การประกอบธุรกิจใดๆ เราก็ต้องมีการวางกลยุทธ์ต่างๆเพื่อสร้างฐานลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขาย และผลลัพธ์สุดท้ายเพื่อให้มีกำไรอย่างยั่งยืน แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องมีความรู้ในธุรกิจพอควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้พื้นฐานด้านการตลาด ซึ่งเป็นความรู้ขั้นต้นในการดำเนินธุรกิจก็ว่าได้ ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักแนวคิด 4Ps ว่าจะสามารถช่วยธุรกิจให้อยู่รอดได้อย่างไรบ้างค่ะ

ผู้ให้กำเนิดแนวคิด 4Ps

เกิดจากคุณ Edmund Jerome McCarthy ผู้เป็นศาสตราจารย์ด้านการตลาดและนักเขียนชาวอเมริกัน เขาเสนอแนวคิดของส่วนผสมทางการตลาด 4 Ps ในหนังสือปี 1960 “Basic Marketing: A Managerial Approach ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในตำราเรียนชั้นนำในหลักสูตรการตลาดของมหาวิทยาลัย และในปี 1987 McCarthy ก็ได้รับรางวัล “the American Marketing Association’s Trailblazer Award” และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ห้าอันดับแรก” ของผู้นำด้านแนวคิดสาขาการตลาด

ทำความรู้จักส่วนผสมทางการตลาด 4Ps

ส่วนผสมทางการตลาด 4Ps ประกอบไปด้วยคำสั้นๆ จำง่ายได้ใจความดังนี้ Product, Price, Place, Promotion ทีนี้เราก็มาทำความรู้จักในแต่ละคำกัน

1.) Product (สินค้า,ผลิตภัณฑ์,บริการ) : “จะขายอะไร”

เป็นสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจต้องการจะนำเสนอ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การรู้จักผลิตภัณฑ์ของตัวเองจะช่วยให้สามารถหาประโยชน์ และดึงจุดเด่นออกมาดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากกว่าเดิม โดยองค์ประกอบที่พิจารณา เช่น

  • คุณสมบัติหรือประโยชน์ของสินค้า/บริการนั้น
  • รูปร่างลักษณะ
  • ฉลากหรือบรรจุภัณฑ์
  • ตราสินค้า

2.) Price (ราคา) : “จะขายราคาเท่าไร”

เพื่อกำหนดราคาสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยอาจมีเทคนิคการตั้งราคาให้โดนใจลูกค้า หรือราคาที่จูงใจให้เห็นถึงความคุ้มค่า โดยองค์ประกอบที่พิจารณา เช่น

  • การวิเคราะห์ต้นทุน เพื่อนำไปสู่การกำหนดราคาที่เหมาะสม
  • การเปรียบเทียบราคากับคู่แข่ง
  • ราคาเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่
  • ราคาสอดคล้องกับคุณค่าที่ลูกค้าได้รับหรือไม่

3.) Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย) : “จะขายที่ไหน”

สถานที่ในการจัดจำหน่าย ก็ต้องวิเคราะห์ให้เหมาะกับตัวสินค้าหรือบริการ และพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อง่ายกว่าเดิม โดยองค์ประกอบที่พิจารณา เช่น

  • รูปแบบสถานที่จัดจำหน่าย ควรขายผ่านช่องทางใดบ้าง เช่น Onlineหรือตั้งหน้าร้านที่ไหน เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
  • สถานที่จัดจำหน่ายของคู่แข่ง
  • ช่องทางการกระจายสินค้า ใช้ผู้ขนส่งรายใด หรือส่งมอบอย่างไร

4.) Promotion (การส่งเสริมการตลาด) : “จะขายอย่างไร”

เป้าหมายก็เพื่อแจ้งหรือสื่อสารให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตน และหาทางกระตุ้นยอดขายไปในช่องทางที่เหมาะสม โดยอาจใช้วิธีดังต่อไปนี้

  • การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) เช่น กลยุทธ์ลดแลกแจกแถม ให้ส่วนลด หรือสะสมแต้มแลกของรางวัล
  • การโฆษณา (Advertising) เช่น การโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านInfluencer การยิงแอด หรือ Line OA
  • การใช้พนักงานขาย (Personal Selling) เช่น การโทรเพื่อเสนอขาย หรือพนักงานแนะนำสินค้าหน้าร้าน
  • การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) เช่น การกระจายข่าว หรือให้สัมภาษณ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์

เนื่องจากการตลาดมีความซับซ้อนมากขึ้น ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้น ดังนั้น 4P คงไม่เพียงพออีกต่อไป ปัจจุบันจึงมีถึง 7P โดยเพิ่มขึ้นอีก 3P ได้แก่

5.) People (การจัดการพนักงาน) : “ดูแลพนักงาน”

คือการจัดการดูแลพนักงานของกิจการ เพื่อให้พนักงานสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ถูกต้องเหมาะสม ตรงตามที่กิจการคาดหวัง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าหรือบริการนั้นๆ เช่น

  • การคัดเลือกพนักงาน การสัมภาษณ์หรือทำแบบทดสอบต่างๆเพื่อรับพนักงานที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับแบรนด์หรือเป้าประสงค์ของกิจการ
  • การอบรมพนักงานให้ความรู้เพื่อดูแลลูกค้าของกิจการต่อไปได้ หรือสามารถจัดการคำร้องเรียนหรือ Complainต่างๆจากลูกค้าได้

6.) Process (กระบวนการ) : “กระบวนการในการทำงาน”

เป็นการวางแผนกระบวนการให้บริการต่างๆเพื่อสร้างความประทับใจกับลูกค้า เช่น

  • การตอบกลับที่รวดเร็ว
  • การช่วยลูกค้าแก้ปัญหาต่างๆ
  • กระบวนการส่งมอบสินค้าที่รวดเร็ว

7.) Physical evidence (สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ) “สิ่งแวดล้อมที่ดี”

คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่จับต้องได้ (ได้เห็น ได้กลิ่น สัมผัสได้ เป็นต้น) เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของคุณไปแล้วกลับมาใช้บริการใหม่อีก เช่น

  • การตกแต่งหน้าร้าน โลโก้แบรนด์ ที่สวยงามดึงดูดความสนใจ
  • การสร้างบรรยากาศที่ดีในร้าน
  • การออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายลูกค้าใช้งานได้สะดวก (User friendly)

ในโลกการตลาดยุคใหม่ ยังมีหลักการตลาดอีกหลายเรื่อง มาเล่าให้ฟังคร่าวๆ เช่น

  • การตลาด 4A’s : Awareness , Accessibility , Acceptability , Affordability (สร้างการรับรู้ การเข้าถึง การยอมรับ ราคาที่เข้าถึงได้)
  • การตลาด 4C’s : Company, Customer, Collaborators, Competition (การรู้จักบริษัทของตัวเอง ลูกค้า การร่วมมือ คู่แข่ง)
  • การตลาด STP : Segmentation, Targeting, Positioning (การหาเซ็กเมนต์ลูกค้า การวางกลุ่มเป้าหมาย การวางตำแหน่งที่ดี)
  • การตลาด 5A’s : Aware, Appeal, Ask, Act, Advocate (สร้างการรับรู้ ทำให้ผลิตภัณฑ์น่าดึงดูด ถามคำถาม หากผู้บริโภคเห็นว่าสินค้าดีก็จะลงมือซื้อ จากนั้นจะกลายเป็นสาวกช่วยโปรโมทสินค้า)

สรุป

ในยุคการตลาดที่ต้องแข่งขันกันสูงเช่นนี้ หลักการใดหลักการเดียวหรือวิธีการเดิมๆก็อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เราจึงควรพัฒนาหาความรู้และหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคตามแต่ละยุคแต่ละสมัย และเน้นปรับตัวให้ทันตามสถานการณ์ต่างๆ…เพื่อความอยู่รอดของเราต่อไปค่ะ…