปในทิศทางตรงกันข้าม มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าคนที่ยึดตลาดใหญ่เป็นหลัก
คนที่ไปบริษัทซัมซุง เพื่อไปซื้อหุ้นซัมซุง
มีคนไปที่บริษัทซัมซุงเพื่อขอซื้อหุ้น นั่นแสดงว่าคนในยุคปัจจุบันที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้ คิดไม่ต่างจากคนเมื่อ 30 ปีก่อน หากตั้งใจจะลงทุนหุ้น ต้องใช้เวลาเรียนรู้นานถึง 4 ปีเต็ม เทียบเท่าเวลาศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากต้องรู้ให้ลึกเสมือนเข้าไปบริหารงานบริษัทนั้นจริง ๆ ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในตลาดหุ้น ไม่ต่างจากรางวัลแจ็คพอต ถ้าอยากพิสูจน์ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่การเก็งกำไร แต่เป็นการลงทุนจะต้องพิสูจน์ด้วยการประสบความสำเร็จอย่างช้า ๆ แต่ยาวนาน แม้กระทั่งพนักงานในบริษัทหลักทรัพย์ก็อาจไม่ได้มีความรู้ทางด้านการลงทุนโดยตรง หากพวกเขาเก่งการลงทุนจริง ทำไมถึงยังต้องมาทำงานที่นี่ทุกวัน พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ที่ดี เมื่อถูกถามจะตอบตามสัตย์จริงว่า “ผมไม่ทราบครับ”
โชคเปลี่ยนไปตามคำที่ใช้เรียกผู้อื่น
หลายปีก่อนผู้เขียนได้ไปพบนักธุรกิจชาวเกาหลีชื่อดังคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาพูดถึงบริษัทตัวเอง ผู้คนรอบข้างจะตั้งใจฟัง ดวงตาจับจ้องเป็นประกาย ดื่มด่ำและสนุกไปกับเรื่องที่เขาเล่า ในทางกลับกันพอคนอื่นพูดเรื่องตัวเองบ้าง เขาจะเขยิบไปด้านหลังไม่แสดงทีท่าสนใจใด ๆ เวลาที่ตัวเองไม่ได้สวมบทเป็นผู้นำ บทสนทนาเขาจะเงียบขรึม ไม่มีใจอยากถามคำถาม หรือแม้แต่จะแกล้งสนใจ ทุกครั้งที่เล่าเรื่อง เขาจะเรียกบุคคลผู้มีชื่อเสียงทุกคนว่า ไอ้นั่น ความสามารถทางธุรกิจกับความคิดสร้างสรรค์ของเขาถูกกลบฝังอย่างช้า ๆ แม้ว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จงดงาม เขากลับไม่เหลือเพื่อนแท้แม้แต่คนเดียว
สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชีวิต โชคชะตา หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจให้เปลี่ยนไป คนที่ประสบความสำเร็จแล้วต้องหมั่นทบทวนตัวเองอยู่บ่อย ๆ ถ้าอยากรักษาความสำเร็จ ความมั่นคง และความอุดมสมบูรณ์ไว้เช่นเดิม จะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด ควรเคารพเพื่อนกับรุ่นพี่ เมตตาลูกศิษย์กับรุ่นน้อง แม้ในยามที่พวกเขาไม่อยู่ก็ต้องปฏิบัติตัวตามเดิม ลดคำพูดของตัวเอง ตั้งใจฟังเรื่องของคนอื่นบ้าง คนแบบนี้จะได้รับมิตรภาพกับความไว้เนื้อเชื้อใจจากทุกคน ซึ่งสองสิ่งนี้จะคอยบันดาลโชคดีให้
จิตใจของมนุษย์ส่องฉายอยู่ในคำพูด ถ้อยคำที่ฟังดูแล้งน้ำใจ ไม่สามารถสร้างความประทับใจ หรือเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้ แน่นอนว่าการโน้มน้าวใจใครสักคนอาจใช้เพียงเหตุผลและตรรกะ ทว่าลึก ๆ แล้วไม่ได้เคารพคนที่พูดดีหรือแม้แต่หลักการเท่านั้น แต่ต้องเป็นคนที่สัมผัสได้ถึงความจริงใจ ความคิด และความหมายแท้จริงที่เขาต้องการสื่อ ต่อให้คิดต่างกันแต่ก็ยังเคารพอีกฝ่ายอยู่ดี คำพูดเปรียบเสมือนกลิ่นโชยฟุ้งออกมาจากจิตใจของผู้พูด เขาสามารถรับรู้ได้ว่ากลิ่นหัวใจของคน ๆ นั้นหอมฟุ้งหรือเหม็นโฉ่ เนื่องจากภาษาที่เขาใช้ ความโชคดี และความสุข มักไล่ตามกลิ่นหอมหวานนั้นมาเสมอ
โชคที่เกิดขึ้นเสมอคือความสามารถ
ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นตลอดคือนิสัย
การเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ยอมทบทวนชีวิต อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นฉนวนไปสู่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ ลองพิจารณาตัวเองจากทุกการกระทำ คนที่มีปัญหาต่าง ๆ จนทุกอย่างติดขัดไปหมด ให้เริ่มจากการลดอาหาร อย่ากินจนจุก หลีกเลี่ยงอาหารหนักและรสจัด ถ้ากินแบบนี้จนเป็นนิสัย โชคดีจะแวะเวียนเข้ามาในชีวิต หากตั้งใจจะกินอาหารให้ตรงเวลา ควบคุมการใช้ชีวิต อย่าออกไปพบคนที่ไม่จำเป็นบ่อย ๆ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อร่างกายเบาขึ้น จะอยากออกกำลังกายเอง ลองออกไปเดินขยับร่างกาย แล้วจิตใจจะปลอดโปร่งขึ้น เมื่อมีสติมากพอจะแบ่งแยกความโลภกับความปรารถนาแรงกล้าออกจากใจได้
ยามเกิดวิกฤตขึ้น ไม่ว่าผู้คนจะเร่งร้อนตัดสินทำอะไร ก็จะข่มใจกล้ายืนอยู่ในฝั่งตรงข้ามเพียงลำพัง ควบคุมความกลัวไว้อยู่หมัด ในเวลานั้นเพื่อนแท้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน จะค่อย ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ท้ายที่สุดเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จะได้ครอบครองทั้งสุขภาพ ทรัพย์สิน และความสัมพันธ์ คนที่โชคดีเสมอในยามปกติไม่ว่าไปที่ไหน ก็มักจะได้รับของรางวัลที่ดี เวลาที่คนแบบนี้ทำธุรกิจ มักหาไอเท็มที่เหมาะสมกับยุคสมัย พร้อมหลบออกจากวงการได้ก่อนตกยุค ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างก็ได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่น ในสายตาคนอื่นมองเห็นแค่ว่าโชคดี ทว่าความจริงมาจากผลลัพธ์ที่เฝ้าสังเกตและเรียนรู้ต่างหาก
สิ่งที่คนแบบนี้ต้องระวังที่สุดคือความเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี เวลาถูกคนรอบข้างชื่นชมบ่อย ๆ ว่าตัวเองเป็นคนโชคดี อาจเผลอเข้าข้างตัวเองตามนั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงได้ นอกจากความเชื่อมั่นในดวงของตัวเองสูงมาก เลยยอมเสี่ยงแม้ผลลัพธ์จะไม่แน่นอน กล้าลงทุนในสิ่งที่ไม่สมควร ซึ่งโชคดีไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ทุกสิ่งสามารถล่มสลายลงได้ด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว วินาทีที่ตกอยู่ในความถือดีของตัวเอง จะเชื่อมั่นในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จะยึดถือว่าดวงคือความสามารถ หลงคิดว่าการคาดเดาคือความรู้ ยิ่งทุกสถานการณ์คลี่คลายลงไปด้วยดี ก็จะยิ่งคิดว่าเป็นเพราะความโชคดี ทั้งที่จริงแล้วดวงไม่มีอะไรแน่นอน
ความจริงผ่านข่าว
วิธีแบ่งแยกข้อมูลการลงทุน
ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนปี 2020 ไวรัสโคโรน่าหรือโควิด 19 ระบาดอย่างหนักไปทั่วโลก ตลาดหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกา ที่เคยพุ่งแตะ 30,000 จุดดิ่งลงมาอยู่ที่ 18,000 จุดทันที เทียบเท่ากับดัชนีต่ำสุดในเดือนตุลาคมปี 2016 และยิ่งสื่อมวลชนรายงานจำนวนผู้เสียชีวิต และยอดผู้ติดเชื้อของแต่ละประเทศ รวมทั้งการจัดอันดับมากเท่าไหร่ ความหวาดกลัวก็ยิ่งแพร่กระจายไปสู่ผู้คนทั่วโลกหนักขึ้นเท่านั้น ผู้เชียวชาญด้านเศรษฐกิจพากันวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ ที่เศรษฐกิจจะถดถอยภาวะวิกฤตร้ายแรงที่สุด นับเป็นการโหมความหวาดกลัวให้หนักขึ้นไปอีก ราคาหุ้นส่วนใหญ่ทยอยตกลงไปต่ำกว่ามูลค่าของบริษัท
ปัญหาไวรัสโคโรน่าเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาภาวะคล่อง บริษัทที่ตีพิมพ์พันธบัตร High-Yield Bond เริ่มผิดนัดชำระหนี้ ผู้คนพากันหวาดกลัววิกฤตว่าเหตุการณ์นี้จะลุกลามเหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ไปสู่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ผู้คนกับธุรกิจทั้งหมดพากันกักตุนเงินสด ไม่มีใครกล้าเสี่ยงซื้อขายหุ้น ความหวาดกลัวหนึ่งลุกลามไปสู่ความหวาดกลัวอื่น ในตลาดมีการขายเทขายหุ้นอย่างหนัก เศรษฐกิจที่เคยคึกคักเมื่อหลายเดือนก่อนพังทลายไม่เหลือชิ้นดี ทว่าหนึ่งเดือนหลังจากความหวาดกลัวพุ่งทะยานสูงสุด จะเห็นแนวโน้มว่าทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
ตอนนี้ตลาดหุ้นกำลังตื่นตระหนกกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์เกินจริง อนาคตของตลาดหุ้นไม่ได้จมอยู่ในสภาพปัจจุบัน ความจริงทุกคนรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่เพราะไม่มีใครฟันธงได้ว่ามีอะไรรออยู่ในอนาคต การลงทุนจะประสบความสำเร็จไหม ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะรู้ได้
เงินแต่ละก้อนมีกระแสเวลาแตกต่างกัน
เงินก็ได้รับอิทธิพลมาจากทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษนี้โดยตรง กระแสเวลาของเงินแต่ละก้อนไหลต่างกันตามแหล่งกำเนิดและจำนวน แม้จะเป็นเงินจำนวนเท่ากันกระแสเวลาก็อาจไหลต่างกันตามแหล่งกำเนิด และตามอุปนิสัยของเจ้าของเงิน ถึงแม้จะเจ้าของเดียวกัน เงินแต่ละก้อนก็มีกระแสเวลาเป็นของตัวเอง ในการลงทุนเดียวกันอาจมีเงินกระแสเวลาไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ สามารถอดทนรอคอยได้ดี จับกลุ่มเงินก้อนอื่น ๆ ได้กับเงินที่รีบร้อน ไม่สามารถคบหาเงินก้อนอื่นได้อย่างสนิทใจ แม้กระทั่งเงินก็จำเป็นต้องมีเวลา ถึงจะคบค้ากับเพื่อน มีคนรักและแต่งงานได้
ดังนั้นแม้จะลงทุนหุ้นในจังหวะเดียวกัน แต่เงินบางก้อนคือเงินทุนอาศัยการกินเงินต้น แล้วเติบโตขึ้นเหมือนมนุษย์กินคน จับกินเงินต้นกับเจ้าของเงินกินเป็นอาหาร ในทางตรงกันข้าม มีเงินบางก้อนที่พร้อมจะอยู่นิ่ง ๆ ในที่ที่จัดสรรไว้นานถึง 10 ปี 20 ปี เงินแบบนี้จะคอยดูแลได้ดีกว่า ในดวงตามนุษย์อาจเห็นแค่จำนวนเงิน แต่ที่จริงแล้วเงินค่อย ๆ เติบโตในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อไปหาเจ้าของ เงินซึ่งอยู่ในอ้อมอกเจ้าของคนหนึ่ง มีทั้งเงินที่มีเวลามากกับเงินที่ไม่ค่อยมีเวลา และเมื่อไหลไปอยู่กับเจ้าของคนใหม่ กระแสเวลาของเงินก็ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเจ้าของคนใหม่ ถ้าเจ้าของมีเงินซึ่งมีเวลามากอยู่ก่อนแล้ว เงินที่เพิ่มเข้ามาก็จะพลอยมีเวลามากตามไปด้วย การที่เจ้าของสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก เป็นเพราะไม่มีเวลาให้กับเงินมากพอ เจ้าของจึงต้องปฏิบัติกับเงินให้ดี
ไม่ได้ใส่ไข่ลงในตะกร้าใบเดียวแต่ทำไมไข่ถึงแตกหมด
อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน ได้กลายเป็นคำสอนชื่อดังด้านการลงทุน ซึ่งมีความหมายแฝงทางปรัชญาชีวิต จะไม่เสี่ยงภัยทุกสิ่งในวันเดียว เทียบเคียงได้กับจงลดความเสี่ยงในการลงทุน การแบ่งสรรการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เป็นการกระจายความเสี่ยง เรียกว่า พอร์ตโฟลิโอเอฟเฟ็กต์ โดย เรย์ ดาลิโอ ผู้เชียวชาญด้านกองทุนบริหารความเสี่ยงเคยกล่าวไว้ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำในการลงทุนคือการเตรียมรับสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ต้องจัดพอร์ตการลงทุนในเชิงกลยุทธ์แบบจัดสรรสินทรัพย์ในการลงทุนหลายรูปแบบ ผู้เขียนแบ่งหุ้นเป็น 10 รายการ แบ่งพันธบัตร เงินฝาก อสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าการแบ่งแบบนี้ จะทำให้กำไรลดหลั่นตามไปด้วย อีกทั้งยังจำเป็นต้องศึกษาแต่ละตลาดให้เข้าใจถ่องแท้ที่สุด เวลาเก็บออมทรัพย์สิน จะลงทุนในแบบจำกัด (concentrated investment) ทว่าในขณะที่ทรัพย์สินเริ่มสร้างทรัพย์สินใหม่ จะลงทุนแบบหลากหลาย การไม่ปล่อยให้เงินที่หามาสูญหายไปแม้แต่น้อย เป็นวิธีหาเงินได้มากและเร็วที่สุด
วิธีเป็นเศรษฐี 3 ประการ
วิธีเป็นเศรษฐีมีแค่ 3 ประการ หนึ่งรับมรดก สองถูกลอตเตอรี่ และสามประสบความสำเร็จในธุรกิจ การจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมีอยู่ 2 รูปแบบใหญ่ ๆ ได้แก่
1.ก่อตั้งธุรกิจนั้นด้วยตัวเอง ทว่าการสร้างธุรกิจหนึ่งต้องอาศัยการทุ่มเทถวายชีวิต ต้องมีความกล้าหาญ ยอมอดทนต่อความทุกข์เจ็บปวด ต้องพยายามเอาเป็นเอาตาย จึงประสบความสำเร็จได้
2.ฝากตัวเองไว้กับความสำเร็จของผู้อื่น เลือกอยู่ข้างที่ชนะ วิธีนี้ปลอดภัยกว่าการก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเอง สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงจะทำงานประจำก็ทำควบคู่กันได้
มีการแบ่งมูลค่าของบริษัทออกเป็นหลายล้านเป็นสิบล้าน เศษส่วนเหล่านั้นเรียกว่าหุ้น มีความสามารถซื้อและขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายตลอดทั้งปี แค่เปิดบัญชีที่ธนาคารหรือบริษัทตลาดหลักทรัพย์ สามารถเข้าเว็บไซต์ และ application ไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นถึงบริษัทนั้นโดยตรง มีเจ้าหน้าที่การรับเงินเป็นผู้รับผิดชอบการค้าเหล่านี้ ยิ่งบริษัทเติบโตขึ้นมูลค่าของหุ้นก็ยิ่งสูง ในทุกปีหรือทุกไตรมาสจะมีการแจกเงินปันผลกำไร ยิ่งเป็นหุ้นที่ให้เงินปันผลยิ่งไม่ควรเทขายชั่วชีวิต จะหาบริษัทที่ดีลองทำตามวิธีต่อไปนี้
ข้อแรกหาบริษัทที่ดีที่สุดในสาขาที่ตัวเองสนใจ เลือกบริษัทที่มียอดรวมทางธุรกิจเป็นอันดับหนึ่งในตาราง เพราะบริษัทเจ้าใหญ่ที่สุดในตลาดจะไม่มีวันล้มลงง่าย ๆ ในยามเกิดวิกฤตการผูกขาดธุรกิจทำให้บริษัทมีอำนาจในการตัดสินเรื่องราคา
เมื่อซื้อหุ้นมาแล้ว การศึกษาได้ลึกซึ้งกว่าตอนที่ยังไม่ได้ซื้อ แววตาที่จ้องมองธุรกิจจะเริ่มเปลี่ยนไป แต่ครอบครองหุ้นเพียงตัวเดียวจะสนใจข้อมูล จดจ้องไปกับข่าวในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เข้าใจภาษาเศรษฐศาสตร์ได้โดยปริยาย
ตลอด 1 ปีให้ซื้อหุ้นเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ อย่าสนใจว่าหุ้นตัวไหนจะราคาตก การที่หุ้นตกทำให้สามารถซื้อได้ในราคาต่ำ ถ้าราคาขึ้นถือเป็นเรื่องดี สิ่งเดียวที่ควรกังวลคือ กรณีที่ราคาหุ้นพุ่งเร็วขึ้นผิดปกติ
เหตุผลที่ไม่สามารถเก็บเงินได้
รายจ่ายมาก รายได้น้อย เงินเก็บที่เหลือก็มีแค่น้อยนิด ถ้านำไปลงทุนก็คงไม่ได้อะไรมากมาย เลยไม่เก็บเงิน คนแบบนี้ต่อให้เงินเดือนมากแค่ไหน ก็คงพูดประโยคเดิม ๆ เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายต่างก็พลอยเพิ่มขึ้นมากเท่าตัว ปัญหานี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับรายได้ แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิตโดยตรง ถ้าไม่ใช่คนที่ยากจนข้นแค้น ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งอาหารกับที่อยู่อาศัย ทุกคนสามารถประหยัดและเก็บออมจนกลายเป็นเศรษฐีได้ทั้งนั้น
สำหรับคนที่ใช้บัตรเครดิต คนที่ทำข้าวของหายด้วยความสะเพร่าบ่อย ๆ คนที่หมิ่นเงินน้อย คนที่ไม่อดออม คนที่ไม่เข้าใจเรื่องการลงทุน มั่นใจว่าพวกเขาไม่มีทางร่ำรวยขึ้นได้ หรือต่อให้ความร่ำรวยมาเยือนโดยบังเอิญ เงินเหล่านั้นก็จะหายไปชั่วพริบตา
ความร่ำรวยชอบอยู่กับคนที่เคารพแม้แต่สิ่งของ เพราะทรัพย์สินทุกประเภทถือเป็นสิ่งของทั้งนั้น เงินก้อนเล็กก้อนน้อยก็เป็นเมล็ดพันธุ์ของเงินก้อนใหญ่ ทุกการลงทุนเริ่มต้นขึ้นจากเงินก้อนเล็กก้อนน้อย ซึ่งนำไปสู่การลงทุนที่ยิ่งใหญ่ขึ้น ดังนั้นเมื่อเรารวบรวมทรัพย์สินให้แล้วควรนำไปลงทุนในธุรกิจที่เหมาะสม
วิธีที่ทำให้รู้ว่าไม่มีความรู้ทางด้านการเงินเพียงพอ
คนที่ไม่รู้หนังสือ มีชีวิตอยู่อย่างยากจนและลำบากมาโดยตลอด ไม่ต่างจากคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นในยุคปัจจุบัน นอกจากคนที่ไม่รู้หนังสือและคอมพิวเตอร์แล้ว คนที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเงินเอง ก็กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ความรู้ด้านการเงินนั้นเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตโดยตรง พวกเขาไม่มีทางหลุดพ้นไปจากความยากจน อาจลำบากยิ่งกว่าคนที่ไม่รู้หนังสือหรือคอมพิวเตอร์เสียอีก ยิ่งรายได้สูงความรู้ทางด้านการเงินก็จะยิ่งสูงตาม หรือกล่าวได้ในอีกแง่คือความเข้าใจทางด้านการเงิน ช่วยรักษาทรัพย์สินและเพิ่มรายได้ เป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับชีวิต
ใครก็ตามที่พยายามบากบั่น จะต้องขยับขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางได้ ก่อนจะผลักดันตัวเองให้เป็นมหาเศรษฐี แต่คนที่ขาดองค์ความรู้ทางด้านการเงิน จะทำให้พวกเขาตัดสินใจลงทุนผิดพลาดอย่างง่ายดาย กลายเป็นคนมีหนี้สินและยากจนลง นับเป็นปัญหาโดยรวมของสังคม
ต้องหาเงินได้เท่าไหร่จึงจะเรียกว่าเป็นบุคคลร่ำรวย
จากมาตรฐานทางเศรษฐกิจสรุปคร่าว ๆ ได้ว่า บุคคลร่ำรวยถือเป็นคนที่ทรัพย์สอนทางการเงินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ จุดประสงค์หลักในการบริหารทรัพย์สินคือ การคงสภาพไม่ให้น้อยลง เนื่องจากรู้ดีว่าการรักษาทรัพย์สินไม่ใช่เรื่องง่าย มาตรฐานความร่ำรวยทั่วไปมีแค่ 3 ข้อดังนี้ ข้อแรก มีบ้านเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องผ่อน ข้อ 2 มีรายได้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของคนทั่วไปก็ถือว่าร่ำรวยแล้ว ส่วนข้อสุดท้ายคือคนไม่มีทุกข์ร้อน สามารถดำรงอยู่ได้แม้จะไม่หาเงินมาเพิ่มแล้ว
สุดท้ายแล้วการสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองไม่ต้องทำงานอีกต่อไป เป็นก้าวแรกไปสู่เส้นทางแห่งความร่ำรวย แม้จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กในชนบท แต่ถ้ามีบ้านของตัวเอง มีรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนบ้านทั่วไป และพอใจกับรายได้นั้นก็ถือว่าเป็นคนรวยแล้ว
คำว่าไม่ต้องทำงานอีกมีความหมาย 2 แบบคือ 1.ร่างกายของหลุดพ้นจากการใช้แรงงานแต่ก็ยังคงมีรายได้เลี้ยงตัวเอง 2.สามารถใช้จิตวิญญาณกับความคิดได้อย่างเสรี โดยไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น กล่าวคือคนที่ได้รับอิสระทั้งกายและจิตใจคือคนรวยที่แท้จริง
สิ่งที่ทำทุกวันเพื่อรักษาทรัพย์สินตัวเองไว้
ในตอนเช้ากำหนดการลงทุนและทิศทางการลงทุน ด้วยข้อมูลพื้นฐานจากทุกเว็บไซต์ที่อ่านทุกวัน กรณีที่ยังติดใจสงสัยถ้าเห็นหนังสือที่เกี่ยวข้องจะสั่งมาอ่านเพิ่มเติม ค่อย ๆ เรียบเรียงความคิด อะไรก็ตามที่เป็นข้อมูลจะพิมพ์และเก็บใส่แฟ้มเอาไว้ บนแฟ้มและพิมพ์ชื่อข้อมูลติดสติ๊กเกอร์ไว้
จากนั้นจะจัดเก็บโดยแบ่งตามหัวข้อวางไว้ในที่ ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน เรียบเรียงและทำความเข้าใจกับข้อมูล ใช้เวลานานแต่ไม่สามารถขี้เกียจละเลยกับการเก็บข้อมูลกับการศึกษาเพิ่มเติมได้ ฟังหัวข้อที่สนใจจากบรรดาอาจารย์หนุ่มสาวใน YouTube ยังฟังความคิดเห็นของผู้เชียวชาญผู้น่ายกย่องทั้งหลาย การสร้างทรัพย์สินไม่เชื่อใครนอกจากตัวเอง จึงจำเป็นต้องสะสมข้อมูล เรียนรู้แนวคิดจากผู้คนมากมายไม่จบสิ้น หากหนุดทำ 1-2 เดือนอาจไม่เป็นไร แต่ถ้าเกินครึ่งปีหรือ 1 ปีจะถดถอยจากโลกแห่งการลงทุนทันที คนที่ตัดสินใจไม่เด็ดขาด และความคิดความอ่านไม่เฉียบคม สุดท้ายก็อาจจะไม่เหลืออะไรเลย
ความจนโหดร้ายกว่าที่คิด
คนสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของชีวิตมากกว่าการสะสมทรัพย์สิน แต่จำเป็นต้องตรวจสอบผู้คนที่คิดแบบนี้เสมอ เพราะโดยมากพวกเขามีเหตุผล 3 ประการให้คิดเช่นนี้คือ ข้อแรกยังไม่แน่ใจว่าคุณค่าของชีวิตคืออะไร ข้อ 2 ไม่รู้ว่าความจนน่ากลัวแค่ไหน ข้อ 3 ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะร่ำรวยได้ ทุกคนส่วนใหญ่มักพูดว่าต้องการอิสรภาพมากกว่าเงิน เพราะอิสรภาพช่วยรักษาคุณค่าของชีวิตเอาไว้ ทว่าในกรอบของสังคมสมัยใหม่ ถ้าเราอยากรักษาคุณค่าของชีวิตจริง ๆ ต้องใช้เงินก้อนโต งานมั่นคงหายากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา บางบริษัทหมดอนาคตลงภายใน 5 ปี
การรักษาคุณค่าของชีวิตจึงไม่ได้จดจ่อแค่ตอนนี้ แต่ต้องครอบคลุมไปทั้งชีวิต ซึ่งคนที่ใช้เวลาในปัจจุบัน และต้องรับผิดชอบอนาคตที่เหลือคือตัวเราเอง คนที่ไม่เคยยากจนมาก่อนไม่มีทางจินตนาการถึงความโหดร้ายของมันได้ ความยากจนทางจิตใจสามารถเติมเต็มด้วยจากการอ่านและความครุ่นคิด แต่ความยากจนทางเศรษฐกิจ จะกลบฝังความรู้สึกอยากทำดี พร้อมกับช่วงชิงแม้กระทั่งความเคารพในตัวเองที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ในครอบครัวยากจนไม่มีทั้งมารยาทและเกียรติยศ เพราะไม่มีอาหารจะยัดไส้ ไม่มีที่ซุกหัวนอน ยากที่จะรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้ได้ การเริ่มต้นเส้นทางแห่งความร่ำรวย อันดับแรกต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองจะเป็นคนรวยได้ ความเชื่อมั่นนำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง ชีวิตคนรวยมีความสุขมากกว่าที่จินตนาการได้ เช่นเดียวกับที่ความจนน่ากลัวกว่าที่คิด
มีคน 3 ประเภทยามเกิดวิกฤตทางการเงิน
ในยามที่ตลาดหุ้นตกลงอย่างหนัก จะมีคนอยู่ 3 ประเภท ประเภทแรกคือคนที่ได้รับความเสียหายโดยตรง สภาพวิกฤตเช่นนี้เหมือนจะส่งผลร้ายต่อกลุ่มนักลงทุนเท่านั้น เพราะว่าความจริงแล้วผู้คนทั่วไปก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้ด้วย แม้พวกเขาจะไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อนก็ตาม ประเภทที่ 2 คือคนที่ไม่ได้รับผลกระทบแม้ตลาดหุ้นจะตกลงแค่ไหน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ไม่มีหนี้ การงานมั่นคง ข่าวหุ้นตกสำหรับพวกเขาเป็นแค่ข่าวเศรษฐกิจตกต่ำ บางคนแค่รู้สึกว่าข่าวพวกนี้มันเป็นเสียงรบกวน ประเภทที่ 3 คือคนกลุ่มพิเศษ แม้ตลาดหุ้นจะตกอยู่ในสภาพนี้ ทรัพย์สินของตัวเองก็ยังได้กำไร พวกเขาเห็นโอกาสที่จะใช้วิกฤตนี้หาเงินได้อีกหลายปี แต่ไม่ใช่คนรวยทุกคนจะเล็งเห็นผลประโยชน์จากวิกฤตได้เหมือน ๆ กัน ต้องเป็นคนที่กล้าหาญ ก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในความมืดขณะที่ผู้คนกำลังสิ้นหวังและเสียขวัญ ทยอยทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองไปในสภาพที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง ไม่มีใครกล้าซื้อ เอามาเทขายในตลาดตอนนี้ เปรียบเทียบง่าย ๆ คือในขณะที่หินก้อนยักษ์กลิ้งลงมาจากภูเขา ก็มีคนถูกหินทับตาย มีคนเลี่ยงหลบก้อนหินได้ทัน และคนที่เจาะหินไปขายได้ ความมั่งคั่งมหาศาลเกิดขึ้นด้วยสูตรนี้แทบทุกครั้ง
ถ้าย้อนกลับไปในวัยหนุ่มอีกครั้งแล้วอยากรวยขึ้น
ทรัพย์สินเป็นผลรวมของ เงินทุน x อัตรากำไร x ระยะเวลา กล่าวคือการออมเงินขึ้นอยู่กับว่ามีเงินเท่าใด ได้อัตรากำไรมากน้อยเพียงใด และใช้เวลานานแค่ไหน สมมุติว่าย้อนเวลากลับไปในวัย 25 ปีได้อีกครั้ง สามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดของตัวเองตอนนี้ได้ จะฝากเงินไว้ที่ธนาคาร เตรียมเงินทุนก้อนแรก จากนั้นถอนเงิน 500,000 วอนทุกเดือนไปซื้อหุ้นของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี ไม่สนว่าราคาจะสูงแค่ไหน แต่จะซื้อหุ้น 5 แสนวอนเก็บไว้ทุกเดือน คนหนุ่มสาวที่ทำงานมั่นคงกลายเป็นเศรษฐีได้ภายในระยะเวลาไม่นานด้วยวิธีนี้ แต่เริ่มต้นให้เร็วที่สุด เพราะตัวแปรสำคัญของสูตรนี้คือระยะเวลาในการลงทุน การเป็นเศรษฐีไม่ใช่เรื่องยาก การรวยขึ้นช้า ๆ เป็นหนทางสู่ความรวยเร็วที่สุดแล้ว
ปัญญาเริ่มต้นขึ้นจากความรู้พื้นฐานทางวิชาการ
การลงทุนเป็นผลรวมระหว่างความรู้กับปัญญา คนเราต้องมีสองสิ่งนี้ถึงจะประสบความสำเร็จ ความรู้ที่ไม่มีปัญญาเป็นแค่ความถือดี ส่วนปัญญาที่ไม่มีองค์ความรู้ก็เป็นได้เพียงแค่ความว่างเปล่า ความรู้คือการรับรู้และเข้าใจสถานการณ์กับวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ขณะที่ปัญญาคือความเข้าใจกฎเกณฑ์ของสรรพสิ่ง
ปรากฏการณ์ผู้เป็นอัจฉริยะสูงสุดในแต่ละสาขา มักมีความรู้กับปัญญาแตกต่างจากคนทั่วไป สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดมักจะมีปรัชญาคล้ายคลึงกัน ผมขอเทียบเคียงให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เวลาก้าวเดินไปบนภูเขาใหญ่ สามารถถึงเขาได้จากทุกทิศทาง แต่เมื่อถึงยอดเขาทุกคนล้วนมารวมตัวกันอยู่จุดเดียวกัน
การเรียนพื้นฐานทางวิชาการค่อนข้างจะน่าเบื่อและทรมานใจ มีหลายครั้งที่ต้องเรียนโดยอาศัยการท่องจำ อย่างไรก็ตามไม่มีทางรับความรู้โดยหลีกเลี่ยงการท่องจำไปได้เลย เพราะภูมิปัญญาส่วนใหญ่ถูกเผยแพร่และอธิบายผ่านตัวอักษรกับภาษา ถ้าอยากเป็นอัจฉริยะด้านการลงทุน จะต้องเก่งภาษาและคณิตศาสตร์มากกว่าใคร ๆ ถึงจะวิเคราะห์ธุรกิจกับโลกใบนี้ได้
ถ้าอยากเป็นคนรวยมีสิ่งหนึ่งที่ทำได้ตั้งแต่ตอนนี้
การจัดบ้านทำรู้สึกว่าใช้ของไปตามอำเภอใจแค่ไหน ซื้อข้าวของที่ไม่ต้องการ ไม่จำเป็นและแทบไม่รู้ว่ายังมีอยู่มาโดยตลอด การใช้สิ่งของมากมายไปอย่างไร้ประโยชน์เป็นเรื่องน่าอาย ข้าวของพวกนี้เปรียบเสมือนขี้ใคลของชีวิต ถ้าไม่กำจัดทิ้ง ต่อให้ความร่ำรวยแวะผ่านมาก็จะจากไป การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ช่วยเปลี่ยนความคิดต่อสิ่งของ และยังเปลี่ยนมุมมองต่อโลกใบนี้ด้วย สอนให้ลดการใช้สิ่งของฟุ่มเฟือย ถ้าวางสิ่งของที่ซื้อมาในที่เดิมทุกครั้ง ก็จะไม่เสียเวลาเดินหาทั่วบ้าน หรือเพราะหาไม่เจอก็ต้องเสียเงินซื้อใหม่ การใช้สิ่งของอย่างถูกต้องเหมาะสม ทำให้เปลี่ยนไป ช่วยลดการทะเลาะเบาะแว้งภายในครอบครัวลง หลังจากกำจัดสิ่งของในบ้านแล้ว ให้จัดครัว ตู้เสื้อผ้า โรงรถและห้องน้ำด้วย จัดระเบียบกระเป๋าตังค์ กระโปรงท้ายรถ และไฟล์คอมพิวเตอร์ด้วย นี่คือขั้นตอนเตรียมตัวสู่เส้นทางเศรษฐี ผู้ได้รับความเคารพไปชั่วชีวิต ตอนนี้เหลือแค่รอคอยเท่านั้น
ในอนาคตหุ้นจะราคาขึ้นไหม
มีคนถามคำถามนี้บ่อย ๆ แต่คำตอบนี้ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อผู้ถาม ไม่มีใครรู้หรอกว่าหุ้นที่ราคาตกจะขึ้นเมื่อไหร่ ในกรณีที่ลงทุนหุ้นระยะยาว 10 ปี จะไม่หวาดกลัวภาวะตลาดตกต่ำ ถึงราคาหุ้นจะตกลงแค่ไหนก็ไม่มีทางต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงของบริษัท ทันทีที่ความหวาดกลัวหายไปจากตลาด หุ้นตัวนั้นก็จะกลับมาทำกำไรตามเดิม
คนที่ชอบตั้งคำถามว่าราคาหุ้นจะขึ้นไหม มักมีปมในใจอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกคือต้องการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นไว ๆ และข้อ 2 คือไม่ได้ซื้อในสิ่งที่อยากได้ ซื้อตามคนอื่นเพราะเงินตัวเองไม่มีคุณภาพพอ เขาเริ่มไม่วางใจในสินค้าที่ซื้อมา ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่สามารถสร้างรายได้จากหุ้นได้ หากไม่ยอมแก้ไขนิสัยนี้ จะทำกำไรจากหุ้นไม่ได้เลยทั้งชีวิต ดังนั้น คนที่ลงทุนในตลาดหุ้นจะคาดเดาหรือคาดหวังให้ผลลัพธ์โดยตรงกับที่ตัวเองคิดไว้ไม่ได้ ต้องลงทุนเท่ากับที่ตัวเองรับมือไหว ไม่ว่าตลาดจะปั่นป่วนเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม นี่คือหลักการลงทุน
มูลค่าที่ซ่อนอยู่ในตลาดเช่าสินทรัพย์ของผู้คน
ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรอยู่ ถ้าเป็นคนที่จ่ายค่าเช่าให้แก่เจ้าของที่ทุกเดือนได้ ย่อมมีศักยภาพเพียงพอที่จะครอบครองตึกนั้น เจ้าของที่ไม่สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง จึงต้องหาคนเช่าทำธุรกิจในพื้นที่ของตัวเองแทน ในโลกนี้ไม่มีใครเอาชนะหนี้สินได้ ทว่าถ้าในระหว่างทำธุรกิจ ไม่เคยค้างค่าเช่าเลย จ่ายเงินตรงเวลาทุกเดือน นั่นแสดงว่าเป็นคนที่มีกำลังมากพอจะจ่ายค่าดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ดังนั้นจงเป็นเจ้าของตึกด้วยตัวเอง รับกำไรทั้งหมดจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจจะกลายเป็นแหล่งการค้า ไม่แน่ในภายหลังมูลค่าของกำไรตึก อาจสูงกว่าเงินที่ได้รับจากการขายเสียอีก
จงเตรียมเงินทุนให้พร้อม ตามหาตึกที่ผ่อนได้ เมื่อประสบความสำเร็จแล้วครั้งหนึ่ง จะครอบครองตึกนั้นได้อีกหลายแห่งด้วยวิธีการเดียวกัน เป็นลูกค้าที่ธนาคารไว้วางใจ ซึ่งไม่ใช่แค่เจ้าของร้านอาหารเท่านั้น แต่รวมถึงเจ้าของสถาบันกวดวิชา ออฟฟิศ และสถานเลี้ยงเด็ก เป็นต้นเวลาดำเนินธุรกิจโปรดจำให้ขึ้นใจว่า คนที่จ่ายค่าเช่าคือเจ้าของตึก ต้องเป็นเจ้าของตึกให้ได้ ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะถ้าปีหน้าเจ้าของที่ขอขึ้นค่าเช่าอาจต้องย้ายไปที่อื่น สุดท้ายก็ทำได้แค่โอดครวญ ด่าทอเจ้าของที่ จงครอบครองตึกแรกที่ผ่อนได้ให้ตรงเวลา จากนั้นใช้เป็นเรเวอเรจซื้อตึกเพิ่ม เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นสินค้าแห่งการลงทุนพิเศษ อย่าเพิ่งตัดใจล้มเลิกง่าย ๆ
ลงทุนอสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นดีกว่ากัน
ถ้าเปรียบเทียบดัชนีของหุ้น กับอสังหาริมทรัพย์ในระยะเวลา 10 ปี อาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก แต่ถ้าเทียบด้วยระยะเวลา 20 ปี จะพบว่าตลาดหุ้นให้ผลกำไรที่ดีมากกว่า เรื่องนี้ไม่ได้พิจารณาจากค่าเช่าหรือเงินปันผล จึงไม่สามารถฟันธงได้ชัดเจน โดยทั่วไปอาจคิดว่าอสังหาริมทรัพย์กับหุ้น เป็นการลงทุนคนละประเภทซึ่งไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากในตลาดอสังหาริมทรัพย์เอง มีทั้งแบบที่ลงทุนโดยคำนึงถึงค่าเช่า กับแบบที่รอคอยให้พื้นที่เขตอสังหาริมทรัพย์ได้รับการพัฒนา คนที่ลงทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเน้นรับค่าเช่าเป็นกำไร มีแนวคิดเหมือนคนที่เล่นหุ้น โดยมองหาหุ้นซึ่งให้เงินปันผลตอบแทน ส่วนคนที่รอคอยการพัฒนาที่ดิน จะมีแนวคิดคล้ายกับคนที่เน้นการลงทุนแบบระยะยาว นักลงทุนจึงไม่ได้แบ่งตามตลาดการลงทุน แต่แบ่งตามรูปแบบการลงทุน
การได้รับเงินปันผลไม่ต่างจากที่ได้รับค่าเช่าที่ เนื่องจากเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ตั้งเป้าหมายว่า จะได้รับเงินค่าเช่าทุกเดือน จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบราคาขึ้นลงของตึกหรือที่ดิน ส่วนคนที่ลงทุนหุ้นเพื่อรับเงินปันผล จะไม่สนใจความผันผวนในตลาดหุ้น ถ้าหากว่าลงทุนหุ้นหรือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ดีกว่ากัน ก็ต้องมาเปรียบเทียบว่าเงินค่าเช่ากับเงินปันผลแบบไหนให้กำไรสูงกว่ากัน คนถามจะต้องรู้ก่อนว่า ตัวเองเป็นเทรดเดอร์ หรือเป็นอินเวสเตอร์ ส่วนคนตอบก็ต้องรู้ว่าคนถามเป็นเทรดเดอร์หรืออินเวสเตอร์ การถามและการตอบถึงจะสมเหตุผล คนที่เรียนเก่งก็ใช่ว่าประสบความสำเร็จทุกคน ในขณะที่คนชอบตั้งคำถามกลับมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นข้อยกเว้นในโลกแห่งการลงทุน เนื่องจากการลงทุนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเงินโดยตรง ปัญหาคือตัวคนตอบอาจไม่รู้คำตอบเช่นกัน
เมื่อไหร่วันประกาศเอกราชของเราจะมาถึงกันนะ
รายได้ของทุกคนล้วนมาจาก 2 ทางใหญ่ ๆ คือ 1.รายได้ที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง และการทำงานของตัวเองเป็นคนที่ออกแรงทำงาน มีรายได้พื้นฐานมาจากการใช้แรงงานของตัวเองทำงานเพื่อคนอื่น หากปฏิเสธที่จะทำงาน รายได้ของตัวเองก็จะหดหายทันที ไม่มีอำนาจตัดสินใจเพราะไม่มีเงินมากพอ หากใครต้องการเอกราชส่วนตัว จะต้องสร้างรายได้ทางอื่นซึ่งไม่ใช่มาจากแรงงานของตัวเอง แต่เป็นรายได้แบบที่ 2 เริ่มต้นอาจต้องประหยัดรายได้จากการทำงานเก็บไว้ แล้วนำเงินที่รวบรวมได้มากอบกู้เอกราชของตัวเอง คนที่ยังไม่ได้รับเอกราชต้องจัดสรรรายได้ นำมาใช้สร้างเนื้อสร้างตัว ผู้คนที่ผลาญรายได้ส่วนใหญ่ไปกับการบริโภค ไม่ได้เก็บเงินออมเป็นทรัพย์สิน พวกเขาไม่สามารถได้รับอิสระทางการเงินได้ทั้งชีวิต ต้องรวบรวมรายได้มาสร้างทรัพย์สิน ใช้เงินต่อเงินไปเรื่อย ๆ แล้ววันที่รายได้จากการลงทุนแซงหน้ารายได้จากการทำงานก็จะมาถึงในที่สุด จงกำหนดวันนั้นให้เป็นวันประกาศเอกราชส่วนตัวอย่างเป็นทางการ
ถ้าอยากเห็นภาพวันนั้นล่วงหน้า จงสร้างนโยบายการใช้ทรัพย์สินในช่วง 5 ปี 10 ปี 20 ปีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องวางแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง ปักหมุดว่าจะยุติความยากจนไว้ในยุคของตัวเองเท่านั้น เนื่องจากเป็นคนที่มีอิสรภาพทางการเงินเต็มที่ จะทำอะไรก็ได้หรือจะไม่ทำอะไรเลยก็ได้เช่นกัน เพราะอำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือของคุณ
ความสามารถ 4 ประการในการจัดการเงิน
ทุกคนที่ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องมีเงิน โดยสามารถเพิ่มทรัพย์สินได้จากความสามารถ 4 ประการได้แก่ ความสามารถในการหาเงิน ความสามารถในการเก็บเงิน ความสามารถในการรักษาเงิน และความสามารถในการใช้เงิน คนที่มีความสามารถในการหาเงินนั้นเรียกว่าคนรวยได้ แต่หากตั้งใจจะเก็บรักษาความมั่งคั่งนั้นไว้ตลอดไป จะต้องมีความสามารถครบทั้ง 4 ประการ เพราะการมีความสามารถเพียงประการเดียวทำให้รวยขึ้นก็จริง แต่ใช่ว่าความร่ำรวยนั้นจะคงอยู่เนิ่นนาน ความสามารถแต่ละอย่างใช้ทักษะต่างกัน จึงต้องเรียนรู้ให้ครบยุทธศาสตร์
คนที่มีความสามารถในการหาเงินทุกคน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำธุรกิจได้เก่งมาก หรือมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลกว่าคนทั่วไป เป็นคนที่มีความสามารถในการขาย มองโลกในแง่ดี ไม่ล้มเลิกอะไรง่าย ๆ ในแวดวงธุรกิจมีคนแบบนี้มากมาย ผู้คนที่ฉลาดทำงานขยันขันแข็ง มีอาชีพเฉพาะทาง มักจะมีความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะนักธุรกิจทั้งหลาย หากคนกลุ่มนี้ขาดความสามารถในมิติอื่นก็อาจกลายเป็นหนี้หรือถูกหลอกลวงได้ ความสามารถในการเก็บเงินจึงเป็นความสามารถที่แตกต่างจากความสามารถในการหาเงิน เพราะการหาเงินเก่งกับการเก็บเงินเก่งมาคนละเรื่องกันลำดับต่อมาคือความสามารถในการรักษาเงิน การรักษาทรัพย์สินเป็นเรื่องหนึ่งที่ยากที่สุด คล้ายกลับฝ่ายตั้งรับคอยคุมเกม ซึ่งยากกว่าการบุกโจมตีมาก หากประมาททรัพย์สินที่หามาทั้งชีวิตก็อาจสูญหายในชั่วข้ามคืน ลำดับสุดท้ายคือความสามารถในการใช้เงิน ความสามารถนี้ไม่ต่างจากความเก๋าเกมทางการเงิน ความเรียบง่ายไม่ใช่ความตระหนี่ ถึงเราจะใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แต่ไม่ควรบังคับคนในครอบครัว ผู้คนรอบข้างหรือแม้แต่ลูกน้องให้ทำตาม ดังนั้นทุกคนจะต้องพยายามเรียนรู้และเข้าใจว่า ความสามารถแต่ละชนิดนั้นต่างกัน หากพลาดพลั้งข้อใดข้อหนึ่งไป ก็อาจไม่สามารถรักษาความร่ำรวยนั้นไว้ยืนยาว
ไม่ลงทุนกับเรื่องพวกนี้
แม้ผู้เขียนจะหาเงินได้เยอะแค่ไหนก็ตาม ก็มีหลายธุรกิจซึ่งจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่มีส่วนทำลายชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม บริษัทที่เกี่ยวกับสงคราม ปืน อาวุธ บุหรี่ เหล้า ยาเสพติด รวมไปถึงพวกธุรกิจสีเทาทั้งหลาย เป็นธุรกิจที่ได้รายได้มาจากความโชคร้ายของผู้อื่น ธุรกิจที่มีคนต้องตาย หรือต้องมีบางสิ่งเสียหายก่อนถึงจะได้เงิน รวมทั้งธุรกิจจำพวกการเรียกเก็บเงิน ธุรกิจทวงหนี้ และโรงรับจำนำเนื่องจากเป็นธุรกิจที่เต็มไปด้วยความเศร้าของผู้คน ไม่อยากได้เงินที่เจือปนไปด้วยความเศร้า อยู่ให้ห่างจากเงินที่เต็มไปด้วยความเศร้า เงินสีเทา เพราะเกรงว่าวันหนึ่งเงินทั้งหมดจะหนีหายไปพร้อมกัน
การประกันภัยไม่ใช่การออมเงิน
เนื่องจากหวาดกลัวความไม่แน่นอน คนเราจึงยอมทำประกันภัย ถ้าเก็บเงินก้อนนั้นไว้ตลอดระยะเวลา 20 ปีด้วยตัวเองดีกว่า เพราะก่อนที่บริษัทประกันภัยจะนำผลิตพัณฑ์ใดออกมาขาย พวกเขาคิดคำนวณระบบให้ผู้ซื้อขาดทุนตั้งแต่แรกแล้ว และพยายามหลอกล่อด้วยคำศัพท์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประกันในรูปแบบของออมเงิน ยกเว้นภาษี และประกันสุขภาพที่จำเป็น เป็นต้น เพราะว่าท้ายที่สุดก็เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ลูกค้าเสียเปรียบ บริษัทประกันภัยยังมีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้า ซึ่งมีแนวโน้มจะต้องให้ตัวเองขาดทุนด้วย คนที่ประวัติเป็นโรคเยอะ ๆ อายุมาก ทำงานเสี่ยงอันตราย จะไม่สามารถซื้อประกันภัยได้ อยากให้ทุกคนทบทวนการทำประกันชีวิตของตัวเองให้ดี อย่ามอบอำนาจทางการเงินให้แก่บุคคลอื่นง่าย ๆ เพียงเพราะกลัวเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และขอแนะนำให้สร้างบริษัทประกันภัยส่วนตัว ทำสมุดบัญชีประกันภัยร่วมกับญาติ ๆ ลงทุนร่วมกันลองบริหารด้วยตัวเองดูสักตั้ง คนที่รวยจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำประกันภัยใด ๆ เพราะทรัพย์สินมีส่วนทำหน้าที่ประกันให้พวกเขาอยู่แล้ว พวกเขาจึงยิ่งรวยขึ้นไปอีก
ขยะที่สวยงาม
ฤดูใบไม้ผลิปี 2020 ตรงกับวันครบรอบแต่งงาน 30 ปีของผู้เขียนกับภรรยา พวกเขาฉลองด้วยการออกไปท่องโลกด้วยกัน คนร่วมทริปนี้มีทั้งนักธุรกิจจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และอเมริกาใต้ ตลอดจนถึงนักลงทุน ตัวแทนบริษัท นักกฎหมาย และธุรกิจปศุสัตว์ นักแข่งรถ และคนในแวดวงดนตรี เมื่อเดินทางไปกับพวกเขา สิ่งหนึ่งที่สังเกตก็คือพวกเขาไม่สนใจเรื่องช็อปปิ้งเลย แต่จะสนใจเดินชมพิพิธภัณฑ์ ผูกมิตรกับผู้คน ไม่ได้แวะไปที่ย่านช็อปปิ้ง ไม่ได้ซื้อของที่ระลึก คนที่ตอนนี้รวยแล้วจริง ๆ จะต่างกับคนที่อยากให้ตัวเองดูเหมือนคนรวย พวกเขาจะสนุกกับประสบการณ์ในทุกวินาที มากกว่ามุ่งซื้อสิ่งของ สนุกกับเพื่อนร่วมทริป และการได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในท้องถิ่น
พวกสิ่งของเหล่านี้จะกลายเป็นแค่ขยะสวยงาม อาจมีสิ่งของสวยงามและอยากได้มากมาย แต่พอกลับบ้านก็ไม่มีที่วางที่เหมาะสม พวกเขาก็สร้างความลังเลใจว่าควรทิ้งดีหรือไม่ของพวกนี้ไม่ใช่แค่ชิ้นหรือ 2 ชิ้น เอาออกมาวางโชว์เฉย ๆ ก็วุ่นวาย แต่เก็บเอาไว้ในลิ้นชักเฉย ๆ ก็ดูไร้ประโยชน์ คนรวยมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลเงิน สินค้าแบรนด์เนมกับสิ่งของต่าง ๆ จึงไม่ใช่สิ่งของจำเป็นจะมีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ ใช้แล้วไม่ได้เกิดความหมายวิเศษใด ๆ แต่ที่เลือกใช้เพราะความจำเป็นเมื่อถึงจุดหนึ่งจะเลือกใช้แค่สินค้าที่มีคุณภาพดี โดยไม่เน้นแบรนด์ ไม่มีเหตุผลที่ต้องจ่ายเงินเพื่อเสพความงดงามของขยะ คิดว่าใช้เงินก้อนนี้เพื่อซื้อหมอน เก้าอี้ ผ้าห่ม กับเตียงนอนที่ดีที่สุดดีกว่า ไม่ก็ซื้อรองเท้า handmade เพราะชีวิตของมนุษย์เราดำรงอยู่ในสิ่งพวกนี้มากกว่า
เวลาวิเคราะห์เศรษฐกิจ ต้องละทิ้งความเชื่อทางการเมือง
ความเชื่อทางการเมืองก่อให้เกิดอคติต่อเศรษฐกิจได้ นักหนังสือพิมพ์จำนวนมาก มักเขียนแทรกความคิดของตัวเองลงไปในข่าวเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถเชื่อถือได้อย่างสนิทใจ โดยมากข่าวเศรษฐกิจมักจะพาดหัวข่าวให้ดูน่าตกใจ และมีความหมายเชิงลบ นอกจากมีแนวโน้มจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่าข่าวในแง่ดี ทว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดคือ พวกนักข่าวพยายามเขียนบทความเศรษฐกิจด้วยสอดแทรกมายาคติทางการเมืองเอาไว้ แม้จะสถานการณ์เดียวกันแต่เนื้อหาของข่าวอาจต่างกันมาก ความคิดเห็นเรื่องการเมืองทำให้มนุษย์จงเกลียดจงชังกันอย่างรุนแรง การเมืองจึงเป็นความแตกต่างทางความคิดที่ฝังรากอยู่ในลึกสุด ด้วยเหตุนี้เป็นไปได้เสมอที่ทุกคนจะเข้าข้างพรรคการเมืองที่ตัวเองศรัทธา พร้อมสนับสนุนอย่างสุดโต่งไม่เว้นแต่หนังสือพิมพ์หรือสือมวลชน ซึ่งอาจเขียนข่าวตามความเชื่อของตัวเอง ความจริงแล้วการที่ใครจะมาชอบพรรคการเมืองใดก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ในการเขียนข่าวต้องอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เป็นความจริงเท่านั้น ในกรณีที่เห็นหัวข้ออ่านดูลำเอียงหรือมีอคติเกินไป ห้ามหลงเชื่อง่าย ๆ โดยเด็ดขาด
กฎ 5 ข้อของการสร้างเงินต้นร้อยล้าน
การเทน้ำลงกระบอกสูบเพื่อเพิ่มแรงให้กับเงินทุนก้อนแรก
ในสมัยที่การประปายังไม่ดีพอ ยามที่หม้อน้ำในหมู่บ้านเหือดแห้งลง จะต้องสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ คนสมัยก่อนนิยมฝังท่อลงในตาน้ำใต้ดิน แล้วใช้เครื่องปั๊มสูบน้ำขึ้นมา โดยปั๊มน้ำประเภทนี้จะต้องกรอกน้ำลงไป 1-2 ขัน แล้วออกแรงเขย่าทอให้น้ำใต้ดินพุ่งขึ้นมา แค่กรอกน้ำลงไปในเครื่องสูบเพียงครั้งเดียวจะสูบน้ำขึ้นมาได้เรื่อย ๆ ทว่าหากไม่มีน้ำขันแรก จะไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาจากท่อได้เลย ข้างปั๊มน้ำซึ่งมักมีขันสำหรับการกรอกน้ำตั้งอยู่เสมอ คนที่เก็บออมทรัพย์สินมาลงทุนเพื่อหวังกำไร ล้วนเกี่ยวข้องกับหลักการนี้ทั้งสิ้น เนื่องจากน้ำขันแรกเปรียบเสมือนเงินทุนก้อนแรกของเรา
กฎ 5 ข้อซึ่งเป็นวิธีลงมือปฏิบัติให้มีเงิน
ข้อ 1.มีความตั้งใจจะเก็บเงินล้านได้จริง
ข้อ 2.เขียนประโยคว่าจะเก็บเงินได้ล้านติดไว้บนโต๊ะทำงาน
ข้อ 3.เลิกใช้บัตรเครดิต
ข้อ 4.ทำบัญชีเงินแต่ละประเภทแยกไว้ตามการใช้งาน
ข้อ 5.สร้างเงินสิบล้านให้ได้ก่อน
เวลาอยากทำอะไรให้สำเร็จ ต้องมีใจอยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริงอย่างแน่วแน่ ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ลองพูดคนเดียวดูว่า “ฉันจะต้องยุติความยากจนของครอบครัวเราลงให้ได้ จะต้องเป็นคนรวย และได้รับความเคารพจากทุกคน ฉันอยากมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องคนที่รักกับครอบครัว” ชั่วขณะที่พร่ำบอกกับตัวเอง คำพูดจะทรงพลังขึ้น นำไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง หากไม่ยอมเปล่งเสียง ความคิดจะติดอยู่แค่ในใจ สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำ ต้องพูดคำพวกนี้ทุกวันให้คล่องปาก ถ้ารู้สึกลำบากหรือทุกข์ใจให้พูดซ้ำ ๆ สิ่งนี้คือจุดเริ่มต้น
หนี้ดีหนี้เสีย
ในโลกนี้มีทั้งหนี้สินที่ดีและไม่ดี หนี้ดีเพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจ สมการในวิชาบัญชีคือ เงินทุนบวกหนี้สินเท่ากับทรัพย์สิน ความจริงในทางบัญชีมีคำศัพท์เฉพาะมากมาย เช่น ทรัพย์สิน เงินทุน และมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ สินทรัพย์ เป็นต้น ขณะที่คนทั่วไปคิดง่าย ๆ แค่ว่า หลังจากหนี้หมดแล้วก็มีมูลค่า ด้วยเหตุนี้ถ้าคิดว่าหนี้สินคือเงินของคนอื่นก็ควรหลีกเลี่ยง หลังจากยืมเงินของคนอื่น เงินนั้นจะกลายเป็นเงินเราไปโดยปริยาย เพราะเป็นทรัพย์สินเราแล้ว จะใช้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ถ้าสิ่งที่นำไปใช้ก่อให้เกิดทรัพย์สินอื่น ๆ ตามมายิ่งติดหนี้ก็จะยิ่งร่ำรวยขึ้น เพียงแต่ห้ามลืมเงื่อนไขเด็ดขาดว่า จะต้องใช้เงินก้อนนี้อย่างถูกต้องและเหมาะสม หนี้สินถึงจะกลายเป็นหนี้ดีได้ และถ้าพลาดก็จะกลายเป็นหนี้เสียทันที เดิมทีหนี้สินไม่ได้ถูกกำหนดตายตัวว่า เป็นหนี้ดีหรือหนี้เสียตั้งแต่แรก แต่ตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้มอบตำแหน่งเพื่อนหรือศัตรูให้ มาดูวิธีการสร้างหนี้สินให้เป็นหนี้ดีกันดีกว่า ข้อแรกห้ามนำไปใช้บริโภคใช้จ่ายอย่างขาดสติ ใช้ท่องเที่ยวหรือนำไปหมุนใช้จ่ายหนี้ก้อนอื่น การใช้เงินแบบนี้จะเรียกเป็นหนี้เสียทันที ต้องมีหนี้เพื่อเพิ่มทรัพย์สินหรือกำไรให้มากขึ้น
ข้อ 2 ต้องมีรายได้แน่นอน และการใช้หนี้สินก้อนนี้สร้างรายได้ก็คงดีขึ้น
สุดท้ายอัตรากำไรทรัพย์สินตัวเอง (return on equity หรือ roe) จะต้องสูงกว่าดอกเบี้ยที่เกิดจากการลงทุน หากกำไรจากการลงทุนน้อยกว่ากำไรของหนี้ หนี้สินนั้นจะกลายเป็นหนี้เสียทันที หรือจะมองง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้ หนี้ที่เอาเงินไปจากกระเป๋าคือหนี้เสีย ส่วนหนี้ที่เอาเงินมาใส่ไว้ในกระเป๋าคือหนี้ดี หนี้ที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือหนี้เสีย ส่วนหนี้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมคือหนี้ดี
จงเฝ้าสงสัยต่ออิทธิพลของผู้อื่นบนโลกนี้เสมอ
ในโลกแห่งการลงทุนไม่ว่าจะเป็นพนักงานธนาคาร พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนรุ่นพี่หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ผู้ว่าการธนาคาร ผู้รับผิดชอบกองทุนที่ดีที่สุดในโลก ก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนได้ ต้องคิดทบทวนและพิจารณาด้วยตัวเอง ต้องเรียนรู้และตัดสินทุกกระบวนการเพียงลำพัง เนื่องจากคนที่ตอบปัญหาเรื่องการลงทุน เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และผลการคาดเดาเวลาซื้อขาย เป็นคนที่รู้เพียงผิวเผิน ในขณะที่ผู้เชียวชาญตัวจริงจะไม่มีวันบอกเด็ดขาด ในการลงทุนจะต้องเรียนรู้และมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับเทคนิคการเก็บออมเงินที่จำเป็นต้องเรียนรู้ และผ่านประสบการณ์นั้นมาด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ไม่มีใครทำแทนได้ การรับฟังและเชื่อความคิดเห็นของคนอื่น หรือคนที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน มีแต่จะทำให้ถดถอยลง จงเป็นบุคคลสำคัญเสียเอง จงสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง เฝ้าสงสัยอิทธิพลของผู้อื่นบนโลกนี้อยู่เสมอ อย่าเป็นคนที่ถูกชักจูงได้โดยง่าย จงสร้างกฎกติกาด้วยตัวเอง วันที่กฎของตัวเองสร้างขึ้น กฎอื่นบนโลกนี้ก็จะหายไป แล้ววันนั้นจะยืนหยัดได้อย่างสง่างาม
เวทมนต์ 7 ประการในการหาเงิน
1.จงทิ้งนิสัยทุกอย่างที่ทำให้เป็นคนไม่น่าคบ ไม่ว่าจะเป็นการก่นด่า บ่นพึมพำ นั่งด้วยท่าทางไม่เรียบร้อย การเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น สวมใส่เสื้อผ้าสกปรก ไปนัดสาย หรือการเปลี่ยนใจกระทันหัน
2.อย่าลังเลใจที่ขอความช่วยเหลือ มีผู้คนมากมายยินดีจะตอบคำถาม และช่วยเหลือเสมอ
3.จงพร้อมที่จะเสียสละเล็กน้อยเพื่อเป้าหมายเล็ก ๆ เสียสละมากหน่อยเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น
4.จงบันทึกและเรียบเรียงข้อมูล ประวัติการลงทุน ไอเดียที่เกิดขึ้นกะทันหัน นามบัตร ชื่อเว็บไซต์ และรายการสินค้าที่จำเป็นต้องซื้อ แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบ
5.จงมีเป้าหมายระยะยาว จงหาคุณค่าที่คุณคู่ควร แล้วพร้อมจะรักษาไปชั่วชีวิต
6.อย่าคิดว่าต้องได้รับความรักความเมตตาจากทุกคน อย่าพยายามเอาใจคนอื่นจนเกินไป อย่าผูกชีวิตตัวเองไว้กับผู้คนรอบข้าง เพื่อนแท้มีแค่2 คนก็มากพอแล้ว จงเลิกคบกับคนที่มองโลกในแง่ร้าย แต่จงคบกับคนที่ดีกว่าคุณ
7.อย่าคิดว่าตัวเองมีเวลามาก คนที่ยังอายุน้อยยิ่งลงทุนเร็วขึ้น 1 ปีก็ยิ่งรวยเร็วขึ้น 1 ปี
มี 2 วิธีที่จะทำให้พนักงานบริษัทร่ำรวยขึ้น
เหตุผลที่คนเราไปทำงานมีปัจจัย 3 ข้อใหญ่ ๆ คือ 1.งานนั้นทำให้มีชีวิตมั่นคง 2.เพราะตัวเองไม่กล้าจะลงทุนในธุรกิจส่วนตัว และ 3. อาจไม่มีเงินทุนและไอเดียมากพอ เลยต้องทำงานให้คนอื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่จะทำให้คนกลุ่มนี้ร่ำรวยขึ้นคือ การขึ้นเป็นประธานกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุด ทว่าหน้าที่ของประธานกรรมการ หรือผู้บริหารสูงสุดไม่เหมือนพนักงานทั่วไป ไม่ใช่คนที่รับคำสั่งทำงานให้จบไปวัน ๆ แล้วรอรับเงินเดือน แต่เป็นคนที่ให้เงินเดือน และสั่งงานควบคู่ไปกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำ เสมือนตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท คนที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ ต้องไม่คิดว่าตัวเองทำงานตามที่คนอื่นสั่งเท่านั้น แต่ต้องคิดว่าตัวเองคือบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนเจ้านายและบริษัทที่ทำงานอยู่คือลูกค้า
เมื่อกำหนดให้ตัวเองเป็นบริษัทแห่งหนึ่ง ความรับผิดชอบจะเพิ่มสูงขึ้น อยากปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น ขวานขวายพยายามไม่หยุดนิ่ง ยิ่งรายได้ของลูกค้าเพิ่มขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตาม นี่คือปัจจัยไปสู่การเลื่อนขั้น หลักของคนที่ประสบความสำเร็จในที่ทำงานนั้นง่ายมาก การทำงานอย่างจริงใจเหมือนเป็นงานของตัวเอง เขียนรายงานและเอ่ยทักทายเจ้านาย ในบริษัทเล็ก ๆ หากเราทำได้ขนาดนี้ อีกไม่กี่ปีจะต้องได้เป็นผู้บริหาร ส่วนวิธีอื่นที่จะทำให้คุณร่ำรวยขึ้น เมื่อยังทำงานเป็นพนักงานบริษัทคือ การลงทุน จงเก็บเงินให้ได้มากกว่า 20% ของรายได้ และนำมาสร้างเป็นเงินทุนก้อนแรกใช้ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าคิดว่าไม่มีโอกาส ไม่มีใจอยากจะประสบความสำเร็จผ่านการเลื่อนขั้น ต้องศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนอย่างจริงจัง
หากไม่ลงทุนหวังแค่เงินเกษียณเมื่อเข้าสู่วัยชรา จะเสียใจอย่างหนัก สมัยนี้ไม่มีงานที่มั่นคงแบบนั้นอีกแล้ว โปรดอย่าคิดว่าจะลงทุนด้วยการเก็บออมเงินเท่านั้น ในปัจจุบันนี้การออมเงินไม่ใช่การลงทุนอีกต่อไป รวมทั้งเงินฝากประจำและประกันภัยด้วย ต้องเรียนรู้เทคนิคและหาเงินให้ได้มากกว่าค่าครองชีพที่พุ่งขึ้นสูงขึ้นทุกวัน ต้องพยายามจนกว่าจะหาเงินได้มากกว่าดัชนีหุ้นโดยเฉลี่ย แต่ถ้าไม่มีทักษะด้านนี้จริง ๆ อย่าลืมเอ่ยทักทาย ทำรายงาน เคารพเจ้านายตัวเองทุกวัน
โค้ช (การจัดสรรสินทรัพย์)
หรือนักกีฬา (ตำแหน่ง) สำคัญกว่ากัน
ระหว่างโค้ชกับนักกีฬา ใครที่มีผลต่อการแพ้ชนะของเกมมากกว่ากัน กีฬาที่เล่นเป็นทีมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโค้ชมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แม้สมาชิกในทีมจะเหมือนเดิม ในกรณีที่นักกีฬาฝีมือตก ทางทีมจำเป็นต้องหาโค้ชมาปรับกลยุทธ์กับยุทธศาสตร์การเล่น เปลี่ยนหน้าที่ภายในทีม จนกว่านักกีฬาจะแสดงศักยภาพออกมาได้ สิ่งเหล่านั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของโค้ช เพราะเป็นคนตัดสินใจว่า จะทำให้นักกีฬาคนไหนลงสู่สนามแข่งเมื่อไหร่ และจะได้เปลี่ยนตัวออกตอนไหน ต้องเลือกวางแผนผู้เล่นประกบกับทีมฝ่ายตรงข้าม การตัดสินใจของโค้ช จึงส่งผลต่อศักยภาพของทีมเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากเงินแต่ละก้อนมีระยะเวลาและเป้าหมายแตกต่างกัน จึงควรจัดสรรสินทรัพย์ก่อนการลงทุน ต้องกำหนดว่าการลงทุนด้วยวิธีการใด อย่างไร ที่ไหน การจัดสรรสินทรัพย์หรือการกำหนดทิศทางของการลงทุน หลังจากแบ่งสัดส่วนของเงินทุนตามระยะเวลาลงทุน กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk tolerance) เป็นการสร้างสินทรัพย์ให้ตรงกับเป้าหมายของผู้ลงทุน โดยทรัพย์สินแต่ละชนิด ได้รับอัตรากำไรตามเงื่อนไขทางสังคม กับสภาพทางการเมืองที่แตกต่างกัน เรียกสิ่งนี้ว่าพอร์ตโฟลิโอ ใช้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามเกิดวิกฤติร้ายแรงขึ้น
ทั้งนี้เป็นเพราะนักลงทุนแต่ละคนมีอายุและรายได้แตกต่างกัน จึงมีแผนการที่ใช้เงินกับกำไรที่มุ่งหวังแตกต่างกันไป ข้อแรกควรตรวจสอบสถานะทางการเงินของตัวเอง ข้อ 2.ต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ข้อ 3.ตั้งค่าความเสี่ยงที่พอรับได้ ต้องแบ่งเงินลงทุนในรายการต่าง ๆ ตามตัวแปรที่เลือกไว้ การจัดสรรสินทรัพย์ที่ดีถือเป็นกำไรทั้งหมดของการลงทุน เป็นการใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทุกกองทุนมีนโยบายจัดสรรสินทรัพย์อย่างเป็นรูปประธรรม เนื่องจากเป็นปัจจัยปกป้องไม่ให้ทรัพย์สินสูญหาย หากไม่มีนโยบายดังกล่าว กำกับทรัพย์สินทั้งหมดก็อาจจะละลายหายไปในวันหนึ่ง ไม่ว่าที่ผ่านมาจะหาได้มากแค่ไหน สุดท้ายก็อาจไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นโปรดจงใส่ใจการจัดสรรสินทรัพย์ให้มากเป็น 9 เท่าของทรัพย์สินที่ลงทุน
เราต่อรองกับธนาคารได้
การเสนอสิทธิทางเลือกแบบจำกัดส่วนใหญ่ สิ่งนั้นไม่ใช่สิทธิ์สุดท้ายที่เลือกได้ และบางครั้งการไม่เลือกเลยถือเป็นทางเลือก โดยทั่วไปร้านค้าชื่อดัง มีโอกาสที่จะถูกลูกค้ายกเลิกการจองในนาทีสุดท้ายหรือมาไม่ได้กระทันหัน แต่เพื่อมาตรฐานของร้านจำเป็นต้องยึดหลักนโยบายการจองเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางบอกลูกค้าที่ไม่ได้จองล่วงหน้าว่ามีที่นั่งเหลือ หากแต่งกายเรียบร้อย พูดจาสุภาพ รอคอยโอกาส ร้านส่วนใหญ่ก็มักจะมีโต๊ะเหลือให้ทั้งนั้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก อย่าคิดว่าตัวเองเลือกได้เฉพาะแค่ตัวเลือกในกระดาษคำตอบ เนื่องจากนิสัยดันทุรั้งทำให้ดูไร้มารยาทและไม่น่าคบค้า แต่จงขอร้องด้วยเหตุผลและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง สิ่งนี้ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียหายได้
วัตถุดิบอาหารที่ต้องทิ้งไม่ทำให้ร้านที่มีเกียรติขึ้น แต่ควรช่วยเพิ่มรายได้ให้กับทางร้านมากต่างหาก ส่วนธนาคารก็จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง ขอให้ไม่ลืมว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ต่อรองได้ โชคชะตากำหนดขึ้นจากการเลือกของตัวเอง หากเชื่อว่ามีสิทธิ์เลือกเฉพาะสิ่งที่คนอื่นกำหนดไว้ นี่ไม่ใช่ชีวิตเราแต่เป็นชีวิตที่คนอื่นสร้างขึ้น ต้องเพิ่มอำนาจในการเลือก ต้องเลือกสิ่งที่มอบกำไรสูงสุดให้กับตัวเอง สามารถขอร้องทางเลือกอื่นได้ โปรดจำไว้ว่าบางครั้งการไม่เลือกอะไรเลย อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
คนที่มีความสามารถในการจับมีดที่ตกแล้ว
การจะจับมีดที่กำลังตกได้ ต้องรู้มูลค่าของบริษัท ไม่ใช่ราคาหุ้น หากตลาดเกิดวิกฤต เมื่อหุ้นที่สนใจตกต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ควรซื้อเก็บไว้ นี่คือกฎของการลงทุน ทว่าจะใช้กฎนี้ได้ก็ต่อเมื่อรู้มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทดังกล่าว คนที่ตั้งใจจะลงทุนในมูลค่าของบริษัท เมื่อมีดตกต้องซื้อหุ้นพวกนั้นทันที อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ก็ไม่มีใครใจกล้าพอที่จะจับมีด คนที่ไม่กล้าจับมีด ราคาก็จะยิ่งตกก็จะยิ่งถอดใจ ถอยห่างจากโลกของการลงทุนไกลขึ้นอีก
หากมีรายการโทรทัศน์ที่เน้นวิเคราะห์การลงทุนจากมูลค่าของบริษัทที่ไม่ใช่ราคาซื้อขายน่าจะดีกว่าการโทรไปถามว่าหุ้นตัวนี้จะขึ้นหรือตกและตอบตามราคาในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายรายการหุ้นพวกนี้ไม่ใช่แค่สถิติหรือกราฟมาคาดเดาราคาแต่ไม่ใช่สามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงในตลาดได้เป็นเพียงการซื้อขายหุ้นในตลาดที่ไม่ใช่การลงทุนดังนั้นคนที่ลงทุนหุ้นแล้วขาดทุนเป็นคนที่ได้มาแล้วเสียไป
สมัยผู้เขียนอายุ 30 กว่า ๆ ได้เรียนรู้กลยุทธ์วิเคราะห์ชาร์ต ได้ลองเล่นหุ้นเป็นครั้งแรก ก่อนที่ทรัพย์สินทั้งหมดจะอันตรธานหายไป ด้วยการวิเคราะห์ผิดพลาดนี้ 20 ปีหลังจากนั้น เขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับตลาดหุ้นอีกเลย อนาคตเป็นสิ่งสดใหม่เสมอ ไม่มีใครวาดอนาคตโดยเทียบกับอดีตได้ การลงทุนด้วยพื้นฐานของข้อมูลในอดีต อาจได้กำไรบ้าง ทว่าข้อมูลใหม่ ๆ ของสังคมยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนโฉมหน้าของอดีตไปจนไม่เหลือเค้าเดิม พอรู้ตัวอีกทีทรัพย์สินก็ละลายหายไปจนหมดเกลี้ยง
ที่ผ่านมาไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นการเก็งกำไรหรือการพนัน ต้องใช้เวลาเรียนรู้ผ่านการลงทุนที่ผิดพลาด ต้องรวบรวมทรัพย์สินอยู่อีกนานหลายปีกว่าจะจ่ายหนี้หมด ระยะเวลา 20 ปีที่ไม่กล้าลงทุน ก็ถือว่าผ่านไปอย่างไร้ค่าจริง ๆ กว่าจะถึงวันที่ กล้า พอที่จะจับมีด วันที่จับมีดแล้วไม่มีบาดแผล จับมีดได้อย่างมั่นคง รอคอยฤดูการเก็บเกี่ยวมาถึง อายุผู้เขียนก็ปาไป 50 กว่าปีแล้ว ถึงอย่างนั้นการเข้าใจความจริงในวัยนี้ก็ถือว่าเป็นความโชคดี
นักบัญชีที่แตกฉานงบการเงินน่าจะเก่งเรื่องการลงทุนด้วยใช่ไหม
การลงทุนในเชิงมูลค่า ซื้อหุ้นของธุรกิจที่มีความเป็นไปได้สูงกว่าในราคาที่เหมาะสม การขายได้ในราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริง เครื่องมือที่จะทำให้ทุกคนรู้มูลค่าดังกล่าวในวงการเร่งหุ้นได้คือ งบการเงินของบริษัทนั้น ๆ ทว่าโดยปกติแล้วคนทั่วไปไม่มีทางเข้าใจเรื่องงบการเงินได้อย่างง่าย เพราะข้อมูลทั้งหมดเขียนขึ้นด้วยคำศัพท์เฉพาะทาง ถึงดูก็ใช่ว่าจะเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นนักบัญชีที่เก่งเรื่องงบการเงิน น่าจะเก่งเรื่องการลงทุนด้วยใช่ไหม การลงทุนแบ่งออกเป็นข้อมูลกับหลักจิตวิทยา ความสามารถในการเข้าใจและวิเคราะห์งบการเงินคือข้อมูล ทุกคนจึงควรอ่านงบการเงินซึ่งเปรียบเสมือนรีวิวของหุ้น หรือใบแสดงผลการเรียนทางธุรกิจชนิดหนึ่ง ไม่มีอะไรยืนยันแนวโน้มการเติบโตในภายหน้าของบริษัทได้ดีเท่างบการเงิน อีกทั้งตรวจสอบผลประกอบการในอดีต และคาดคะเนไปถึงอนาคตได้
อย่างไรก็ตามในโลกแห่งการลงทุน ความน่าจะเป็นคือพื้นฐานไปสู่ความสำเร็จ เพราะประเด็นสำคัญคือต้องลดทอนความล้มเหลวให้เหลือน้อยที่สุด ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จถึงจะสูงขึ้น กล่าวง่าย ๆ ก็คือ การลดความเสี่ยงเป็นทางลัดไปสู่ความสำเร็จ
สิ่งนี้ทำให้เห็นข้อสรุปล่วงหน้า ผู้เชียวชาญเฉพาะทางมากมาย ซึ่งไม่สามารถนำความรู้ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ปัญหานี้แก้ได้ง่าย ๆ ลองจินตนาการว่าเป็นประธานบริษัทที่ตัวเองกำลังลงทุนอยู่ ลองสั่งให้ลูกน้องนำงบการเงินเดือนนี้มาให้ดู ถ้าอยากจะเข้าใจสภาพทางการเงินของบริษัทตัวเอง การมีหุ้นบริษัทนั้นเท่ากับเป็นเจ้าของส่วนหนึ่ง หากมีส่วนไหนไม่เข้าใจ จะพยายามเรียนรู้และเฝ้าถามโดยอัตโนมัติ
กฎการลงทุนในแบบฉบับของจิม คิม
- ถอยห่างจากงานที่หาเงินได้อย่างรวดเร็ว
- อย่าลงทุนกับทุกสิ่งที่ส่งผลเสียต่อชีวิต
- ไม่ทำงานที่ไม่ลงทุน
- หาเงินด้วยเวลา หาเงินซื้อเวลา
- ไม่ไล่ตาม
- ลงทุนในภาวะวิกฤต ซื้อหุ้นตามมูลค่า หลุดพ้นจากความโลภ
- หุ้น 5 ปี อสังหาริมทรัพย์ 10 ปี
- ถ้าไม่ใช่ที่ 1 ก็ให้เลือกที่ 2 แต่ให้ตัดที่ 3 ทิ้งไป
หาเงินเพื่อซื้อเวลา มอบเวลาให้กับตัวเองเรียนรู้ พบผู้เชียวชาญ รับข้อมูลที่เหนือกว่า ทั้งหมดนี้ทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นอีก ธุรกิจบางอย่างต้องขึ้นเป็นที่หนึ่งเท่านั้นถึงจะมีอำนาจในการกำหนดราคา เป็นสิทธิพิเศษของผู้นำในวงการธุรกิจ
วิธีสอนให้ลูกเป็นคนรวย
ปัญหาก็คือพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ถ่ายทอดให้ลูกเข้าใจไม่ได้ เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะคนที่จะใช้วิธีนี้สอนและสนับสนุนลูกได้ต้องเริ่มทำด้วยตัวเองก่อน อาชีพในฝันของเด็กประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย สุดท้ายแล้วทุกความฝัน ล้วนมีเป้าหมายในการหาเงินได้มาก ๆ หรือไม่ก็ได้รับเงินเดือนอย่างมั่นคง ถ้าสมมุติว่าลูกไม่ชอบเรียนหนังสือ ต้องออกคำสั่งถึงจะยอมตั้งใจเรียน งานซึ่งเหมาะสมกับอุปนิสัยของลูกที่สุด คนที่ทำงานนี้ได้จะต้องดื้อรั้น หัวแข็ง ชอบต่อต้าน อาชีพนี้ก็คือผู้ประกอบการ (entrepreneur) อาชีพผู้ประกอบการทำอะไรได้ตามใจชอบ เป็นคนจ้างผู้คนมากมายหลากหลายทักษะให้มาช่วยทำงานให้ หรือร่วมทำงานไปกับพวกเขา
การจะสอนวิธีนี้ให้ลูกโตขึ้นไปเป็นผู้ประกอบการได้ ต้องเริ่มจากการทำสมุดบัญชีหุ้นไว้ให้ลูกตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วงวัยมัธยมต้นถือว่าดีที่สุด หรือจะเป็นวัยมหาวิทยาลัยก็ได้ ใส่เงินก้อนแรกเท่ากับค่าเรียนพิเศษประมาณ 1 เดือนหรือ 2 เดือน 70% ของเงินให้ซื้อหุ้นซึ่งมีราคาแพงและมีศักยภาพสูงที่สุด ส่วนอีก 30% ที่เหลือ ให้ลูกเลือกด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงในท้องตลาด สินค้าที่ลูกใช้เป็นประจำทุกวัน หรือธุรกิจที่มีสถานที่ให้บริการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน เพื่อสรุปรายชื่อหุ้นที่จะเลือกซื้อ ใช้โอกาสนี้สอนคำศัพท์เฉพาะทางเศรษฐศาสตร์ เช่น เงินปันผล มูลค่าบริษัท แบรนด์ และพันธบัตร ไม่ว่าจะยามหุ้นขึ้นหรือหุ้นตก ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ในท้องตลาดให้ลูกฟัง
ถ้าพวกเขาได้ซื้อหุ้นด้วยตัวเอง ถ้าเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของเงินสดภายในบัญชี การเรียนรู้เศรษฐกิจ การดำเนินงานของบริษัท ด้วยวิธีนี้แตกต่างจากการเรียนทฤษฎีเป็นไหน ๆ ถ้าลูกเริ่มสนใจเขาจะศึกษาด้วยตัวเอง และอาจกลายเป็นอัจฉริยะแห่งวงการธุรกิจ โลกนี้ไม่ได้มีแค่อัจฉริยะในการเรียนดนตรีหรือนักกีฬา หากสอนเรื่องธุรกิจให้ลูก พวกเขาก็อาจจะเป็นอัจฉริยะในศาสตร์นี้ก็ได้ การเล่นหุ้นจำเป็นต้องมีเงินเดิมพัน เนื่องจากการมีบัญชีหุ้นเป็นของตัวเองจะช่วยกระตุ้นให้ลูกสนใจยิ่งขึ้น สอนให้เขาเข้าใจด้วยตัวเองว่า การจะเป็นนักลงทุนหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเข้าใจธุรกิจ เข้าใจประเทศ เข้าใจเศรษฐกิจโลก สิ่งนี้เป็นเครื่องมือทำให้ลูกเป็นกลไกการบริหารงานภายในสังคม
หากลูกอยากทำธุรกิจหรือก่อตั้งบริษัทเอง ต้องมองหาที่เรียนซึ่งเหมาะสมกับเขา ตอนนี้พวกเขาแค่ไม่รู้ว่า ทำไมวิชาคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษถึงสำคัญมาก แต่ครั้งรู้ตัวว่าต้องการความรู้ในระดับที่สูงกว่า ก็จะขวานขวายจนสอบเข้ามาหาวิทยาลัยได้ในที่สุด ถ้าคิดว่าความรู้อะไรจำเป็นสำหรับลูก ก็ให้พาไปอบรมเพิ่ม พาไปเข้าร่วมกับการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น สร้างแรงบันดาลใจด้วยการพาลูกไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หรือองค์กร ให้เขาได้เห็นเส้นทางความฝันของผู้บริหารทั้งหลาย
ถ้ายังเก็บหุ้นบริษัทซัมซุงเอาไว้
นักลงทุนมักคร่ำครวญด้วยความเสียดายเสมอว่า ไม่น่าขายหุ้นตัวนั้นทิ้งไปเลย น่าจะเก็บเอาไว้เฉย ๆ ไม่งั้นป่านนี้ก็รวยไปนานแล้ว เพราะว่าราคาหุ้นสมัยนั้นขึ้นเป็น 2 เท่า ตอนที่ขายก็คิดว่าตัวเองโชคดีมากแล้ว ภายหลังหุ้นตัวนั้นราคาดีดสูงขึ้นไปอีก แต่ไม่กล้าพอที่จะซื้อคืนด้วยราคาที่แพงกว่าตอนขาย นักลงทุนมีอยู่ 2 รูปแบบคร่าว ๆ คือนักลงทุนระยะยาวกับนักลงทุนระยะสั้น ทว่าในทั้ง 2 ประเภทนี้ ยังแบ่งออกเป็นนักลงทุนระยะเวลาที่สั้นมาก กับนักลงทุนซึ่งมุ่งเน้นซื้อหุ้นของบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง แล้วถือยาวไปตลอดชีวิต ไม่ปล่อยขาย ซึ่งนักลงทุนมูลค่าจัดอยู่ประเภท 1 เพราะถึงจะมองเป็นมูลค่าเป็นหลัก แต่อาจซื้อขายในระยะสั้น เช่น ทันทีที่ซื้อราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วเกินกว่ามูลค่ามาตรฐาน ก็อาจจะขายทิ้งโดยไม่เกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่ครอบครอง ดังนั้นไม่ได้กำลังจะบอกว่าการถือครองหุ้นไว้นาน ๆ เป็นเรื่องดี เพียงแต่คิดว่าการมีหุ้นที่สมควรเก็บไว้ตลอดชีวิต นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
มารยาทสากลกับการก้าวขึ้นไปสู่เวทีระดับนานาชาติ
ผู้เขียนพาลูกศิษย์ซึ่งเป็นนักธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชุงอัง หลักสูตรผู้บริหารนานาชาติ 2 ปี ไปดูงานที่นิวยอร์กกับลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นทริประยะสั้น 1 สัปดาห์ เน้นการลงพื้นที่จริง เพื่อศึกษาโครงสร้างธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐอเมริกา พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้บริหารที่อยากขยายธุรกิจ จากประเทศเกาหลีไปเปิดตลาดทั่วโลก เพราะว่าเมื่อถึงที่หมายแล้ว แม้พวกเขาจะเป็นเจ้าของแบรนด์ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศเกาหลี แต่กลับไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทสากลเท่าไหร่ หลังจากเห็นพวกเขาปฏิบัติตัวแบบคนเกาหลี ต่างจากนักธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้ว ก็เริ่มหวั่นใจความจริงการกระทำบางอย่างอาจถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครตำหนิหรือเก็บไปพูดลับหลังได้ หลายคนแม้จะเป็นเจ้าของบริษัทที่เอ่ยชื่อไปคนเกาหลีส่วนใหญ่ก็รู้จัก แต่กลับปฏิบัติตัวเหมือนเด็กอนุบาล จึงย่อมารยาทที่ทุกคนพึงรู้รวมไว้ที่นี่ คือ
เมื่อเข้าไปในร้านอาหาร ให้รอที่บริเวณทางเข้าจนกว่าจะมีพนักงานออกมาต้อนรับ อย่าเดินดุ่ม ๆ เข้าไปนั่งโต๊ะเลย เวลาเดินบนท้องถนนต้องระวังอย่าชนคนอื่น เวลาชนกับใครต้องพูดขอโทษอีกฝ่าย เวลากินอาหารอย่าเคี้ยวเสียงดัง อย่าทำให้เศษอาหารตกหล่นเรี่ยราด เวลาเดินทางเดินของโรงแรมอย่าส่งเสียงดังหนวกหู ขณะต่อแถวในพื้นที่สาธารณะ อย่ายืนจ้องคนข้างหน้ามากนัก เวลารับสายโทรศัพท์นอกอาคาร พยายามพูดเบา ๆ เมื่อไปเยี่ยมบ้านคนอื่น อย่าเปิดตู้เย็นตามใจชอบ เวลาไปดูงานหรือเข้าประชุมให้สวมเสื้อใส่อย่างสุภาพ หากต้องไปสำรวจบริษัทคนอื่นอย่าสวมรองเท้าแตะ จงให้ทิปพนักงานในร้านอาหาร แม้จะเป็นร้านอาหารเกาหลีก็ตาม ไปร้านอาหารอยากแกะหีบห่อมากินก่อนจะจ่ายเงิน ทุกคนที่นำกล้องถ่ายรูปติดตัวไปถ่ายรูป ต้องขออนุญาตผู้เกี่ยวข้องก่อน เวลาที่เห็นคนผิวดำอย่าแสดงท่าทางตกใจ อย่าโวยวายหรือแสดงท่าทีว่าไม่เข้าใจ เมื่อเดินมาพร้อมกันหลายคน ให้เดินชิดฝั่งเดียวกัน อย่านั่งบนพื้นที่ของโรงแรม อย่าวางเสื้อผ้ากับกระเป๋าไว้เกลื่อนกลาดในห้องของโรงแรม อย่าทำห้องพักรกจนดูเหมือนถังขยะ เมื่อออกจากห้องควรวางทิปไว้บนหมอน 1-2 ดอลลาร์
จงหวีผม ถ้าจะไว้หนวดก็ควรจัดแต่งให้ดี หรือถ้าไม่ก็ควรโกนทิ้งให้หมด เวลาที่ชาวต่างชาติพูดภาษาเกาหลีด้วยกรุณาตอบเป็นภาษาเกาหลี อย่าถามเรื่องอายุ หากมีคนเดินมาด้านหลัง ต้องช่วยจับประตูให้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้หญิง อย่าจับชายเสื้อของพนักงานเสิร์ฟ อย่าเรอ อย่าเกาหู เวลาสนทนาให้สบตา อย่าลูบปากด้วยมือ อย่าแต่งหน้าเพิ่มในพื้นที่สาธารณะ อย่ามอบธงชาติเกาหลีให้ใคร อย่าเก็บกิมจิไว้ในห้องของโรงแรม สิ่งนี้คือองค์ความรู้สำหรับผู้บริหารอย่างแท้จริง เนื่องจากมารยาทคือการศึกษา ความเคยชินเป็นการแสดงท่าทางความเคารพ และเอาใจใส่อีกฝ่าย ความสำเร็จระดับสากลจึงเริ่มต้นขึ้นที่มารยาท
กลยุทธ์ถอนตัวของคุณคืออะไร
คนที่ทำธุรกิจหรือก่อตั้งบริษัทในยุคปัจจุบัน จะต้องมีกลยุทธ์ถอนตัว (exit stategy) เตรียมพร้อมไว้เสมอ กลยุทธ์ถอนตัวมักจะถูกวางไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งบริษัท ซึ่งเป็นทิศทางหนึ่งของบริษัท ทว่าหลายคนทำธุรกิจ แต่ไม่เคยกังวลใจเรื่องกลยุทธ์ถอนตัว บางคนไม่เคยได้ยินคำศัพท์นี้มาก่อนด้วยซ้ำ เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจใด อย่าคิดว่าธุรกิจนั้นจะดำเนินต่อไปได้ชั่วชีวิต ธุรกิจที่ทำเช่นนั้นได้มีน้อยกว่าที่คิดมาก ในยุคปัจจุบันสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยตัวแปรสำคัญคือ ความสามารถและฐานะทางการเงินของเรา
โดยทั่วไปธุรกิจมีกลยุทธ์ถอนตัว 3 รูปแบบ ผู้ตัดสินใจจะต้องเลือกรูปแบบซึ่งส่งผลดีต่อตัวเองมากที่สุด เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะดีแค่ไหน แต่หลายปีผ่านไปก็อาจจะชะลอการเติบโต มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น การขายทิ้งจะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ถอนตัว มีบางบริษัทใช้กลยุทธ์ถอนตัวในรูปแบบที่ 2 ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นได้อีก หรือยึดครองตำแหน่งในแวดวงอุตสาหกรรมได้แล้ว ซึ่งแม้แต่การเติบโตเต็มที่ ก็ยังสร้างรายได้ระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ถอนตัวรูปแบบนี้คือ การเสนอขายหุ้นบริษัท IPO (Initial Public Offering) หรือการโอนถ่ายธุรกิจให้กับบริษัทใหญ่ เรียกว่าการควบรวมกิจการ
เหตุผลที่บริษัทพยายามผลักดันการเสนอขายหุ้นมี 2 ปัจจัยหลัก หนึ่งคือบริษัทขยายใหญ่เกินไป จนไม่สามารถบริหารงานในฐานะบุคคลทั่วไปได้อีก เลยต้องเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลทั่วไป สองมีการวางแผนว่าหลังจากเพิ่มทุนแล้ว จะยึดครองตลาดให้ได้เด็ดขาด ปัจจัยแรกผู้ก่อตั้งตั้งใจจะขายทิ้ง ปัจจัยที่สองผู้ก่อตั้งตั้งใจจะปลุกปั้นบริษัทให้เติบโตขึ้นกว่าเดิม ส่วนกลยุทธ์ถอนตัวข้อสุดท้ายคือไร้แผน เป็นกลยุทธ์สำหรับธุรกิจที่แบรนด์มีอำนาจมาก สามารถขยายอาณาจักรธุรกิจได้ออกไปเรื่อย ๆ อาจกำลังยึดครองตลาดเพียงผู้เดียว เพราะไม่มีใครสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้เท่านี้อีกแล้ว และสามารถดำรงต่อได้ชั่วชีวิต
คนที่ดำเนินธุรกิจจะต้องศึกษากลยุทธ์ถอนตัวสามรูปแบบนี้ล่วงหน้า ต้องพิจารณาว่าธุรกิจของตัวเองเหมาะสมกับรูปแบบใด อนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไรต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะถ้ามีความพร้อมในทุกด้าน จะดำเนินธุรกิจไปตามที่ทางที่วางไว้อย่างรัดกุม
สุดท้ายแล้วธุรกิจคือการทำอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับการเงิน
ปัจจัยสามประการแห่งการผลิตคือที่ดิน แรงงาน และเงินทุน เป็นทฤษฎีที่เกิดขึ้นสมัยการเกษตรมีบทบาทสำคัญ ในยุคปัจจุบันนี้ปัจจัยทั้งสามเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ และการเงิน ธุรกิจมีอสังหาริมทรัพย์เป็นพื้นฐาน เพราะบางธุรกิจต้องมีโรงงาน สำนักงาน หรือร้านค้า อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดมีมูลค่า มูลค่านี้คือจำนวนเงินที่แท้จริง ซึ่งได้รับการคำนวณด้วยตัวเลขแน่ชัด แม้จะเป็นทรัพย์สินที่มีราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่สร้างดอกเบี้ย หรือจ่ายเงินส่วนแบ่งให้ได้ ธุรกิจต้องใช้อสังหาริมทรัพย์ ค่าเช่ามีผลต่อกำไรและส่วนแบ่งโดยตรง ธุรกิจที่ดีสามารถเปิดได้ทุกที่ หากเจ้าของธุรกิจมีศักยภาพเพียงพอ ในการจ่ายค่าเช่า จะถือว่าเขามีความสามารถในการครอบครองทรัพย์สินนั้นด้วย
ถ้าอยากให้ธุรกิจของตลาด และรักษาอัตราการเติบโตได้ตลอดไป บริษัทต้องรวบรวมเงินทุน ควบรวมกิจการ และเสนอขายหุ้นบริษัท ซึ่งทุกกระบวนการนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการเงิน สินทรัพย์ทางการเงิน (financial capital) ตามทิศทางกับประเภทของการลงทุน เป็นตัวกำหนดกำไรส่วนแบ่งและรูปแบบบริษัท บริษัทจะมีแนวโน้มไปทางไหน ขึ้นอยู่กับการเจรจาทางการเงินแทบทั้งสิ้น แม้ธุรกิจตอนนี้จะดำเนินไปได้สวย ทว่าการพัฒนายังไม่จบสิ้นดี ต้องเข้าใจเรื่องเงินลงทุนและโครงสร้างทางการเงิน ถึงจะข้ามไปอยู่ในจุดที่ยืนได้ด้วยตัวเองจริง ๆ การเงินเปรียบเสมือนมีดที่ทั้งคมและมีประโยชน์ สามารถพลิกกลับไปมาได้ทั้งปลายมีดและด้ามมีด ในยามจำเป็น มีดเล่มนี้จะช่วยไล่คู่แข่งของคุณไปให้พ้นทาง ทว่าสถานการณ์พลิกผันปลายมีดจะย้อนกลับมาเล่นงาน อย่าทุ่มเทให้กับธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่จงศึกษาเรื่องอสังหาริมทรัพย์กับการเงินเพิ่มเติมด้วย ผู้บริหารชื่อก้องโลกต่างใช้สองสิ่งเป็นเครื่องมือ หวังว่าจะมุ่งมั่นก้าวไปอยู่ในจุดนั้นให้ได้
คนเก่งก็ตกหลุมพรางได้
ยิ่งเป็นคนฉลาดและไอคิวสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งหลงเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดได้ง่ายขึ้น เพราะพวกเขาเกลียดความไม่แน่นอนเป็นพิเศษ ในขณะที่เศรษฐกิจสั่นคลอน การเมืองยุ่งเหยิง จะมีคนมากมายออกมาอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบคลุมเครือ ก่อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้า ผู้ที่คิดเห็นต่างสุดขั้ว หรือผู้ที่มีความรู้ก้าวหน้า ทุกคนตกหลุมพรางทฤษฎีสมคบคิดได้ทั้งนั้น คนพวกนี้สร้างระบบความเชื่อของตัวเองขึ้นมา มากกว่าจะตอบโต้ด้วยเหตุผล อ้างข้อมูลซึ่งตรงกับจุดยืนทางความคิด โดยไม่ได้ผ่านการวินิจฉัยว่าตรงกับความจริงไหม พาอีกฝ่ายถลำเข้าสู่โลกของตัวเองช้า ๆ ใช้ภาษาทางวิชาการที่ยุ่งยากและซับซ้อน แสร้งทำเหมือนเป็นผู้รู้แจ้งในสิ่งนั้น
มีตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดเจนมาก เวลาเกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์โลก เช่น การเกิดของฮิตเลอร์หรือเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 ผู้คนมักโยงเข้ากับคำทำนายของนอสตราดามุส นักทำนายในยุคกลาง เนื่องจากภาษาของเขาค่อนข้างคลุมเครือ ตีความได้หลายแบบ หรือแม้แต่ข้อสันนิษฐานว่าสหรัฐอเมริกาไม่ได้เดินทางไปเหยียบดวงจันทร์ ผู้คนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อเรื่องพวกนี้ ล้วนมีความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างดี เพราะว่าเมื่อเกิดความคิดว่าตัวเองถูกต้อง สิ่งนั้นก็ประทับลงในสมอง เปรียบเสมือนความเชื่อทางศาสนารูปแบบหนึ่ง ไม่ต้องการหลักฐานหรือตรรกะใด ๆ มารองรับอีก
ในตลาดหุ้นมีทฤษฎีสมคบคิดแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ถ้าหุ้นตกหนักพวกเขาจะรีบตามหาคนที่ทำให้ตลาดดิ่งลงเหว เพราะเชื่อมั่นว่าเรื่องแบบนี้เธอรู้อยู่ก่อนแน่ ๆ ในขณะที่คนมีเหตุผลมากพอ จะครุ่นคิดว่าข่าวลือนั้นจะส่งผลกระทบอย่างไรกับฉันบ้าง ข่าวลือพวกนี้ผสมไปด้วยความคาดเดากับความคาดหวัง ทว่าหากใช้เหตุผลไตร่ตรองให้ดี มายาคติทั้งหลายจะหายไป เหลือแค่ความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อใดที่เราอธิบายเรื่องพวกนี้ได้ด้วยภาษาที่เรียบง่ายที่สุด ก็จะรู้และแยกแยะออกได้ทันทีว่าเป็นเรื่องจริงหรือข่าวลือ ความรอบรู้เป็นเครื่องมือชาญฉลาดที่สุด ในการใช้ตรวจสอบเรื่องราวเกินจริง เรื่องที่กุขึ้น เรื่องหรือที่ถูกบิดเบือน หรือเรื่องที่หลอกลวง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนที่เรียนรู้สูงจะเป็นคนที่รอบรู้ได้ เพราะความรอบรู้นี้ต่างจากความรู้ เกิดขึ้นระหว่างจุดตัดทางความคิดเห็นอันหลากหลาย และเป็นจุดประจบระหว่างปัญญา ความรู้และศีลธรรม
วิธีที่จะไม่ถูกหลอกลวง
สมัยที่ผู้เขียนเป็นหนุ่มเคยถูกหลอกหลายครั้ง ในขณะนั้นคนที่อพยพไปอยู่อเมริกาแรก ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ สุดท้ายก็ไม่ใช่แค่หมดตัว แต่ตกต่ำลงไปกว่านั้น ชีวิตของชาวเกาหลีอพยพ ผู้ทุ่มเทมาตลอด 10 ปี 3,650 วัน กลายเป็นคนที่มีหนี้สินพะรุงพะรัง ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว โชคดีที่หลังจากนั้นผมไม่เคยถูกหลอกอีกเลย แค่ไม่โลภ ไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ชีวิตนี้ก็ไม่มีวันถูกหลอกได้ง่าย ๆ ไม่หวั่นไหวกับคำเชื้อชวนหลอกลวงว่าจะได้กำไรอย่างงาม ลงทุนเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้ และไม่เข้าใกล้สิ่งที่เสี่ยงในอันตรายเกินไป การถูกหลอกลวงไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเช่นเดียวกับอุบัติเหตุ คนที่เคยมีประสบการณ์ถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าได้ทบทวนตัวเองจะเข้าใจดี แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็มีสิทธิ์ถูกหลอกซ้ำได้ต้องระวังให้ดี
คำถาม 11 ข้อวัดทักษะความสามารถของผู้ชนะในเกมการลงทุน
- แบ่งแยกระหว่างการลงทุนกับเทรดดิ้งไม่ออกใช่ไหม
- ไม่รู้จังหวะการซื้อเก็บกับการปล่อยขายใช่ไหม
- จำเป็นต้องมีของไว้โชว์ใช่ไหม
- ไม่มีเงินที่เก็บไว้นิ่ง ๆ ได้สัก 5 ปีใช่ไหม
- ไม่มีรายได้สม่ำเสมอใช่ไหม
- กระหายชัยชนะอย่างแรงกล้าใช่ไหม
- ไม่ชอบอยู่ร่วมกับฝูงชนใช่ไหม
- หาเงินได้รวดเร็วใช่ไหม
- ไม่เข้าใจเรื่องดอกเบี้ยทบต้นใช่ไหม
- ไม่สามารถชำระค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ได้ทั้งหมดต้องเลื่อนไปเดือนหน้าใช่ไหม
- เป็นคนหูเบาใช่ไหม
ถ้าตอบว่าใช่มากกว่า 5 ข้อ อย่าเพิ่งลงทุนเลย การลงทุนไม่ใช่การเก็บออมเงิน แต่เป็นการเข้าร่วมธุรกิจและบริหารราคาขยับขึ้นลงได้ตามมูลค่า โดยทั่วไปการลงทุนใช้เวลารอคอยอย่างน้อยที่สุด 5 ปีถึงจะสร้างมูลค่า กรุณาขีดเส้นใต้คำว่าอย่างน้อยที่สุดเอาไว้ด้วย หากนำเงินซึ่งไม่มีเวลามากพอลงไปลงทุน หัวใจที่เร่งร้อนจะทำให้พลาดโอกาสไปในที่สุด ต้องลงทุนด้วยเงินที่เก็บไว้นิ่ง ๆ ได้นานเกิน 5 ปี ถ้าตอนนี้ยังไม่มีเงินก้อนนั้นหรืออยู่ในช่วงที่กำลังสร้างมันขึ้นมาอย่าเพิ่งลงทุน เวลามีค่ากับมนุษย์เสมอ คนที่ไม่มีรายได้สม่ำเสมอสุดท้ายก็อาจจะต้องนำเงินจากการลงทุนมาใช้ ส่วนคนที่มีรายได้ประจำเงินก้อนนั้นจะช่วยปกป้องเงินลงทุนและนำมาใช้ลงทุนได้อีกต่อ
หัวเย็นเท้าอุ่นไม่กินอิ่ม
หัวเย็น เท้าอุ่น ไม่กินอิ่ม เป็นสุภาษิตเตือนใจให้เติมเต็มชีวิตด้วยสิ่งเล็กน้อยพวกนี้ เป็นคำชี้แนะถึงสุขภาพที่ดีว่าหัวต้องเย็นสบาย และเท้าต้องอบอุ่นเสมอ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้อีกเรื่องคือห้ามอิ่มเกินไป ถ้ารู้สึกว่าในท้องมีอาหารประมาณ 80% ก็ควรหยุดกินได้แล้ว เมื่อทำตามคำแนะนำดังกล่าว ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เวลาหาเงินเราต้องขยันทุ่มเท ต้องลงพื้นที่ศึกษาและเข้าใจให้ทะลุปรุโปร่ง เวลาใช้เงินเราต้องใช้สติปัญญา ตัดสินด้วยความรอบคอบ เวลาจะลงทุนเราต้องไม่ละโมกโลภมาก การลุกขึ้นก่อนท้องอิ่มช่วยทำให้ชีวิตยืนยาว การไม่โลภมากทำให้เราได้กำไรอย่างเหมาะสมที่สุด ช่วงเวลาที่ปล่อยขายยากพอ ๆ กับตอนที่ซ้อนซื้อ ต้องจับจังหวะการซื้อให้ถูกต้องถึงจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าล้มเหลวตอนขายก็อาจสูญเสียแม้กระทั่งเงินต้น ที่เราไม่กล้าตัดใจปล่อยขายเป็นผลพวงมาจากความโลภ
คุณสมบัติของความร่ำรวย
การตั้งใจมีชีวิตไม่ได้หมายความว่าจะหาเงินได้เยอะ แม้หาเงินได้เยอะก็ใช่ว่าจะร่ำรวยขึ้น แม้ร่ำรวยขึ้นแล้วก็ใช่ว่าจะมีความสุขขึ้นได้ ความร่ำรวยไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต แต่เป็นเพียงเครื่องมือ หากคนขยันเป็นคนรวยได้ทุกคน โลกใบนี้คงมีคนรวยพอ ๆ กันเต็มไปหมด ในรุ่นพ่อแม่ของพวกเราต่อให้ขยันทำงานหนักแค่ไหนก็ใช่ว่าทุกคนจะร่ำรวย ความขยันทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าว่านั่นไม่ใช่ทักษะที่ทำให้ร่ำรวยขึ้นได้ สาเหตุนั่นก็เป็นเพราะแก้ปัญหาไม่ถูกจุด คนมากมายที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง คิดว่าความขยันจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ แต่นั่นเป็นเพียงแค่ปริมาณการทำงานกับการอดออม เป็นเสี้ยวหนึ่งของความร่ำรวยเท่านั้น
เนื่องจากคนกลุ่มนี้ขาดทักษะในการผลักดันให้ทรัพย์สินทำงานด้วยตัวเอง ไม่สนใจการลงทุนหรือกระแสการเงินในตลาด ไม่หวังอะไรมากกว่านี้ ต้องพึ่งพาการทำงานหนักไปชั่วชีวิต แม้ว่าจะหาเงินได้มากก็ใช่ว่าจะร่ำรวยขึ้น เพราะสิ่งที่จะทำให้ร่ำรวยขึ้นได้จริง ๆ คือการควบคุมค่าใช้จ่าย ไม่ใช่แค่หาเงิน เมื่อรายจ่ายเพิ่มขึ้นหรือเผลอฟุ่มเฟือยไปบ้าง อาจดิ้นรนหาเงินเพิ่มขึ้น แม้จะร่ำรวยขึ้นแล้วก็ใช่ว่าจะมีความสุขขึ้น นั่นเป็นเพราะมีสิ่งที่เราต้องรักษาเพิ่มขึ้นมากมาย ความรู้สึกกระวนกระวายใจ ความพะว้าพะวังเพิ่มมากขึ้น ยามเห็นคนอื่นมั่งคั่งกว่าก็อดรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยไม่ได้ แต่ครั้นเห็นคนจนก็เผลอถอนหายใจเหนื่อยหน่ายออกมา
เงินที่คุณภาพไม่ดีสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของได้ จึงต้องควบคุมตัวเองให้หาเงินจากรายได้ที่ดีเท่านั้น ต้องใจกว้างแก่คนที่มีน้อยกว่า ยิ่งร่ำรวยขึ้นเท่าไหร่ ก็ต้องรู้สึกขอบคุณสังคมกับเวลา ความร่ำรวยเล็กน้อยเกิดขึ้นจากความพยายามส่วนบุคคล ในขณะที่ความร่ำรวยมหาศาลเกิดขึ้นจากความโชคดีและโครงสร้างทางสังคม อย่าปล่อยให้เงินซึ่งเป็นแค่เครื่องมือทำลายเป้าหมาย ต้องรักเงินและจัดการเงินให้ดี ชั่วขณะที่เงินกลายเป็นเป้าหมายของชีวิต มูลค่าทั้งหมดจะถูกตีตราเป็นจำนวนเงิน เมื่อเงินถูกเปลี่ยนผู้ควบคุม สุดท้ายก็หันมาบีบบังคับให้มนุษย์ทำงานแทน และตกเป็นทาสของเงินโดยสมบูรณ์
วิธีทำให้สอนเปื้อนดินเอาชนะซ้อนทองคำ
มีหลายเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาเข้าใจผิดกันอย่างใหญ่หลวง ประวัติศาสตร์ส่วนมากมักบันทึกเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วมีเรื่องราวของคนอ่อนแอซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งเป็นคนอ่อนแอที่ล้มคนแข็งแกร่งได้ การที่รู้สึกยินดีร่วมไปกับชัยชนะของคนอ่อนแอ นั่นเป็นเพราะเห็นภาพตัวเองสะท้อนอยู่ในเงาของคนอ่อนแอ แค่เปลี่ยนความคิด อาหารของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็อาจจะตกเป็นของเรา มองหาข้อด้อยของเขา ปรับเปลี่ยนและท้าทาย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คนอ่อนแอทำได้ดีกว่ามาก ช้อนเปื้อนดินไม่จำเป็นต้องหวั่นกลัวช้อนทองคำ เนื่องจากช้อนทองคำมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เวลาสัตว์ใหญ่อย่างช้างหรือยีราฟล้มลง จะทรงตัวลุกขึ้นได้อีกครั้งได้ยากมาก ทว่าต่อให้สุนัขจิ้งจอกล้มลงไปเป็นสิบสิบครั้ง ก็ยังพยุงตัวลุกขึ้นไหวเสมอ การปรับเปลี่ยนและการเคลื่อนไหวรวดเร็วถือเป็นข้อดีของคนอ่อนแอ ต่อให้ชายคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีวันเอาชนะคู่แข่งที่วิ่งหน้าตั้งหลบหนีไปได้ในช่วงอึดใจ แค่เปลี่ยนความคิด คนอ่อนแอก็จะไม่ใช่เหยื่อของคนแข็งแกร่งอีกต่อไป กลับกันควรแข็งแกร่งต่างหากที่อาจตกเป็นเหยื่อเสียเอง และความแข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่มีมาตั้งแต่แรก แต่สร้างขึ้นจากจิตใจที่อยากแข็งแกร่งขึ้น เรื่องราวในประวัติศาสตร์สอนแบบนั้นเสมอ
สวรรค์สร้างอภิมหาเศรษฐี
ภาษิตที่ว่า ความพากเพียรสร้างเศรษฐี แต่สวรรค์สร้างอภิมหาเศรษฐี ความขยันทำให้คนเราร่ำรวยขึ้นได้ ถ้าว่าคนที่จะร่ำรวยระดับอภิมหาเศรษฐีได้ ไม่ใช่คนที่วาสนาดี หรือสวรรค์กำหนดมา พวกเขาเป็นคนที่ได้รับโชคดีอย่างเหมาะเจาะ ผู้เขียนล้มเหลวมาหลายครั้ง พอประสบความสำเร็จหนึ่งครั้ง ก็ครอบครองความมั่งคั่งมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าสวรรค์ลิขิตความร่ำรวยให้ใครคนหนึ่ง หมายความว่าต่อไปเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร โชคชะตาก็จะนำพาเขากลับมาร่ำรวยได้ทุกครั้ง ซึ่งหากคิดในมุมกลับกัน คนที่สวรรค์ไม่ได้กำหนดให้ร่ำรวย ต่อให้พยายามแค่ไหน ก็ไม่มีทางกลายเป็นอภิมหาเศรษฐีได้ โชคชะตาไม่ได้กำหนดให้ผู้คนร่ำรวย แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาความพยายาม ความซื่อสัตย์ ความขยันและความทุ่มเทเป็นเพียงแค่ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้กลายเป็นเศรษฐี การที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีได้ จะต้องอยู่ในวันนั่นอย่างเหมาะเจาะและบังเอิญ
ทักษะและการเรียนรู้
เวลาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หรือคาดหวังบางสิ่งจริงจัง จะทำมันเป็นเวลา 100 วันอย่างต่อเนื่อง เพราะระยะเวลา 100 วันจะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยความพยายามฉบับเร่งด่วน การทำสิ่งที่ต้องการ 100 ครั้งตลอดเวลา 100 วัน ถือเป็นบทพิสูจน์กับตัวเอง ใครก็ตามที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ปรับปรุงแก้ไข อาจใช้เวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น ถ้าอยากจะลดน้ำหนัก จงตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าตลอด 3 เดือนนี้ หลังจากเวลาห้าโมงเย็นเป็นต้นไปจะไม่กินอะไรเลย ถ้าตั้งใจจะเลิกบุหรี่ก็ลองกลั้นใจอดทนสัก 3 เดือน ถ้าอยากเข้าใจเรื่องหุ้นก็จงหาช่อง YouTube ต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการลงทุนดูทุกวันตลอด 3 เดือน ตะลุยอ่านหนังสือการลงทุนทั้งหมด ไม่ว่าเราจะอยากทำอะไรให้เก่งขึ้น จงใช้เวลา 3 เดือนชุบชีวิตตัวเองขึ้นมาใหม่ เป็นช่วงเวลาที่กำลังพอเหมาะพอดี สำหรับการเปลี่ยนแปลงร่างกายและทางความคิด เมื่อเราอยากจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จะต้องฝึกปฏิบัติในระยะเวลาที่กำหนดไว้ จนกลายเป็นความเคยชิน คนที่ไม่เคยทดลองทำอะไรสักอย่าง โปรดอย่าคาดหวังว่า เดือนหน้า ปีหน้า ชีวิตจะแตกต่างขึ้น ไม่ว่าการหาเงินหรือลงทุนล้วนใช้ความพยายามพอ ๆ กัน ต้องหมั่นเรียนรู้และศึกษา ต้องจริงจัง จับจังหวะให้ได้นั่นแหละคือชีวิต
ยังมีธุรกิจน่าสนใจอีกมากมาย
มีผู้คนมากมายไม่รู้จะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรดี ในขณะที่ตัวผู้เขียนกลับต้องจดบันทึกธุรกิจที่อยากทำในสมุดโน๊ตไว้เป็นสิบ ๆ รายการ ธุรกิจพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้เงินทุนมากนัก โดยเลือกมาจากสิ่งที่รู้สึกว่ายุ่งยากต่อชีวิต และปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีธุรกิจให้ทำแล้ว เพราะโลกใบนี้ยังขาดแคลนสิ่งที่จำเป็นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน สิ่งที่คนอื่นทำขึ้นมาแล้วยังไม่ดีพอ หรือสิ่งที่คนอื่นทำแต่ล้มเหลว สามารถกลายมาเป็นธุรกิจทั้งนั้น ธุรกิจจึงถูกจดอยู่ในสมุดโน๊ตล้วนมาจากไอเดียเหล่านี้ มาดูตัวอย่างการมองหาสินค้าทางธุรกิจแปลกใหม่ในฉบับของผู้เขียนกันดีกว่า
ธุรกิจหนึ่งที่ใช้วิธีนี้คิดขึ้นมาคือ ร้านดอกไม้ ผู้คนที่สหรัฐอเมริกานิยมซื้อดอกไม้ แม้จะไม่ใช่วันสำคัญ ด้านหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตมักมีดอกไม้หลากหลายชนิดให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ เป็นช่อดอกไม้ธรรมดาที่ไม่ใช่ของขวัญพิเศษ ไม่ได้ห่อสวยงาม สรุปแล้วไม่ใช่ว่าคนเกาหลีไม่ชอบดอกไม้หรอก เพียงแต่ไม่มีแหล่งให้ซื้อ เนื่องจากดำเนินธุรกิจดอกไม้เหมือนร้านของขวัญ คนที่อยากซื้อดอกไม้เลยไม่มีให้ซื้อ ปัจจุบันนี้ยอดขายทั้งหมดของร้านดอกไม้สโนว์ฟ็อกซ์พลาวเวอร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ คาดว่าในกรุงโซลจะเปิดเพิ่มได้ถึง 300 แห่ง ธุรกิจนี้เริ่มต้นขึ้นจากความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะนำมาต่อยอดจนสำเร็จ คนที่พูดว่าไม่เห็นมีธุรกิจที่น่าทำเลย เพราะพวกเขาขาดดวงตาในการมองเห็นไอเดียต่าง ๆ ธุรกิจไม่มีวันจบสิ้นลงง่าย ๆ เพราะว่าหากยังไม่มีไอเดียดี ๆ ลองไปงานแสดงสินค้าดู ถ้านำมาปรับปรุงไอเดียให้ดีขึ้น ก็อาจจะกลายเป็นธุรกิจใหม่ได้ โลกใบนี้มีธุรกิจให้ทำมากมาย เป็นนักธุรกิจผู้มุ่งมั่น พร้อมเปิดตาเปิดใจให้กว้าง
นักธุรกิจเป็นอาชีพเดียวที่ให้อิสรภาพกับตัวเองได้
เหตุผลที่เด็กหนุ่มสาว อยากเข้ามาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ เพราะไม่รู้ความจริงดังกล่าว หากรู้ว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จได้แค่ 0.7% แถมหากต้องเกษียณในวัย 50 ปี ก็ยังมีเรื่องค่ารถและค่าเทอมลูกให้ต้องกังวลใจอีก ทำไมคนที่ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด มีสติปัญญายอดเยี่ยมที่สุด อุตส่าห์อดหลับอดนอนตั้งใจเรียนถึงต้องการทำงานแบบนี้ การเป็นพนักงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่ใช่อาชีพในฝันอีกต่อไป แต่เป็นอาชีพที่แย่งชิงความฝันต่างหาก อยากขายเวลาของตัวเองทั้งชีวิตให้คนอื่น แล้วอยู่เพื่อหาเงินเท่านั้นจริง ๆ หรอ จะบอกว่าทั้งชีวิตก็ไม่ถูกนัก เพราะพออายุใกล้ 50 ปี บริษัทก็เริ่มขอให้คิดเรื่องเกษียณแล้ว ไม่มีใครอยากซื้อเวลาอีก ทั้งที่ยังต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกนานหลายปี ทำไมถึงไม่คิดจะเป็นนักธุรกิจหรือนายทุนด้วยตัวเอง หรือเพราะว่ากลัวความล้มเหลวกันแน่ ทุกธุรกิจมีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 90% ก็จริง แต่โอกาสที่จะไม่สามารถขึ้นเป็นผู้บริหารสูงกว่าถึง 14 เท่า ถ้ามีโอกาสก็จงสร้างธุรกิจของตัวเอง จงวาดฝันที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ทุกคนเป็นนักธุรกิจและนายทุนนายทั้งนั้น โปรดอย่าวางเป้าหมายของชีวิตที่เป็นการเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงอย่างเดียว จงท้าทายและจงฝันถึงทางรอดอื่น เป็นผู้มอบเงินเดือนให้แก่ตัวเอง สร้างตัวเองไปทั้งชีวิต มอบเวลาของตัวเองให้กับตัวเองเท่านั้น
เงินมีลักษณะต่างกัน
เงินมีลักษณะต่างกันตามกระบวนการที่ถูกสร้าง เงินมีอุปนิสัยและจิตใจเป็นของตัวเอง มีเงินที่ดื้อรั้น มีเงินที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว มีเงินที่ขี้แพ้ มีเงินที่ชอบอยู่นิ่ง ๆ มีเงินนี่ชอบหลบหนีไปแล้วไม่หวนกลับมาอีก ไม่ต่างจากลูก ๆ ซึ่งไม่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่มีนิสัยใจคอต่างกัน เงินที่ได้รับจากการลงทุนหุ้น เงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เงินที่เล่นพนันได้จากบ่อนคาสิโน เงินที่เกิดขึ้นจากดอกเบี้ยของการออมเงิน ถึงจะมีจำนวน 10 ล้านเท่ากันแต่มีค่าไม่เท่ากัน เงินบางเงินอยู่ด้วยกันไปจนตาย เงินบางเงินหายไปอย่างง่ายดาย เงินบางเงินช่วยไปเรียกเงินอื่นมาให้ เงินบางเงินช่วยไปพาเงินอื่นมาอยู่ด้วย อุปนิสัยจิตใจของเงินที่ล้วนถูกเพาะบ่มจากช่วงเวลาที่เกิดมา
ดังนั้นเวลาหาเงินควรหาเฉพาะเงินที่มีคุณภาพดี ซึ่งรวบรวมอย่างเป็นขั้นตอนด้วยวิธีที่ถูกต้อง อาจเป็นเงินเดือนรายได้ ซึ่งได้รับมาจากทำธุรกิจที่เหมาะสม หรือการลงทุนที่สมเหตุสมผล เป็นเงินที่หามาได้จากแรงงานของตัวเอง เป็นเงินที่เกิดขึ้นจากการใช้ไอเดีย ทุ่มเทเวลาไปเป็นเงินที่หามาได้ด้วยความรักและความภาคภูมิใจ เช่นนี้มีค่ากว่าเงินแบบอื่นมาก ถ้าตั้งใจจะรวบรวมเงินให้ดี เจ้าของเงินจะต้องมีจิตใจที่แน่วแน่ มุ่งมั่น เพราะเงินที่ดีและเงินก้อนอื่นก็จะไหลมาเทมา เมื่อเงินมีคุณภาพดีมาอยู่รวมกันก็ช่วยทำให้เงินทั้งหมดเป็นปึกแผ่นขึ้น ไม่มีวันคิดลอบทำร้ายเรา ในขณะเดียวกันทรัพย์สินที่ได้มาเนื่องจากการที่โชคช่วย เมื่อมาอยู่ร่วมกับเงินคุณภาพดี ก็จะถูกขัดเกลาจนมีนิสัยดีขึ้นตาม ผู้คนมากมายไม่รู้ว่า เงินก้อนเล็กก้อนน้อยสร้างฐานะคนขึ้นได้ และเงินก้อนใหญ่จากความโลภ คืนสนองความยากจนให้ได้เช่นกัน
คุณมีสิทธิ์ที่จะล้มเหลว
ความล้มเหลวเป็นสิทธิชอบธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวของหนุ่มสาว ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรม เป็นสิทธิพิเศษ ในยุคสมัยที่ทุกคนเฝ้าภาวนาขอความสำเร็จ แต่ปฏิเสธความล้มเหลว ทว่าในโลกนี้มีใครบ้างที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เคยผ่านความล้มเหลวมาก่อน คนที่สำเร็จโดยไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง หากพลาดเพียงครั้งเดียวก็อาจสูญเสียทุกสิ่งที่มี ความล้มเหลวซึ่งไม่มีความล้มเหลวอื่นตกตะกอนอยู่ ไม่ก่อให้เกิดความสำเร็จที่แท้จริง เหมือนคอนกรีตที่ภายในไม่มีเหล็กเส้นเล็กขึงอยู่ จะแบกรับน้ำหนักได้มากแค่ไหนกัน พ่อแม่ต้องหัดใจกว้างต่อความล้มเหลวของลูก ๆ ต้องคอยยินดีต้อนรับความล้มเหลวเหล่านั้น มีพ่อแม่มากมายที่ตัวเองเคยล้มเหลว เลยไม่อยากให้ลูกล้มเหลวเหมือนตัวเอง คอยห้ามปรามไม่ให้ลูกล้มเหลว สุดท้ายลูกก็ไม่กล้าคิดนอกกรอบ ทั้งหมดนี้คือต้นเหตุแห่งความล้มเหลว จงออกเดินเตร่ พลาดหวัง และเติบโตขึ้น ไม่มีเท้าของใครไปถึงประตูความสำเร็จได้โดยไม่ผ่านความล้มเหลวมาก่อน ความล้มเหลวไม่ใช่อาชญากรรม ถึงจะเป็นงานทั่วไป ก็จงมุ่งมั่นทำให้เต็มที่ ความสำเร็จมักจะหลุดลอยไปจากมือคนที่ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรเลยต่างหาก
การอ่านหนังสือทำให้รวยขึ้นจริงไหม
หนังสือเป็นเครื่องมือที่ดีของชีวิต หนังสือไม่มีทางทำให้เป็นคนรวยได้ แต่ความสามารถในการวิเคราะห์เนื้อหาในหนังสือ และการตั้งคำถามกับตัวเองต่างหาก ที่จะทำให้ค้นพบเส้นทางไปสู่ความร่ำรวย โดยมากเวลาที่อ่านหนังสือ มักจะทึ่งกับความคิดของนักเขียน ประหลาดใจที่พวกเขาเขียนได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ หากหลงเชื่อโดยปราศจากความคิด ก็อาจจะตกเป็นทาสทางปัญญา มองข้ามความเป็นจริง หนังสือ how to มากมายพยายามชักชวนความคิดอย่างรุนแรง ผู้เขียนตั้งใจจะประเทืองปัญญา แต่ผู้อ่านกลับรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ในกรณีเช่นนี้ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งหดหู่ คิดถึงมุมมองกับประเด็นซึ่งได้รับผ่านหนังสือ ออกก้าวเดินไปอย่างช้า ๆ อย่าเชื่อและยอมรับความคิดเห็นของนักเขียนโดยไร้เงื่อนไข ต้องมีเวลาไตร่ตรองด้วยตัวเองว่าอะไรถูกอะไรผิด เดินอกผายไหล่พึงไม่งอเข่า ต้องฝึกยืนตัวตรง แม้จะอยู่คนเดียว ไม่เช่นนั้นยามกลับไปอ่านหนังสือก็จะเผลอนั่งงอเข่าอีก ต้องฝึกคิดเพียงลำพัง ออกก้าวเดินไปให้แข้งขาเกิดกล้ามเนื้อขึ้นบ้าง ยืดอกขึ้น ให้หัวไหล่ผึ่ง ควรมีวันที่เราปล่อยให้ตัวเองครุ่นคิดเงียบ ๆ ตั้งคำถามกับคอยคิดสงสัยผ่านการเดินเล่น และการทบทวนตัวเอง การเดินเล่นแบบนี้จะช่วยให้ทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้นพร้อมกัน
ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรม
ถึงจะพยายามแค่ไหนก็มองไม่เห็นความหวัง มีแต่ความล้มเหลวและความท้อแท้รออยู่ต่อเนื่อง ลิ้มรสชาติความพ่ายแพ้ติดต่อกันมาหลายครั้ง ช่วงแรกที่พ่ายแพ้โคตรแค้นพระเจ้าที่ทรงใจร้าย ทั้งนี้พยายามหนักขนาดนี้ ไม่เคยประพฤติชั่ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกครั้งที่พยายาม ถึงผิดหวังเสมอ ทำไมพระองค์ไม่ประทานความโชคดีให้บ้าง เมื่อเวลาผ่านไป ถึงได้ฉุดคิดว่าพระเจ้ายุติธรรมกับมนุษย์ทุกคนเสมอ ในสังคมยิ่งผู้คนเชื่อมั่นว่าพระเจ้ายุติธรรมเท่าไหร่ ความผิดหวังก็ยิ่งเดือดพล่านไปทั่ว เนื่องจากทุกคนคิดว่า พระองค์ไม่ยุติธรรมต่อตัวเอง ดังนั้นต่อให้ยากลำบากแค่ไหน ก็จงอย่าโกรธแค้นพระเจ้า อย่าพึ่งพาพระเจ้า จงลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง อย่าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ต้องยืนหยัดขึ้นได้ด้วยตัวเอง จึงจะมองเห็นเส้นทางทอดยาวต่อไป การวิงวอนพระเจ้า ไม่ทำให้พระองค์สั่นคลอนได้ การที่พระเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับโลกนี้ ไม่ใช่เพราะพระองค์ไม่สนใจ แต่นี่คือสัจธรรมทางธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่รัก แต่พระองค์รักอย่างจริงใจ จึงให้ดำรงอยู่ด้วยตัวเอง ปล่อยให้ทุกสรรพสิ่งดำเนินไปตามธรรมชาติ ชั่วพริบตาที่พระเจ้ายื่นพระหัตถ์เข้ามาแทรกแซง ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยุดชะงัก การหยุดหมายถึงความตาย พระเจ้าขับเคลื่อนโลกไปแบบนี้
คิดอย่างไรกับการร่วมหุ้นในธุรกิจ
ในกรณีเจอเพื่อนร่วมหุ้นไม่ดี ความเครียดที่ได้รับจากอีกฝ่ายอาจจะหนักหนากว่าความเครียดจากงานเสียอีก ส่วนกรณีที่เจอผู้ร่วมหุ้นดี เขาอาจจะเป็นอีกแรงพลังที่คอยส่งเสริม หากต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหุ้นส่วนเอาไว้ เวลาตกลงกัน ควรบันทึกทุกอย่างในรูปแบบเอกสารสัญญา และเคารพทรัพย์สินระหว่างกัน เงินแข็งแกร่งกว่ามิตรภาพ หากสัญญาระหว่างกันคุมเครือจนเกิดช่องโหว่ขึ้น มิตรภาพและครอบครัวสามารถพังทลายลงได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินระหว่างเพื่อน หรือเงินภายในครอบครัว ต้องมีสัญญาเอกสารระบุไว้ชัดเจน ทุกขั้นตอนต้องแบ่งแยกมิตรภาพกับเรื่องเงินออกจากกัน การเคารพเงินผู้อื่นช่วยลดปัญหาการร่วมหุ้นในธุรกิจลงได้
ถ้าไม่รู้เส้นทางให้เดินออกไปที่ถนนใหญ่
เกณฑ์การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ แม้ตึกบริเวณหน้าทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินจะแพงมาก แต่ก็เลือกผู้เช่ากับระดับของผู้เช่าได้ ปัจจุบันนี้เวลาเลือกซื้อตึก จะพิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้งว่าขนาด อัตรากำไร และอายุของตึก เพราะรู้ดีว่าคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักลงทุนผู้เชียวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ สามารถได้รับกำไรที่มั่นคง และสูงพอจากตำแหน่งที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ นี่คือเคล็ดลับการลงทุนในตลาด เมื่อตัวเองไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เวลาซื้อหุ้นถ้าไม่แน่ใจภาพรวมของวงการธุรกิจนั้น จะเลือกบริษัทอันดับ 1 ก่อนเสมอ ภายหลังเมื่อเข้าใจละเอียดขึ้น ก็อาจเลือกซื้อหุ้นของบริษัทอันดับ 2 ด้วย แม้ยังไม่ใช่ผู้เชียวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ทว่าตามหลักการจัดสรรสินทรัพย์ จำเป็นต้องครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย จึงต้องเลือกซื้อเฉพาะตึกที่ติดถนนใหญ่เท่านั้น ลงทุนอย่างรอบคอบสุด ๆ มี 2 เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเวลาลงทุนคือ การหาเงิน และการหลีกเลี่ยงการขาดทุน สิ่งที่นักลงทุนมืออาชีพทำเป็นประจำคือ ลดสิ่งที่ตัวเองไม่รู้กับสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ลง ดังนั้นก่อนที่จะรู้ทุกซอกซอยเหมือนกับคนที่อยู่ในพื้นที่ ขอให้ออกเดินไปตามถนนใหญ่ก่อน
กฎของควอเตอร์
กฎของควอเตอร์ ซึ่งแปลว่า หนึ่งในสี่โดยจะใช้ชีวิตแค่ควอเตอร์เดียวของรายได้ตัวเอง หมายความว่าในกรณีที่หาเงินได้ 100,000 ล้านดอลลาร์ ก็จะอาศัยอยู่เหมือนคนที่มีรายได้แค่ 25,000 ดอลลาร์ ถ้าหาเงินได้ 1 ล้านดอลลาร์ ก็จะใช้ชีวิตเหมือนกับคนที่มีรายได้แค่ 250,000 ดอลลาร์ แต่ถ้าหาเงินได้ 10 ล้านดอลลาร์ก็จะใช้ชีวิตเหมือนคนที่มีรายได้แค่ 2 ล้าน 5 แสนดอลลาร์ กฏควอเตอร์นี้คาบเกี่ยวระหว่างความฟุ่มเฟือยและความสมถะ ตั้งกฎนี้เพราะเมื่อเกิดปัญหาทางการเงินขึ้น หรือไม่สามารถการคาดเดารายได้แน่ชัด จะแก้วิกฤต และอยู่รอดได้นานถึง 3 ปี แม้ในระหว่างนั้นจะไม่มีรายได้เข้ามาเลย ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ ในกรณีที่มีรายได้สูงกว่าที่คาด จะนำส่วนที่เกินนั้นมาตอบแทนตัวเอง อยากมอบรางวัลให้แก่ความพยายามที่ทุ่มเทไป มากกว่าการใช้ชีวิตแบบจำกัดเกินเหตุ ถ้าปีหน้ารายได้ลดลง ก็แค่เดินทางด้วยที่นั่งชั้นประหยัด หรือใช้จ่ายน้อยลงกว่าเดิมตามกฎควอร์เตอร์ กฏนี้ทั้งยังช่วยควบคุมและตอบแทนตัวเอง ปรัชญาตะวันสอนไว้ว่า ทุกสิ่งจะสมบูรณ์ขึ้นได้เมื่อหยินเจอกับหยาง สิ่งที่มองเห็นด้วยตา เช่น บ้านรถและเสื้อผ้าคือหยาง ส่วนภาษาท่าทางและอาหารคือหยิน สำหรับนักธุรกิจผู้มีทรัพย์สมบัติมากพอควรมีสิ่งของนอกกาย เพื่อแสดงถึงเกียรติยศอย่างเหมาะสม บ้านที่ตกแต่งอย่างดีช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของนักธุรกิจดูดีขึ้น ภาษาที่ลื่นหู ท่าทางที่สุภาพ และอาหารที่ถูกหลักอนามัย ทำให้คนคนหนึ่งน่าคบหาขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสง่างามจากความร่ำรวย
ต่อให้ภาวนาแค่ไหนก็เป็นคนรวยไม่ได้
พระเจ้าไม่สามารถทำให้กลายเป็นคนรวยขึ้นได้ หากทุกคนร่ำรวยขึ้นได้เพราะพระเจ้า นั่นหมายความว่า คนรวยบนโลกนี้เป็นผู้ศรัทธาในศาสนาคริสต์ พระเจ้าไม่สนใจที่จะสร้างให้เป็นคนรวย และไม่สามารถสร้างเงินได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นต้องหาเงินด้วยตัวเอง ต่อให้เป็นคริสต์ศาสนิกชนผู้มีศรัทธาอันหนักแน่น ก็จงหยุดภาวนาขอให้พระองค์ช่วย เนื่องจากความร่ำรวยไม่ได้เกิดขึ้นจากคำอธิษฐาน และการเป็นคนดี แต่เกิดจากความพยายาม สติปัญญา โอกาส และโชคมาบรรจบกันอย่างเหมาะเจาะ โอกาสและโชคไม่ได้เยี่ยมเยือนเฉพาะผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้า แต่ไปพบทุกคนโดยไม่เฉพาะเจาะจง คำอธิษฐานต่อพระเจ้าจะช่วยปลอบประโลมจิตใจของมนุษย์ได้ แต่เชื่อเถอะว่า สิ่งนั้นไม่มีทางที่จะทำให้กระเป๋าสตางค์มีเงินเพิ่มขึ้นได้ เพราะการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างอะไรจากการเชื่อว่าความฝันจะเป็นจริง ท้ายที่สุดอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเงินที่หนักหนายิ่งกว่า
รวบรวมทรัพย์สินเหมือนชาวนาลงทุนเหมือนชาวประมง
ผู้คนมากมายเชื่อมั่นว่า คนรวยมีข้อมูลลึกซึ้งที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน มีหลายคนเชื่อว่า คนรวยมีเงินมาก เวลาที่ตลาดหุ้นตกอย่างรุนแรง เลยช้อนชื้อได้ในราคาต่ำ เพื่อเพิ่มทรัพย์สินที่มีอยู่ให้มากขึ้นไปอีก ยามที่ควรรวยรวบรวมทรัพย์สิน พวกเขาเหมือนชาวนา ผู้ขุดดินให้ลึกรอคอยฝน พิชิตความแห้งแล้ง และอดทนอย่างต่อเนื่อง ยามลงทุนเพิ่มพูนทรัพย์สิน พวกเขาอาจจะเหมือนชาวประมง บังคับเรือได้ตามฝูงปลา ซึ่งดำผุดดำว่ายทุกที่ ไม่สนใจความคาดหวังของผู้คน เฝ้าติดตามกระแสลมและอุณหภูมิของน้ำด้วยตัวเอง แม้ปีที่แล้วจะจับปลาได้มากมาย แต่ถ้าทะเลเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ก็ใช้ลางสังหรณ์เปลี่ยนตำแหน่งการทอดแหใหม่ คนรวยมีทักษะมีความสามารถสองประการแตกต่างจากคนอื่นคือ
ข้อแรกแม้จะเป็นคนรวยแค่ไหน แต่พวกเขาไม่สามารถคาดเดา หรือมีระบบแจ้งเตือนว่าจะเกิดวิกฤตขึ้นตอนไหน ทว่าแม้จะอยู่ในยาปกติพวกเขาก็จะมีแผนรับมือล่วงหน้าเสมอ
ข้อ 2 เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นจริง หากมองเห็นแนวทางแก้ไขที่ดีกว่าแผนรับมือเดิม พวกเขาจะชิงลงมือทำสิ่งนั้นก่อน ในขณะที่คนทั่วไปกำลังแตกตื่น พวกเขาจะพยายามพลิกสถานการณ์และเฝ้ารอคอย
ถึงจะร่ำรวยแค่ไหน ถ้าไม่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตไปได้ ก็มีโอกาสตกต่ำเสมอ ต้องเป็นคนที่มีศักยภาพเพียงพอ อดทนเอาชนะวิกฤต ถึงจะยืนหยัดเป็นคนรวยได้ตลอดไป
นิสัย 4 ประการในการเก็บสะสมเงิน
คนที่ไม่เคารพตัวเอง ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถควบคุมได้อย่างราบรื่น เพราะพวกเขาจะผลาญเงินทั้งหมดไปกับเรื่องเสเพล เพราะไม่รู้จักเคารพรักตัวเองอย่างจริงใจ ความจริงแล้วเงินสร้างความมั่นใจขึ้นได้ ซึ่งหากความมั่นใจเพิ่มขึ้น ความเคารพในตัวเองก็จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ทว่าก่อนจะมีเงินต้องบ่มเพาะอุปนิสัย และความเคยชินในชีวิตประจำวันบางอย่างก่อน สี่ข้อปฏิบัตินี้มีไว้เพื่อทำให้ร่างกายเคยชินกับความร่ำรวย ไม่ให้เงินทองหนีหาย อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เพราะถ้าไม่คุ้นชินกับนิสัยเหล่านี้ ต่อให้หาเงินได้มากแค่ไหน เงินก็หวนกลับมาทำร้ายแทนมี
ข้อแรก ทันทีที่ตื่นนอนให้บิดขี้เกียจ ประสานสองมือยืดแขนขึ้นสุดศีรษะ บิดเอวไปทางซ้ายและด้านขวาให้เป็นรูปตัวซี จากนั้นให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยืดขาให้เต็มที่ ประสาทสองมือเข้าด้วยกัน แล้วยกขึ้นสูงสุด ก่อนที่จะเอนตัวลงมาข้างหน้า แล้วยกขึ้นลง การบิดขี้เกียจเป็นการยืดเส้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเกิดความยืดหยุ่น และการบิดขี้เกียจจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้ออย่างนุ่มนวล ลดการเหนื่อยล้าของร่างกายลงอย่างรวดเร็ว การบิดขี้เกียจเป็นการเชื่อมโยงตัวเรากับโลกนี้ สัตว์ทั้งหลายแม้จะไม่ออกกำลังกาย แต่พวกมันบิดขี้เกียจเป็นประจำ
ข้อ 2 หลังลุกขึ้นจากที่นอนจัดเตียงให้เรียบร้อย การทำเช่นนี้ถือเป็นการขอบคุณชีวิต อาหาร และที่นอนคือ ปัจจัยสำคัญซึ่งบ่งบอกคุณภาพของชีวิต ขอบคุณที่ทำให้หลับนอนได้เต็มอิ่ม ต้องแสดงมารยาทต่อที่นอน การเข้านอนอีกครั้งบนเตียงนอนที่ยุ่งเหยิงเป็นการดูถูกตัวเอง และการที่ไม่เคยเก็บที่นอนในสักวัน เป็นการหัวเราะเยาะเย้ยชีวิตที่ผ่านมา คนที่ดำเนินชีวิตมาทั้งวัน หากได้ล้มตัวนอนบนเตียงที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนที่น่ายกย่องมาก ความเล็กน้อยนี้จะทำให้ทุกคนกลายเป็นมนุษย์ที่น่านับถือในวันข้างหน้า
ข้อ 3 ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วตอนท้องว่างในช่วงเช้า หรือมากกว่านั้นก็ได้ยิ่งดี เป็นการกล่อมร่างกายก่อนส่งอาหารมื้อแรกลงกระเพาะ เติมเต็มชีวิตชีวาให้แก่ร่างกาย ทำให้เลือดเข้มข้นขึ้นเจือจางลง กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยเรื่องการขับถ่าย ทำให้กระเพาะกับสมองกระฉับกระเฉงขึ้น เร่งประสาทรับรู้ของสมอง ให้ร่างกายตื่นเต็มที่พร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น
ข้อ 4 นอนและตื่นในเวลาเดิม ถ้าเป็นคนที่ไม่สามารถเข้านอนในเวลาเดิมได้เนื่องจากงาน ไม่จำเป็นต้องฝืนตื่นในเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับคนทั่วไปให้ลองตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ลุกขึ้นมาต้อนรับพระอาทิตย์ พร้อมกับทำตามข้อปฏิบัติด้านบนทั้งหมด การได้ทำอะไรเป็นประจำนั้นสำคัญมาก เพราะจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง และรู้สึกไว้วางใจผู้อื่นเพิ่มขึ้น คนแบบนี้จะได้รับความเชื่อถือจากครอบครัวและคนใกล้ชิด
หลังจากปฏิบัติทั้ง 4 ข้อในตอนเช้าจนติดเป็นนิสัยแล้ว ให้ยืดหัวไหล่ขึ้นและเดินหลังตรง บุคลิกของเราจะดูสง่าผ่าเผยขึ้น จากนี้เมื่อหาเงินได้เงินถึงจะเริ่มส่งเสริมบารมีให้ ไม่ต้องเสียเงินประโคมให้ตัวเองดูแพง หมดเงินไปกับสิ่งฟุ้งเฟ้อและโอ้อวดอีก เลือกประสานเฉพาะแค่ความสัมพันธ์ที่ดี ตัดขาดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทิ้งไป กิจวัตรประจำวันพวกนี้ไม่สามารถเลือกเงินให้ได้ แต่คนที่มีระเบียบวินัยแบบนี้ เมื่อได้เงินเข้ามาแล้วจะไม่ไหลออกไปไหนอีก เปรียบเสมือนผู้หญิงที่ตามหาเจ้าบ่าว หากพวกเธอได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งบิดขี้เกียจทันทีที่ตื่นนอน จัดเตียงดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วทุกเช้า เธอจะรู้ด้วยปริยายว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ดีได้แน่ ๆ เพราะการกระทำเพียงเล็กน้อยเป็นทั้งหมดของชีวิต จึงอยากจะผูกพันกับชายคนนั้นตลอดไป.