มูลค่าและความเสี่ยงของ Options
ในกรณีของ Options ราคาที่ผู้ซื้อจ่ายเรียกว่าพรีเมียม ซึ่งถือเป็นต้นทุนเริ่มต้นของการลงทุน ผลตอบแทนของ Options จะขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันหมดอายุ โดยผู้ซื้อ Call Options จะได้กำไรเมื่อราคาสินทรัพย์สูงกว่าราคาใช้สิทธิ ในขณะที่ผู้ซื้อ Put Options จะได้กำไรเมื่อราคาสินทรัพย์ต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ
ความเสี่ยงและโอกาสของการลงทุนใน Options แตกต่างกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ผู้ซื้อมีความเสี่ยงจำกัดเท่ากับพรีเมียมที่จ่ายไป แต่มีโอกาสทำกำไรไม่จำกัด ในขณะที่ผู้ขายมีโอกาสทำกำไรจำกัดเท่ากับพรีเมียมที่ได้รับ แต่มีความเสี่ยงขาดทุนไม่จำกัด
ตัวอย่างเช่น สมมติว่ามี Call Options และ Put Options ของหุ้นที่มีราคาใช้สิทธิ 40 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 42 บาท พรีเมียมของ Call Options คือ 3 บาท และ Put Options คือ 0.75 บาท หากราคาหุ้น ณ วันหมดอายุเท่ากับ 35 บาท ผู้ซื้อ Call Options จะขาดทุน 3 บาท ผู้ขาย Call Options จะได้กำไร 3 บาท ผู้ซื้อ Put Options จะได้กำไร 4.25 บาท และผู้ขาย Put Options จะขาดทุน 4.25 บาท แต่หากราคาหุ้น ณ วันหมดอายุเท่ากับ 43 บาทผู้ซื้อ Call Options จะได้กำไร 0 บาท ผู้ขาย Call Options จะได้กำไร 0 บาท ผู้ซื้อ Put Options จะขาดทุน 0.75 บาท และผู้ขาย Put Options จะได้กำไร 0.75 บาท
ในโลกของการลงทุนและการเงิน มีเครื่องมือทางการเงินหลายประเภทที่นักลงทุนใช้เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างกำไร 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Commitments) และสัญญาที่มีเงื่อนไข (Contingent Claims)
Forward Commitments and Contingent Claims
Forward Commitments คือข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการดำเนินการบางอย่างในอนาคต ซึ่งรวมถึงสัญญาฟอร์เวิร์ด สัญญาฟิวเจอร์ส และสัญญาสวอปส่วนใหญ่ ในขณะที่ Contingent Claims คือสิทธิในการรับผลตอบแทนที่ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์บางอย่าง ตัวอย่างที่สำคัญคือ Options ซึ่งผลตอบแทนขึ้นอยู่กับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ นอกจากนี้ยังมีสัญญาประกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swaps) ซึ่งถือเป็น Contingent Claims เช่นกัน เนื่องจากการจ่ายเงินของผู้ขายประกันขึ้นอยู่กับการเกิดเหตุการณ์ด้านเครดิต
สรุป
การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ประเภทต่างๆ มีทั้งความเสี่ยงและโอกาสที่แตกต่างกัน นักลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะของแต่ละประเภทอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงและแสวงหาผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
 
 






![ทฤษฎี Elliott Wave (อีเลียตเวฟ) คืออะไร [แบบละเอียด] ทฤษฎี Elliott Wave](https://www.lucid-trader.com/wp-content/uploads/2020/12/ทฤษฎี-Elliott-Wave-218x150.png)

![ทฤษฎี Wyckoff Logic คืออะไร [แบบละเอียด] Wyckoff Logic](https://www.lucid-trader.com/wp-content/uploads/2020/10/Wyckoff-Logic-218x150.png)




