ข้อดีหลักของตราสารอนุพันธ์
- Ability to change risk allocation, transfer risk, และ manage risk: ตราสารอนุพันธ์ช่วยให้สามารถเปลี่ยนแปลงการจัดสรรความเสี่ยง โอนความเสี่ยง และบริหารความเสี่ยงได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำธุรกรรมในตลาดเงินสด เช่น ผู้จัดการกองทุนสามารถเพิ่มหรือลดการเปิดรับความเสี่ยงและผลตอบแทนของดัชนีตลาดได้ ผู้ผลิตสามารถป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของรายรับหรือรายจ่ายที่คาดการณ์ไว้ได้ และผู้ออกตราสารหนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนเป็นภาระผูกพันอัตราดอกเบี้ยคงที่ได้
 - Information discovery: ราคาและการซื้อขายของตราสารอนุพันธ์ให้ข้อมูลที่ธุรกรรมในตลาดเงินสดไม่สามารถให้ได้ เช่น ราคาออปชั่นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่สังเกตได้ และปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้ คือความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต ซึ่งสามารถใช้ประมาณการความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตที่ผู้ร่วมตลาดคาดหวังได้ นอกจากนี้ ฟิวเจอร์สและฟอร์เวิร์ดยังสามารถใช้ประมาณราคาที่คาดหวังของสินทรัพย์อ้างอิง และอัตราดอกเบี้ยในอนาคตได้
 - Operational advantages: เมื่อเทียบกับตลาดเงินสด ตลาดอนุพันธ์มีข้อได้เปรียบด้านการดำเนินงานหลายประการ เช่น ความสะดวกในการขายชอร์ต (Ease of short sales) ต้นทุนธุรกรรมที่ต่ำกว่า (Lower transaction costs) ศักยภาพในการใช้เลเวอเรจที่สูงกว่า (Greater leverage) และสภาพคล่องที่ดีกว่า (Greater liquidity) การขายชอร์ตในสินทรัพย์โดยการขายสัญญาฟอร์เวิร์ดหรือฟิวเจอร์สอาจทำได้ง่ายกว่าการยืมสินทรัพย์จริงมาขาย ต้นทุนธุรกรรมของตราสารอนุพันธ์มักต่ำกว่าการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์จริง และสภาพคล่องที่สูงกว่าทำให้การทำธุรกรรมขนาดใหญ่ทำได้ง่ายขึ้น
 - Improved market efficiency: ต้นทุนธุรกรรมที่ต่ำ สภาพคล่องและเลเวอเรจที่สูงกว่า และความสะดวกในการขายชอร์ต ทำให้การแสวงหาประโยชน์จากการกำหนดราคาหลักทรัพย์ที่ไม่ถูกต้องผ่านธุรกรรมตราสารอนุพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตลาด
 
ความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์
อย่างไรก็ตาม ตราสารอนุพันธ์ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญหลายประการ ได้แก่:
- Implicit leverage: สัญญาอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูงกว่าสินทรัพย์ในตลาดเงินสดที่เทียบเท่ากัน เนื่องจากต้องการเงินสดในการเข้าทำธุรกรรมน้อยกว่า ทำให้เกิดเลเวอเรจสูง
 - Basis risk: เกิดขึ้นเมื่อสินทรัพย์อ้างอิงของตราสารอนุพันธ์แตกต่างจากสถานะที่ต้องการป้องกันความเสี่ยง ทำให้การป้องกันความเสี่ยงอาจไม่สมบูรณ์
 - Liquidity risk: เกิดขึ้นเมื่อกระแสเงินสดจากการป้องกันความเสี่ยงด้วยตราสารอนุพันธ์ไม่ตรงกับกระแสเงินสดของสถานะการลงทุน ทำให้อาจเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องระหว่างอายุสัญญา
 - Counterparty credit risk: แตกต่างกันไปตามประเภทของตราสารอนุพันธ์ เช่น ผู้ซื้อออปชั่นมีความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา แต่ผู้ขายไม่มี ในขณะที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสัญญาฟอร์เวิร์ดอาจมีความเสี่ยงนี้
 - Systemic risk: การเก็งกำไรมากเกินไปในตราสารอนุพันธ์อาจส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อตลาดการเงินและสถาบันการเงิน ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลพยายามลดความเสี่ยงนี้ผ่านการกำกับดูแล เช่น การกำหนดให้มีการชำระราคาผ่านศูนย์กลางในตลาดสวอป
 
สรุป
ตราสารอนุพันธ์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีข้อดีหลายประการ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญ ผู้ใช้ตราสารอนุพันธ์จึงควรเข้าใจทั้งข้อดีและความเสี่ยงอย่างถ่องแท้ เพื่อใช้ประโยชน์จากตราสารเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
 
 






![ทฤษฎี Elliott Wave (อีเลียตเวฟ) คืออะไร [แบบละเอียด] ทฤษฎี Elliott Wave](https://www.lucid-trader.com/wp-content/uploads/2020/12/ทฤษฎี-Elliott-Wave-218x150.png)

![ทฤษฎี Wyckoff Logic คืออะไร [แบบละเอียด] Wyckoff Logic](https://www.lucid-trader.com/wp-content/uploads/2020/10/Wyckoff-Logic-218x150.png)




