พลังพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น
ผู้เขียน : รยูฮันบิน
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ฮาวทู
ถ้าไม่มีอะไรพิเศษฉันจะเลิกงานตรงเวลา แน่นอนว่าในหนึ่งเดือนอาจจะมีไม่กี่ครั้งที่ต้องทำงานร่วมเวลาบ้าง แต่ฉันจะทำเฉพาะกรณีที่จำเป็นจริงๆ ไม่ใช่ทำเพราะกลัวสายตาคนอื่นถึงค้างงานไว้โดยไม่จำเป็น เพราะฉันมีอีกหนึ่งวันของตัวเองรออยู่ ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร เลยคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ ฉันกำลังสูญเสียความเป็นตัวเองไป และฉันต้องการเวลาในชีวิตที่เป็นของตัวเองคืน โดยไม่ต้องเป็นพนักงานออฟฟิศไปวันๆ ฉันก็สามารถลาออกจากงานได้ จึงคิดว่าจะลองเปลี่ยนเวลาหลังเลิกงานได้เป็นเวลาที่มีค่ามากขึ้น
เริ่มต้นด้วยการแวะร้องคาราโอเกะและร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน เมื่อเริ่มเคยชินกับการใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อทำในสิ่งที่ชอบและพัฒนาตัวเอง ในที่สุดฉันก็ได้ทำให้ตอนเย็นกลายเป็นเวลาของฉันโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่วินาทีนั้นเวลาตอนเย็นจึงกลายเป็นเวลาที่ฉันใช้เพื่อตัวเองเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แม้ว่าโปรเจคต่างๆจะจบไปแล้วแต่ตอนเย็นของฉันก็ยังมีอะไรให้ทำอยู่เสมอ เวลาตอนเย็นหลังเลิกงานคือโอกาสให้เราได้ใช้ชีวิตเป็นสองเท่า เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ลองทำสิ่งที่ชอบจริงๆไม่ใช่งานที่ต้องทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ ใครอยากมีชีวิตที่เต็มอิ่มมากขึ้นซึ่งไม่ใช่การนอนกลิ้งอยู่บนเตียง แนะนำให้คุณนำเทคนิคในหนังสือเรื่องนี้ไปปรับใช้ อย่างน้อยคุณจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาอย่างแน่นอน
บทที่ 1 วันธรรมดาจะทำแต่งานอย่างเดียวหรือ
ถ้าไม่ใช่วันหยุดจะทำในสิ่งที่ชอบไม่ได้เหรอ
ใช้เวลาหนึ่งวันอย่างคุ้มค่าในมุมมองใหม่ ในวันธรรมดาเราไม่ได้ทำงานตลอดทั้งวัน ตอนเช้าคือเวลาที่ต้องเร่งรีบไปกับการเดินทางทำงาน ส่วนตอนเย็นคือเวลาที่กลับมาบ้านในสภาพที่เหนื่อยล้า แค่กินข้าวอาบน้ำก็หมดวันแล้วถ้ากำหนดเป้าหมายของวันธรรมดาเป็นวันทำงานเช่นนี้ เราก็จะรู้สึกเหมือนทำงานตลอดทั้งวันจริงๆ แม้ว่าจะทำงานจนถึงหกโมงเย็นแต่ช่วงระยะเวลาทางกลับบ้านก็คือเวลาที่ไม่ได้ทำงาน ดังนั้นถ้าเราจะจ่ออยู่กับปัจจุบันไม่นับเวลาทั้งหมดแบบเหมารวมเราก็จะมีเวลามากกว่าเดิม
เหตุผลที่ยังทำอะไรได้อีกเยอะในตอนเย็น ตอนแรกฉันก็พยายามใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ทำสิ่งที่อยากทำ ฉันทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรมาเรื่อยๆจนค้นพบความจริงหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ มีคนกล่าวว่า หากต้องการทำอะไรให้ทำด้วยใจที่จดจ่อ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงถือเป็นเวลาขั้นต่ำที่เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆจนอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าใจจดใจจ่อ หากรู้สึกว่ายังมีเวลาเหลือเฟือประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ยิ่งมีเวลาอิสระมากยิ่งต้องมีความยับยั้งชั่งใจสูง ในกรณีเดดไลน์คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดี สมมุติว่าทำงานในตอนเย็นของวันธรรมดาเขาจะเข้านอนเป็นเดดไลน์ที่ชัดเจน
พลังที่ช่วยให้ทำสิ่งที่ชอบได้สำเร็จแม้จะเป็นแค่ตอนหลังเลิกงานเท่านั้น คนที่ใช้เวลาหลังเลิกงานไปกับการพักผ่อนเพียงอย่างเดียวอาจมองว่าคนที่พยายามทำอะไรสักอย่างหลังเลิกงานขยันจริงๆ ทว่าคนที่สั่งให้คนทำงานที่ทำเพราะชอบนั้นใช้ระดับพลังงานที่ต่างกัน ไม่ได้ลองทำกิจกรรมบางอย่างเรื่องงานจริงๆ เราจะได้รู้ว่าการทำให้เวลาหลังเลิกงานอัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ชอบกลับช่วยเติมพลังงานให้มากกว่าสิ่งที่จะสูบพลังงานของเราไป แน่นอนว่ากว่าจะปรับตัวได้ย่อมต้องผ่านความเจ็บปวดมาก่อนซึ่งก็เป็นเพียงช่วงแรก เมื่อร่างกายเคยชินเราจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว น้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองดูสักครั้ง การได้ลองทำสิ่งที่ชอบจะได้เห็นว่าเติบโตขึ้นกว่าเมื่อวานที่ละน้อยทำให้เรารู้สึกดีมากกว่าเดิม
ถ้าอยากทำงานนี้ไปตลอดชีวิตฉันจะมีความสุขไหม
ถ้าหลังเลิกงานเท่ากับจบไปอีกหนึ่งวันแล้วหลังเกษียณละ ไม่ใช่ชีวิตแบบนี้เรื่อยเปื่อยมาจนเกษียณ แม่บอกว่ารู้สึกเหมือนตัวเองของตัวตนหายไป เพราะไม่คุ้นเคยและไม่คุณคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร มีความสุขอดทนทำอะไรและต้องใช้ชีวิตแบบไหนไม่ให้กลับมาเสียดายภายหลัง สำหรับคำถามที่ว่าควรใช้ชีวิตอย่างไรไม่ให้กลับมาเสียดายภายหลัง สามารถตอบได้ว่าจงทำสิ่งที่อยากทำให้มากเท่าที่อยากทำ ว่าไปแล้วเนี่ยจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการแต่สำหรับคนที่อยากลองทำอะไรมากมาย สิ่งนี้คือความปรารถนาอันแรงกล้าทว่าก็ไม่สามารถลาออกจากงานเพื่อทำแต่สิ่งที่อยากทำได้จึงหันไปสนใจในเวลาตอนเย็นแทน
ฉันไม่อยากเป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยมที่สุด สังคมตีกรอบแคบให้เราตามหาอาชีพได้ชีพหนึ่งแล้วอุทิศชีวิตเพื่อมัน ว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่เราจะมีความชอบหลากหลายหรือมีงานอดิเรกหลากหลาย ซึ่งถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นก็ขอให้ใช้ชีวิตโดยปลดปล่อยความปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้เป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ตาม
เลิกงานแล้วขอทำอะไรที่อยากทำ เรามาคิดว่า การทำงานที่ดีคือการเลิกงานตรงเวลา แต่ฉันอยากถามว่าคนแต่ละคนใช้เวลาที่เหลือตอนเย็นไปกับการทำอะไรบ้าง หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากงานแล้วสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุดแล้วสนุกคืออะไร อยากใช้เวลาตอนเย็นให้คุ้มค่าขึ้นอีกนิดให้ลองคิดดูว่านอกจากงานแล้วเรามีความสุขตอนทำอะไรเรามีความสามารถด้านไหนที่ไม่เคยได้ใช้ในการทำงานหรืออย่างอื่นที่เราอยากทำคืออะไร
แค่เงินเดือนเพียงอย่างเดียวจะวาดอนาคตได้หรือ
แผนการเพื่อความอยู่รอดในวันที่ไม่มีรายได้ ไม่ว่าใครก็เคยว่าภาพชีวิตหลังเกษียณของตัวเองเอาไว้ เพราะว่าไม่มีทางที่จินตนาการเหล่านี้จะกลายเป็นจริงได้ง่ายๆเราจำเป็นต้องมีแผนการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อที่จะอยู่รอดเมื่อไม่มีรายได้ เราต้องรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดเพื่อเก็บเงินก้อนใหญ่ไว้ให้พอกับชีวิตที่เหลืออย่างงั้นหรือ ฉันมีทางเลือกที่ดีกว่านั้นนั่นคือการสร้างอาชีพของตัวเองที่ทำได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องรีบเกษียณ
หางานที่ทำคนเดียวได้ การได้ลองทำในสิ่งที่เราทำได้เพียงคนเดียวและเป็นสิ่งที่เรามั่นใจมากที่สุดโดยไม่ต้องรอให้ใครมาคอยสนับสนุนอนุมัติก็สำคัญไม่แพ้กัน ความสามารถเช่นนี้กลายเป็นงานที่มั่นคงที่เราทำได้อย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิตแม้จะลาออกจากองค์กรแล้วก็ตาม
โลกในอุดมคติที่หาเงินจากสิ่งที่ชอบได้ตลอดชีพ ลองคิดดูว่าถ้ามีเวลาทำงานที่มีความสุข ส่วนเวลาที่ไม่ทำงานก็ยังมีรายได้จะมีความสุขแค่ไหน โลกในอุดมคติของเราก็น่าจะเป็นแบบนี้ เป้าหมายคือการทำงานอย่างมีความสุขและหาเงินได้แต่สิ่งที่อยากทำ ฉันไม่อยากสูญเสียรายได้และความสุขฉันจึงเลือกสร้างรายได้แต่สิ่งที่ตัวเองชอบในตอนเย็นหลังเลิกงาน
ถ้าลาออกแล้วจะทำสิ่งที่ชอบไหม
เตรียมตัวลาออกกันเลยดีไหม คำว่าออกกับการทำธุรกิจของตัวเองเป็นคีย์เวิร์ดอันดับต้นๆเสมอในเว็บไซต์ของกลุ่มคนทำงาน ฉันชอบหาประสบการณ์ใหม่หากมีงานไหนที่คิดว่าน่าสนุกหรือมีคุณค่าแม้จะไม่เคยทำมาก่อนก็จะลองทำดู ในขณะเดียวกันฉันก็ชอบที่ตัวเองขี้กลัวและชอบความมั่นคงอาจจะฟังดูแปลกที่ฉันต้องการทั้งความท้าทายและความมั่นคงไปพร้อมกัน แต่ทั้งสองคำนี้อธิบายตัวตนของฉันได้อย่างชัดเจน สำหรับฉันสิ่งใหม่ๆเป็นอะไรที่สนุกแต่สิ่งที่อันตรายเป็นอะไรที่ไม่สนุก
อย่ารอให้หลังชนฝา อย่ารอให้หลังชนฝาก่อนแล้วจึงมองหาโอกาส ลองเริ่มทำสิ่งใหม่ๆหลังจากเลิกงานตั้งแต่วันนี้แน่นอนว่าการทำอะไรใหม่ๆหลังเลิกงานจำเป็นต้องใช้พลังมากพอสมควร แต่อยากให้ลองดู การจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานมากมาย อยากให้ลองทำดูว่าเราจะทำสิ่งนี้ซ้ำไปในทุกวันได้หรือไม่ เพื่อตรวจสอบล่วงหน้าว่าหากไม่มีทางแล้วจริงๆเราจะใช้วิธีนี้ได้มั้ยเรามีกำลังมากพอหรือเปล่า มนุษย์เราอ่อนแอและแข็งแกร่งมากกว่าที่คิดสถานการณ์คับขันนานผลักดันให้เราแสดงพลังพิเศษออกมาก็จริง แต่ก็ให้เราล้มกลิ้งได้ด้วยเช่นกัน
บทที่ 2 เมื่อตอนเย็นเปลี่ยนไป ตอนเช้าก็เปลี่ยนไปด้วย
ความภูมิใจในตัวเอง หลักฐานที่บอกว่าฉันเป็นคนที่มีค่า
ตามหาความภูมิใจที่หายไป การที่เราท้อใจง่ายกับเรื่องเล็กน้อย การที่ชีวิตเราดูซ้ำและการที่เราผูกสัมพันธ์กับคนอื่นได้ยาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะไม่มีความภูมิใจในตัวเอง ดูเหมือนว่าถ้าสามารถเรียกคืนความภูมิใจในตัวเองให้กลับมาได้ทุกปัญหาก็จะได้รับการแก้ไข คงดีไม่น้อยถ้าเรามีความเคารพและภูมิใจในตัวเองไม่หวั่นไหวในทุกสถานการณ์ แต่การปลอบหัวใจตัวเองว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีใช้ได้และคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ ว่าฉันเป็นคนที่มีคุณค่าและเป็นประกาย
แม้ว่านี้งานจะพังแต่ฉันก็ยังมีค่า เมื่อไม่จำเป็น ต้องจำกัดบทบาทตัวเองให้อยู่ในแค่ที่ทำงาน และค้นพบประโยชน์ของตัวเองที่อยู่นอกที่ทำงาน งานจึงไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิตของฉันอีกต่อไป การทำสิ่งที่ชอบตอนเย็นหลังเลิกงานช่วยให้เราบรรลุพ้นจากชีวิตที่ทำงานเป็นหนูถีบจักเพื่อหาเลี้ยงชีพ แล้วมองว่าที่ทำงานคือหนึ่งในเครื่องมือที่ง่ายและสะดวกในการเรียนรู้และเข้าใจตัวเอง ตั้งแต่นั้นมาฉันมีความสุขกับการทำงานมากขึ้นและทำงานได้ดีขึ้นด้วย เป็นการมุ่งมั่นทำงานเพื่อความสุขที่มากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่ทำงานเพื่อไม่ให้ถูกต่อว่า และหลุดพ้นจากชีวิตที่เฝ้ารอแค่เวลาเลิกงานหรือวันหยุด
ฉันเป็นพนักงานออฟฟิศที่มีความฝันอีกอย่าง
แม้สิ่งที่ฝันจะทำเป็นอาชีพไม่ได้ เมื่อฉันทำให้เวลาตอนเย็นกลายเป็นเวลาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ จนมั่นใจได้แล้วว่าสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้อย่างต่อเนื่อง ความคิดของฉันก็เปลี่ยนไป ที่ผ่านมาฉันไม่ถอดใจจากความฝันแล้วยอมรับความจริง แต่ฉันคว้าไว้ทั้งความจริงและความฝันต่างหาก ไม่ใช่ว่าต้องทำสิ่งที่ฝันเป็นอาชีพอย่างเดียวสักหน่อยถึงจะเรียกว่าทำฝันให้เป็นจริงได้ แม้คนอื่นจะตัดสินตัวตนของฉันตามอำเภอใจ แต่ฉันก็ไม่สนใจแล้ว
ฝันเป็นจริงได้แม่ไม่ทำเป็นอาชีพหลัก ความฝันเป็นจริงได้แม้เราจะไม่ทำมันเป็นอาชีพหลักก็ตาม และแม้ว่าฉันจะไม่ได้ไปถึงจุดสูงสุดในด้านไหนเลยแต่แทนที่จะยอมทิ้งความเชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งไป ฉันกลับอยากทำทุกอย่างที่ทำให้มีความสุข ใครจะว่าฉันเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีก็ช่างมันถึงยังไงฉันจะเป็นกิ้งก่าที่มีความสุขที่สุดก็แล้วกัน
ให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของงานและชีวิต
ชีวิตที่ได้แต่ทำตามสั่ง เมื่อใช้ชีวิตเป็นผู้ถูกกระทำมาโดยตลอดการตัดสินใจและลงมือทำอย่างกระตือรือร้นจึงเป็นเรื่องยาก จนตอนนี้อ่ะลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรแล้วมีความสุข ทว่าสิ่งที่จะทำหลังเลิกงานนั้นเราสามารถวางแผนได้ตามที่ใจต้องการ งานอดิเรกต่างๆเราต้องเป็นคนคิดว่าจะทำถึงเริ่มได้ หลังจากได้เริ่มทำโปรเจคเสริมอย่างจริงจังแล้วเราจะสัมผัสได้มากขึ้นว่าตัวเองกำลังวางแผนและทำในสิ่งที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง เมื่อใดที่ทำสิ่งที่เราเป็นคนเลือกและรับผิดชอบมันด้วยตัวเองโดยไม่หวั่นไหวไปกับสายตาหรือคำพูดของคนอื่น เราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริง
เราต้องยอมรับความผิดชอบชีวิตของตัวเอง การเสียใจหลังจากที่ได้ลงมือทำยังดีกว่าการมากดคืนตัวเองทีหลังเพราะฟังคำพูดคนอื่นจึงไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ การใช้ชีวิตอย่างเต็มทีลองผิดลองถูกกับทุกอย่างที่อยากทำ ในอนาคตฉันอยากเป็นคนที่ไม่มีอคติและดื้อรั้นให้น้อยที่สุด ฉันกำลังทำให้ตัวเองมั่งคงที่สุดเพื่อเป็นหลักประกันชีวิตในวันข้างหน้า
เส้นทางรายได้ รายรับก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ช่องทางที่ทำเป็นโปรเจคเสริม ทีแรกฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้เวลาตอนเย็นเพื่อหาเงิน แต่เมื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่ทำอยู่กับรายได้กลายเป็นว่าทุกโปรเจคเสริมที่ฉันกำลังทำหาเงินมาให้ไม่มากก็น้อย ซึ่งทำให้ฉันเลือกจะทำงานในบริษัทที่มีอิสระทางเวลาสูงแทนที่จะต้องทำงานยุ่งทั้งสัปดาห์ จุดประสงค์ในการถ่ายเงินของฉันคือเพื่อลดเวลาและพลังงานในการทำงาน จึงเท่ากับว่าฉันกำลังใช้ชีวิตตรงตามแผนที่วางไว้
ทำสิ่งที่ชอบเงินจะตามมาเอง เมื่อเราพัฒนาทักษะตัวเองให้สูงขึ้นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งพวกเขาจะจ่ายค่าตอบแทนให้เรามากขึ้นตามความเต็มใจ อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องใช้เวลากว่าจะภิบาลตัวฉันเองก็กำลังเติบโตไปช้าๆทีละขั้น ถ้าเราตั้งใจจะทำสิ่งที่ทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้นเงินจะตามมาเองนี่คือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้ด้วยตัวเองจากการทำโปรเจคเสริมตลอดหลายปี สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือการกระทำอย่างต่อเนื่องการเป็นคนรวยด้วยโปรเจคเสริมไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ฉันก็มั่นใจว่าถ้าเติบโตไปอย่างช้าๆเหมือนตอนนี้อีกไม่กี่ปีก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น โอกาสที่ไม่เคยคาดคิดเดินเข้าหามาหาฉันอยู่เรื่อยเพราะในตัวฉันมีพลังมากพอที่จะคว้ามันไว้
เป้าหมายใช่ว่าต้องเป็นรายได้เสมอไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ชอบมากแค่ไหนหากเป้าหมายคือเพื่อเงินเราจะรู้สึกเหมือนไม่ได้ผ่า ถ้าเอาแต่สนใจยอดผู้ติดตามกับรายได้อยู่ตลอดเวลาเรายอมเหนื่อยล้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราทำยอดโดยคิดว่าทำเพราะชอบและได้ค่าขนมด้วยไม่ใช่ทำเพื่อเงิน เราจะไม่เครียดและทำต่อไปได้อีกนานในเมื่อเป็นสิ่งที่ทำควบคู่ไปกับงานประจำก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงรายได้มากนัก
บทที่ 3 กำหนดเป้าหมายเพื่อใช้เวลาตอนเย็นให้คุ้มค่า
ต้องหาความหมายจึงจะทำเป้าหมายได้สำเร็จ
การค้นคว้าความหมายของชีวิต การค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่าและพยายามทำสิ่งที่มีค่านั้นบางคนอาจคิดว่าการได้เรียนรู้อยู่เสมอและเติบโตกว่าเดิมเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพ่อแม่ ความสุขของลูกเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต ส่วนสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉันคือการได้ช่วยเหลือคนและสัตว์ ดังนั้นความหมายชีวิตของฉันก็คือการช่วยคนและสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันนั่นเอง
เป้าหมายของคุณมีความหมายหรือไม่ ความหมายนั้นเป็นนามธรรมระบุเป็นตัวเลขไม่ได้บ่อยครั้งเราจึงไม่ให้ความสำคัญกับมันมากมายนัก ถ้าไม่ค้นหาความหมายแล้วไปถึงเป้าหมายอย่างไร้แบบแผนความรู้สึกจะว่างเปล่า คนที่มีเป้าหมายว่าจะเก็บเงินให้ได้เท่านั้นเท่านี้โดยไม่ได้คำนึงว่าจะเอาไปทำอะไร ตอนที่ยังไม่สำเร็จก็ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากแต่ทันทีที่สำเร็จจะรู้สึกดีใจเพียงชั่วคู่แล้วกลับมาสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง ความหมายจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราไปช่วยชีวิตช่วยให้มองข้ามและฝ่าฟันปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างทางได้ เมื่อเวลาผ่านไปอายุมากขึ้นความหมายของชีวิตก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อแต่ใช่ว่าเมื่อเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้แล้วจะไร้ประโยชน์ เพราะความหมายยังคงเป็นหลักให้แก่ชีวิตของเราเป็นพลังให้เราอดทนและทำต่อไปได้อย่างสม่ำเสมอ
บันไดสี่ขั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงความฝันให้กลายเป็นจริง
สเต็ปในการกำหนดเป้าหมาย ถ้าตั้งใจแล้วว่าจะทำอย่างสม่ำเสมอเราจำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายและวางแผนด้วย เหตุนี้ฉันจึงแบ่งการวางแผนออกเป็นสี่ข้อใหญ่ๆได้แก่
เป้าหมายใหญ่ หมายถึงเป้าหมายในชีวิตที่เราต้องทำให้สำเร็จ และ การค้นหาความหมาย คือกระบวนการคิดว่าเพราะอะไรเราจึงอยากทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าความหมายจะทำให้เรามีแรงบันดาลใจที่ชัดเจน โปรเจค หมายถึงงานที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ แผนการลงมือทำ เป็นสิ่งต่างๆที่ต้องทำในเวลานั้นเพื่อให้โปรเจคสำเร็จแผนการลงมือทำซึ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้นมีความจำเป็นมากเพราะเป้าหมายระยะยาวอาจจะอยู่ไกลเกินไปทำให้ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เพื่อบรรลุเป้าหมาย หากต้องการให้อัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นแนะนำให้กำหนดเป้าหมายระยะยาวและระยะสั้นไปพร้อมๆกัน
พลังที่ทำให้เริ่มต้นได้ดี
Action Planner บันไดไต่สู่เป้าหมาย เมื่อปีใหม่มาถึงหลายคนมักกำหนดเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จแต่พอถึงสิ้นปีแล้วย้อนกลับไปดูจะพบว่าสิ่งที่ทำได้สำเร็จมีไม่มากนัก เป็นเพราะอะไรเพราะเราขี้เกียจอย่างนั้นหรือคำตอบที่ถูกต้องก็คือเพราะเรากำหนดเป้าหมายไว้แต่ไม่วางแผนลงมือทำ การกระทำได้เล็กน้อยเมื่อทำร่วมกันแล้วจะเกิดขึ้นเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ ความฝันนั้นอยู่ห่างไกลเราต้องไต่บันไดขึ้นไปทีละขั้นจึงแนะนำให้ทุกคนเขียนตัวช่วย เพื่อให้บรรลุไปถึงบันไดสู่เป้าหมายตามลำดับขั้นได้อย่างง่ายดาย คนส่วนมากมักกังวลเรื่องในอนาคตไปล่วงหน้าทว่าความกังวลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แต่สิ่งที่ทำให้ได้ทันทีตอนนี้คือการเพิ่มความเป็นไปได้ของการบรรลุเป้าหมายในอนาคตให้สูงขึ้น การวางแผนอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เราทำได้ทันทีนั่นเอง
ถ้ายังรออยู่ที่จุดเริ่มต้น
กับดักที่เรียกว่าความรอบคอบ สาเหตุใหญ่ๆที่เราไม่ลงมือทำสักทีอยากจะมีอยู่สองข้อด้วยกัน ข้อที่หนึ่งเพราะความกังวลเป็นข้ออ้างที่ดีให้เราชะลอการลงมือทำได้ ข้อที่สองการกลัวความล้มเหลว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราคงเคยผ่านประสบการณ์ความล้มเหลวหลังจากการลองทำอะไรใหม่ๆหรือเคยล้มเลิกการคลังเพราะไม่สามารถทำต่อไปได้ กระบวนการในการดำเนินชีวิต ย่อมมีการลงมือทำสำเร็จและการลงมือทำล้มเหลว เกิดขึ้นซ้ำๆเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะทำแล้วสำเร็จหรือทำแล้วล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ผลลัพธ์ของการลองทำมีเพียงสองทางเท่านั้น
ไม่คิดเยอะ แล้วทำเร็ว ไหนๆก็เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้วถ้าเอาแต่พูดว่าทำยังไงดีเราจะเสียเวลาไปกับความกังวลนานขึ้นและเครียดมากเกินไปการผูกมัดตัวเองด้วยสิ่งที่คิดว่าต้องทำให้ดียิ่งเวลาผ่านไปความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้นทำให้เริ่มต้นยากขึ้นเรื่อยๆการเริ่มต้นทำตั้งแต่ยังกังวลไม่มากอาจเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เราเริ่มต้นได้ดี หลังจากเข้าใจกลไกความกังวลที่ก่อตัวขึ้นซ้ำทุกครั้งที่เราจะเริ่มคิดในการทำอะไร ความกังวลนั้นก็จะค่อยๆลดลง
บทที่ 4 วิธีทำให้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
มีเรื่องอยากทำเยอะไปหมดแต่ไม่มีเวลางั้นหรือ
ค้นหาชิ้นส่วนของเวลาที่กระจัดกระจาย เรามักพูดว่ายุ่งแต่ไม่มีเวลาอยู่เสมอ เวลาเป็นสิ่งที่ซื้อเพิ่มไม่ได้ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ดึงเวลานอนมาใช้เพราะอะไรที่บั่นทอนตัวเองยอมทำต่อเนื่องได้ไม่นาน หากลองพิจารณาชีวิตประจำวันของคนทีบอกว่างานยุ่งและไม่มีเวลาจะพบว่ามีเวลาที่ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์อยู่มากเราต้องจัดการชีวิตประจำวันและจัดสรรเวลาให้ดีเช่นเดียวกับการจัดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ซึ่งแน่นอนว่าทำได้ยาก
เพราะอะไรถึงไม่มีเวลา หลังจากที่ได้ลองจดจ่อเพื่อจัดการงานที่ต้องทำเราก็จะรู้สึกว่าทำไม เราได้จัดการเวลาและกำหนดต่างๆได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉันจึงรู้ว่าทำไมเราต้องจัดการเวลาเพราะถ้าเราควบคุมเวลาให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ เราก็จะทำสิ่งที่ต้องการได้อย่างเป็นอิสระโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาและไม่ต้องปฏิเสธโอกาสดีๆที่เข้ามาเพราะเกรงว่าจะไม่มีเวลาด้วย
ช่วงใส่ใจและจัดการกับเวลา ในเวลาทำงานจะมีทั้งเวลาที่จดจ่อกับงานและเวลาที่ทำงานด้วยสติเพียงครึ่งเดียวปะปนกันไป ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องถามตัวเองซ้ำๆว่าตอนนี้ฉันกำลังทำงานอะไรและยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ต้องทำงานนี้ให้เสร็จ โดยตั้งตัวเป็นผู้สังเกตอย่างมีสติเมื่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆเราจะรู้ตัวได้เร็วตอนที่เผลอใช้เวลาไปกับเรื่องที่ไม่สำคัญ
วันนี้ทำอะไรไปบ้าง
จดบันทึกสิ่งที่ทำตามเวลาที่กำหนดไว้ การบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะมีความหมายอย่างไร ประการแรกช่วยให้ตรวจสอบได้ว่าทุกชั่วโมงแล้วทำอะไรหลังจากบันทึกอย่างสม่ำเสมอเราจะค้นพบรูปแบบการใช้เวลาที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา และเมื่อหมดวันก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าวันนี้เราจะใช้เวลาไปอย่างไรเมื่อตรวจสอบจนรู้ว่าเวลารั่วไหลไปที่ไหนเราก็จะไม่มีเวลาทำสิ่งใหม่เพิ่มขึ้น
การปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แม้ว่าเราไม่ได้พยายามจะปรับปรุงอะไรแต่เมื่อกลับมาการจดบันทึกของเราทุกเย็นเราจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปโดยปริยาย ไม่ต้องรอให้ใครมาสั่งหรือบังคับไม่ได้ตรวจสอบทบทวนและปรับปรุงตัวเองมันจะกลายเป็นนิสัยของเราจริงๆ ในช่วงแรกไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะบันทึกสิ่งที่ทำทุกชั่วโมงได้โดยไม่ลืม บางครั้งอาจลืมบ้างบันทึกไปบ้าง วันนึงอาจจะจบบันทึกจะกลายเป็นสิ่งที่เราต้องทำได้เองโดยอัตโนมัติซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึงเราจะรู้สึกขอบคุณตัวเองที่มุ่งมั่นและอดทนเขียนมาได้อย่างแน่นอน
เครื่องนำทางของชีวิตยามเย็น
ทำอะไร เวลาใน ถึงได้ประสิทธิผลมากที่สุด เรามาเรียนรู้เทคนิคให้ละเอียดยิ่งขึ้นกัน
การหาเวลาว่าง ลองบันทึกเวลาว่างทั้งหมดที่ตัวเองมีในหนึ่งวันเพราะหากต้องการวางแผนว่าจะทำอะไรในเวลาไหนต้องเริ่มจากการหาเวลาว่างก่อน จากนั้นบันทึกเวลาที่แบ่งไว้สำหรับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำแล้วหักออกจากเวลาว่าง เวลาที่เหลือหลังจากหักกลบกับกิจวัตรเหล่านี้คือเวลาที่ว่างอย่างแท้จริง เหตุผลที่เราต้องขับรถกับเวลาสิ่งที่ทำเป็นประจำออกไปก่อนก็เพื่อเราจะได้ไม่หันไปสนใจสิ่งที่อยากทำจนละเลยสิ่งที่สำคัญไป
การประเมินสิ่งที่อยากทำและเวลาที่ใช้และระดับการจดจ่อ ลองคิดถึงสิ่งที่อยากทำแล้วคาดการณ์เวลากับระดับสมาธิที่ต้องใช้ถ้าอยากทำอะไรให้ได้สม่ำเสมอ ให้กำหนดว่าเวลาที่ใช้และเวลาทำสิ่งนี้วันละกี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตามเวลาที่คาดการณ์ไว้มันแตกต่างจากความเป็นจริงมาก ซึ่งการจดบันทึกภายหลังจะช่วยให้เราปริมาณเวลาที่ต้องใช้ได้ตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น
ทำตารางกิจวัตรยามเย็น ให้ลองเก่งตารางกิจวัตรยามเย็นเป็นประจำต่อสัปดาห์ให้เสร็จสมบูรณ์ โดยแบ่งเป็นช่องเหมือนตารางเรียนก็ได้อย่างไรก็ตามเมื่อได้ลองทำจริงจะพบว่าแตกต่างจากที่คิดไว้มาก บางเรื่องอาจใช้เวลามากกว่าที่คิดบางเรื่องอาจใช้พลังงานมากกว่าเมื่อทำในตอนเย็น ให้เราปรับแก้ไขให้เหมาะสมและนำไปใช้ต่อ
ตารางเวลาไม่ได้มีไว้จับผิดและกักขังเรา บางครั้งคุณจะรู้สึกว่ากิจวัตรที่กำหนดไว้ตามตารางเวลาเป็นเหมือนโซ่ตรวนล่ามเราไว้ แน่นอนว่าหลังจากจัดตารางกิจกรรมแล้วเราอาจจะยึดติดว่าต้องทำตามนั้นทุกชั่วโมง ให้จำไว้ว่าจุดประสงค์ของการวางแผนและการกำหนดสิ่งที่ต้องทำในแต่ละช่วงเวลาไม่ใช่เพื่อกดดันตัวเอง แต่เพื่อความสะดวกเพราะถ้าจุดอยู่มีเวลาที่ว่างใช้กับตัวเองได้มากขึ้นเราอาจจะไม่รู้ตัวว่าต้องทำอะไร
เทคนิค การแบ่งเวลาทำและเวลาเล่น
ทำงานสี่สิบห้านาทีแล้วพักสิบห้านาที ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแต่ละชั่วโมงได้สูงที่สุด สำหรับเทคนิคนี้การหยุดพักผ่อนอย่างเหมาะสมสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทำงานเพราะเราจะได้จดจ่อกับการทำงานนานกว่าปกติมากทำให้หมดพลังงานไปอย่างรวดเร็วและจิตใจอ่อนล้า สำหรับคนที่คิดว่าเป็นการจดจ่อกับการทำงานและแบ่งเป็นผักหายใจเมื่อเราเคยชินกับการอดทนได้เราจะค่อยๆจดจ่อได้ดีขึ้น สำหรับคนที่อยู่นิ่งๆไม่ได้หรือชอบคิดเรื่องอื่นอยู่เรื่อยๆก็แนะนำให้ใช้วิธีนี้
ความเรียบง่ายช่วยลดความกังวลใจที่ไร้สาระ
จัดการกับเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ จัดการกับเวลาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ การเลือกเสื้อผ้าการเลือกชุดใส่ทุกเช้า การเดินดูว่ามีเครื่องสำอางอะไรไม่ออกบ้าง การคิดเรื่องพวกนี้ แย่งเวลาและพลังงาน ที่เราสามารถใช้กับเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าไปเหนือสิ่งอื่นใด สิงห์เรื่องพวกนี้ไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราขนาดนั้นบางคนบอกว่าต้องประหยัดเวลาเพียงไม่กี่นาทีแค่นี้ด้วยเหรอแต่เวลาเล็กน้อยเมื่อรวมกันแล้วถือว่าไม่น้อย ถ้าบอกว่ามีอะไรอยากทำหลายอย่างแต่ไม่มีเวลาให้ลองคิดว่าเป็นเพราะไม่มีเวลาจริงๆหรือเป็นเพราะไม่กล้าที่จะเลิกทำบางสิ่งที่อยากทำน้อยกว่าเพื่อเอาเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำจริงๆกันแน่
อย่าลืมเรื่องสำคัญที่ไม่เร่งด่วน เวลากำหนดลำดับก่อนหลังสิ่งที่เราหลงลืมอยู่บ่อยๆคือเรื่องสำคัญที่ไม่เร่งด่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆแต่ไม่เร่งด่วนและไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทำให้ถูกเลื่อนไปไว้ทีหลังอยู่บ่อยครั้ง ทว่ายิ่งเป็นเรื่องแบบนี้เราต้องตั้งสติและหลอกเวลาเอาไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะพยายามใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามากแค่ไหนก็ถืออย่าให้ต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่าไปเลย
เทคนิคการจัดสรรเวลาให้คุ้ม
การนอนพักผ่อน การสิ้นเปลืองเวลา เมื่อตั้งใจว่าจะจัดการเวลาเราจะรู้สึกกดดันว่าตัวเองต้องใช้เวลาทั้งหมดไปกับงานที่ผลิดอกออกผลเท่านั้นหรือ เรามาเข้าใจผิดว่าคนที่จัดการเวลาได้ดีและพัฒนาตัวเองโดยไม่หยุดพักเลยซักชั่วโมง ทว่าการจัดการเวลาที่ฉันคิดนั่นไม่ใช่การใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำสิ่งที่มีผลลัพธ์เท่านั้น หลังจากพักผ่อนคุ้น ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ แล้วรู้สึกแย่ที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปสิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่กรณีแรกเป็นกรณีหลัง
บทที่ 5 เทคนิคที่ช่วยให้ลงมือทำโดยไม่ต้องคิด
ถ้าอยากทำได้อย่างสม่ำเสมอจึงทำให้เป็นกิจวัตร
ทัศนคติเพื่อสร้างกิจวัตรยามเย็น ตอนเด็กๆฉันคิดว่าการทำอะไรซ้ำๆซ้ำๆ ในเวลาที่กำหนดทุกวันเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าสิ่งนี้ทำให้ชีวิตเข้าที่เข้าทาง กิจวัตรไม่ได้มีไว้เพื่อไล่ต้อนเราแต่มีไว้เพื่อให้เราใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและไม่ต้องรีบร้อนลนลาน เราต้องทำสิ่งที่เหมือนกันซ้ำในเวลาเดียวกันทุกวันจึงกลายเป็นนิสัยได้ ด้วยเหตุนี้อะไรที่อยากให้เป็นนิสัยฉันจะทำให้มันกลายเป็นกิจวัตรทั้งหมด เมื่อกลายเป็นกิจวัตรแล้วเราจะทำมันได้เองโดยไม่ต้องใช้ความตั้งใจมาก ฉันสร้างกิจวัตรของตัวเองขึ้นมาผ่านขั้นตอนต่างๆดังต่อไปนี้
3 ขั้นตอนต่างๆในการสร้างกิจวัตร
ขั้นที่ 1 การทำให้เล็กๆ
ขั้นที่ 2 การทำซ้ำในเวลาเดียวกันทุกวัน
ขั้นที่ 3 การอดทนให้ได้ตามเวลากำหนด
ต่อเนื่องตนแม้จะทำได้ยากแต่เราต้องทำอย่างต่อเนื่องในเวลาที่กำหนดจนกว่าจะสร้างกิจวัตรใหม่ขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่จะล้มเหลวในระยะนี้มากที่สุด การทำกิจวัตรเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดก่อนแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นทีละนิด เราจึงจะสร้างกิจวัตรเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่กว่าได้ การทำให้เล็กในที่นี้หมายถึงการย่อยหน่วยของสิ่งที่ทำให้เล็กที่สุด ซึ่งหมายความรวมไปถึงการทำให้ง่ายและสนุกขึ้นด้วย
จึงสร้างกิจวัตรจากสิ่งที่เล็กและง่าย แม่จะเป็นคนที่ทำงานและใช้ชีวิตอย่างภูมิท่าน แต่เวลาสร้างกิจวัตรเราควรกำหนดให้ตัวเองเป็นแค่เด็กประถมเราคือคนที่ทำอะไรได้ก็ต่อเมื่อให้ทำทุกงานเป็นงานที่ง่ายที่สุด และต้องคอยให้กำลังใจตัวเอง นี่ไม่ใช่การดูถูกความสามารถของตนเองแต่ไม่ว่าเรื่องยากและเรื่องใหญ่แค่ไหนล้วนเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ ด้วยกันทั้งนั้น จงอย่าลืมว่าการทำเรื่องเล็กๆได้ดีจะช่วยให้ทำเรื่องใหญ่ได้ดีตาม ถ้าเรื่องใหญ่คือกำแพงสูงที่ต้องเปลี่ยนข้ามไปการทำเรื่องเล็กจนกลายเป็นกิจวัตรก็เหมือนกับการสร้างบันไดเอาไว้
อย่าเพิ่งเริ่มต้นในวันที่ไฟแรง
ถ้าไฟแรงไปเราจะมอดไหม้ ห้าqเราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในวันที่แรงใจลดลงอาจทำให้รู้สึกว่าเป้าหมายอยู่ไกลเกินเอื้อมจนล้มเลิกไปได้ง่ายๆ ดังนั้นการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กเพื่อให้สัมภาษณ์กับความสำเร็จหลายๆครั้งทำให้เราคุ้นเคยกับความสำเร็จและเชื่อว่าสิ่งทียิ่งใหญ่สามารถทำให้สำเร็จได้เช่นกัน
หยุดแก้ตัวแล้วเติมความภูมิใจเป็นเชื้อไฟ ไม่ว่าจะเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยวันที่ไล่เรี่ยวแรงหรือวันที่ยุ่งมากแค่ไหน ถ้าเริ่มต้นให้เล็กในระดับที่น่าจะทำได้จริง เราจะหยุดหาข้ออ้างต่างๆได้ด้วย เมื่อการปฏิบัติจริงแบบเหล็กเช่นนี้เปลี่ยนความเคยชินเหมือนกันหายใจเราจะค่อยเพิ่มปริมาณขึ้นอีกหน่อย หลังจากที่ทำได้จริงแม้ว่าคนอื่นหรือตัวเองจะมองว่าเป็นเรื่องแค่นี้แต่อย่างน้อยเราต้องแสร้งทำเป็นเรื่องตื่นเต้นมากๆ ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนการสร้างกิจวัตรไม่ถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเพราะมีคนยิงเยอะมากที่ยังไม่แม้แต่จะเริ่มและยังใช้ชีวิตเหมือนเมื่อวาน เพราะฉะนั้นหากทำอะไรสำเร็จถึงจะเป็นสิ่งมีค่าเล็กๆเราก็ต้องมีความสุขให้เต็มที่
การสร้างกิจวัตรไม่ใช่การแข่งขัน หลังจากแยกแยะได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทุ่มเทพลังงานให้กับมันและอะไรคือสิ่งที่ต้องค่อยๆทำไปเรื่อยๆด้วยความสนุก ทำให้ฉันรู้ว่าหลายอย่างที่เคยลองทำแล้วเลิกไป เป็นเพราะฉันวิ่งเร็วเกินความสามารถของตัวเองตั้งแต่ต้น ถ้าให้เลือกระหว่างสร้างขึ้นมาญาติหรือล้มเลิกเร็วกลับสร้างขึ้นมาง่ายแต่ทำต่อได้เรื่อยๆแน่นอนว่าฉันขอเลือกยางหลัง ดังนั้นจงเริ่มต้นให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่อยๆเดินข้ามสิ่งกีดขวางที่เกิดขึ้นระหว่างทางและอย่าวิ่งเร็วเกินไปโดยไม่จำเป็น ใครบางคนได้กล่าวไว้ว่าชีวิตคือการวิ่งมาราธอนไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น ส่วนฉันคิดว่าชีวิตคือการเดินเล่นที่ไม่ได้กำหนดจุดสิ้นสุดเอาไว้ ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งพักสักครู่ถ้าเห็นดอกไม้สวยๆก็หยุดชื่นชมสักหน่อยถ้าตั้งใจแน่วแน่แบบนี้รับรองว่าไม่มีอะไรที่เราต้องทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้
จงอย่าคิดว่าต้องทำ ยิ่งเป็นสิ่งที่อยากทำให้ได้จริงๆยิ่งต้องทิ้งความคิดว่าต้องทำไปเสีย ถ้าเรากดดันตัวเองมากเกินไปร่างกายก็จะต่อต้าน เราจะรู้สึกไม่อยากทำและมีโอกาสล้มเหลวได้มาก ถ้าเราให้ความหมายกับอะไรมากเกินไปไม่ว่าตอนเริ่มต้น ตอนอยู่ระหว่างทาง หรือตอนที่ล้มเหลว อารมณ์ก็จะมีอิทธิพลต่อเรามากทำให้รู้สึกเครียด บ่อยครั้งสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญจริงๆไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่เป็นเพราะใจของเราต่างหากที่เคยชินกับการให้ความสำคัญเป็นหมดทุกอย่าง
ความคิดเป็นเรื่องของผู้ใหญ่แต่การลงมือทำเป็นเรื่องของเด็ก
จงทำให้สนุกเข้าไว้ กระทำสิ่งต่างๆด้วยความเพลิดเพลินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การทำให้เรื่องไม่สนุกกลายเป็นเรื่องสนุกนั้นทำได้ยากมาก แต่แทนที่จะฝืนทนทำไปเรื่อยๆแบบไม่สนุกเราควรพยายามสร้างสรรค์วิธีทำให้มันสนุกขึ้นจะดีกว่า
จึงทำให้มองเห็นความสำเร็จได้ด้วยตา การทำให้เห็นได้ด้วยตาก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สิ่งต่างๆที่เราอยากทำให้เป็นกิจวัตรส่วนใหญ่ยังไม่เห็นผลสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นความสำเร็จเราต้องมองด้วยตาจึงจะมีแรงกระตุ้นให้อยากลงมือทำ ตอนที่ฉันเริ่มโปรเจคอะไรสักอย่างฉันจะทำสลากติดตามความก้าวหน้าในแต่ละวัน ตารางนี้ช่วยให้เราลงมือทำจริงเพราะรู้สึกสนุกไปกับความสำเร็จเล็กๆในแต่ละวัน เมื่อตาเรามองเห็นที่ช่องที่ระบายสีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเราก็จะรู้สึกภูมิใจกับตัวเองและมีกำลังใจทำอย่างต่อเนื่อง การต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกันซ้ำๆทุกวันเป็นการทรมานตัวเองอย่างหนึ่ง หากเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ก็รอหาวิธีทำให้มันสนุกขึ้นและเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆก่อน ถ้าลองแล้วยังทำไม่ได้อยู่ดีจะล้มเลิกก็ไม่เป็นไรกันรู้จักจังหวะที่ต้องปล่อยวางแล้วตัดสินใจก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เรียกว่าความสามารถเช่นกัน
สร้างตัวเองอย่างที่เราต้องการ
จงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง หากคุณมีภาพลักษณ์เชิงลบเกี่ยวกับตัวเองมากเกินไปก็จะถูกขังอยู่ในความเชื่อนั้นตลอด ดังนั้นเรามาสร้างภาพลักษณ์ด้วยตัวเองในทางบวกไม่ดีกว่าหรือ สมองของเรานั้นหรอกง่ายเพียงบอกตัวเองในทางบวกซ้ำซ้ำสมองก็เชื่อตามนั้น แต่ต้องใช้เวลาพอสมควร ฉันไม่คิดว่าการบอกตัวเองแค่ไม่กี่เดือนจะเปลี่ยนความคิดที่เราเชื่อมาตลอดได้ ถ้าเป็นไปได้จริงการเปลี่ยนแปลงคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
ฉันเป็นใครน่ะหรือ ก็เป็นคนยอดเยี่ยมยังไงล่ะ ถ้าต้องการนิยามตัวเองใหม่ในทางบวกวิธีที่ง่ายที่สุดหลังจากทำอะไรเล็กๆได้สำเร็จให้เราเพิ่มความสำคัญของมันขึ้นอีกนิด ถ้าตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะออกกำลังกายทุกวันแค่กระโดดเชือกอยู่บ้านก็ยังดี ถึงเนื้อจะไม่ได้ออกมากมายแต่คุณก็สัมผัสกับความรู้สึกสดชื่นกระดกน้ำสระแก้วเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งมาราธอนมา ถ้าภูมิใจแล้วคิดว่าว้าวบางทีการออกกำลังกายก็อาจจะเหมาะสมกับฉันก็ได้นะ การบอกตัวเองซ้ำซ้ำเช่นนี้ต้องทำร่วมกับการลงมือทำจริงจะได้ผลที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
บทที่ 6 เวลาไม่ทำอะไรเลยให้ทำสักอย่าง
ถ้ามีเรื่องทำให้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
เราอาจเสียทุกอย่างไปเพียงเพราะว่าไล่ตามความสมบูรณ์แบบ ถ้าถามว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ช่วยให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างสม่ำเสมอ ข้อแรกคือต้องไม่พยายามทำให้ดีจนเกินไป สาเหตุส่วนใหญ่ของคนที่ล้มเลิกการคันเกิดจากการนิยมความสมบูรณ์แบบ เราต่างเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถทำอะไรเพอร์เฟคได้ตลอด อาจมีสักครั้งที่ทำได้แต่การรักษาคุณภาพให้คงเดิมอยู่ตลอดไปนั้นเป็นเรื่องยาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันพยายามรักษาไว้ให้ได้คือการทำให้เป็นกิจวัตร
ถ้าไม่ทำวันนี้พรุ่งนี้ต้องไม่ทำแน่ๆ ในวันที่ไม่อยากทำจริงๆฉันจะคิดว่าถ้าไม่ทำวันนี้พรุ่งนี้ต้องไม่ทำแน่ๆ แล้ววันต่อไปจะยิ่งไม่อยากทำมากขึ้นเป็นสองเท่า ข้ออ้างที่ทำให้ล้มเลิกสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ พรุ่งนี้ข้ออ้างนั้นก็จะวนกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันที่ไม่อยากทำมากแค่ไหนหรือวันที่ไม่สบายขอเพียงทำให้เต็มที่แม้เพียงเล็กน้อยก็จะช่วยรักษาวงจรการทำเป็นกิจวัตรต่อไปได้
จงแก้ไขเป้าหมายก่อนจะล้มเลิก สมมติว่าเป้าหมายคือวิ่งเจ็ดกิโลเมตรทุกวัน แต่ทำไม่ค่อยได้จึงอยากจะเลิก ให้เราเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เป็นวิ่งทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปีแทนที่จะให้ระบุเป้าหมายที่ทำซ้ำๆทุกวันในระยะยาวโดยไม่ต้องระบุให้เฉพาะเจาะจงว่าในหนึ่งวันต้องทำอะไรได้เท่าไหร่ ถ้าวันนี้ขยันก็วิ่งเยอะเมื่อวิ่งไปเรื่อยๆแล้วจะรู้สึกว่าอยากวิ่งให้ได้เยอะกว่าเมื่อวานสักหน่อย ก็ให้วิ่งเยอะกว่าเมื่อวานสักเล็กน้อย ส่วนในวันที่ไม่อยากวิ่งจะวิ่งแค่ห้านาทีก็ได้ที่สำคัญคืออย่าไปเครียดกับวันที่วิ่งได้แค่ห้านาที เพราะเป้าหมายของเราคือการวิ่งทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปี
เมื่อความท้อแท้กับความอ่อนล้ามาพร้อมกัน
ความท้อแท้มาอีกแล้ว ก่อนอื่นเราต้องไม่วิตกกังวลกับอารมณ์ในทางลบ ความอ่อนล้านั้นเกิดขึ้นกับใครที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ คิดง่ายๆว่าความท้อแท้เป็นสิ่งที่จะเวียนมาบรรจบเหมือนกับวันครบรอบ ดังนั้นเมื่อรู้สึกท้อแท้ก็แค่ยอมรับไป เราต้องระวังไม่ให้ตัวเองอยู่กับความคิดที่ว่า ทำไมฉันเป็นแบบนี้อยู่คนเดียวหรืออย่าไปให้ความหมายกับมันมากจนเกินไป
เทคนิคที่ช่วยให้ข้ามผ่านความท้อแท้ไปได้ ขอแนะนำสามเทคนิคง่ายๆที่ช่วยรับมือกับความอ่อนล้าและความท้อแท้ได้อย่างเห็นผล เราไม่ได้หมดไฟแค่อยู่ในช่วงขาลง ฉันเรียกช่วงที่รู้สึกท้อแท้ว่าช่วงขาลง คำว่าความอ่อนล้าและความท้อแท้มีความหมายในเชิงลบและทำให้ภาพที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหลุดพ้นได้ แต่คำว่าช่วงขาลงบอกเป็นนัยว่าก็มีลงก็ย่อมมีขึ้น การลดปริมาณงาน ช่วงที่รู้สึกท้อแท้เราควรลดปริมาณงานลง บางคนมุ่งมั่นตั้งใจมากขึ้นเพื่อจะเอาชนะมันให้ได้แต่ถ้าเป็นอะไรที่เอาชนะได้ด้วยความตั้งใจแตกเราก็คงไม่รู้สึกท้อแท้หรอก อย่ากังวลใจและพักผ่อนให้เต็มที่ เวลาเกิดความรู้สึกท้อแท้ให้ลดปริมาณงานลงแล้วพัก ฉันเองก็เป็นคนนึงที่รู้สึกกังวลใจถ้าต้องอยู่เฉยๆจึงไม่ค่อยได้แต่ก็พยายามฝืนตัวเองเพราะการพักผ่อนในวันที่พลังใจอ่อนล้าเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อรู้สึกไม่แน่ใจจนทำให้อยากทิ้งทุกอย่าง เวลาที่เราต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อเป้าหมายโดยเดิมพันโหมดหน้าต่าง คือตอนใกล้ถึงวันสำคัญอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือสมัครงานเป็นต้นแต่เราจะใช้เทคนิคและทัศนคติแบบนี้ไปกับทุกเป้าหมายในชีวิตไม่ได้ถ้าถึงกับบั่นทอนความสุขในปัจจุบันจนเกินไป แม้ว่าสุดท้ายจะบรรลุเป้าหมายแต่ความพึงพอใจก็จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่แล้ววนลูปกลับสู่วงจรแห่งการแข่งขันไม่รู้จบ
เป้าหมายเป็นเพียงเข็มทิศบอกทาง เป้าหมายที่มีไว้เพื่อกำหนดการกระทำให้เราไม่หลงทางไม่ใช่มีไว้เพื่อให้เราใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ทว่าบ่อยครั้งเราเป็นทุกข์กับการไล่ตามเป้าหมาย ลองหันมาพึงพอใจกับการที่วันนี้เราเติบโตขึ้นอีกขั้นกันดีกว่า การลงมือทำช่วยรับประกันได้ว่าเราจะประสบความสำเร็จ ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับเราได้ทันที อย่าสับสนระหว่างการสนองความอยากของตัวเองกับความสุข
เมื่อพยายามเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ได้ผลน่าพอใจ
เหตุใดคนเราถึงทรมานตัวเอง อันที่จริงยังมีคนอีกมากที่เครียดเพราะไม่สามารถทำได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ฉันจึงลองคิดดูว่าเป็นเพราะอะไร โดยแบ่งออกเป็นสองกรณี กรณีที่หนึ่งคือมุ่งมั่นว่าต้องทำให้ได้แต่ไม่ลงมือทำ และกรณีที่สองคือลงมือทำแล้วแต่โลภมากเกินไป เราลองมาพิจารณากันอีกแต่ละกรณีดังต่อไปนี้
กรณีที่หนึ่งมุ่งมั่นแต่ไม่ลงมือทำ ในสมองคิดว่าอย่าออกกำลังกายทุกวันอยากทำงานอดิเรกหลังเลิกงาน แต่เมื่อถึงตอนเย็นจริงๆกับนอนเฉยๆเพราะไม่อยากทำอะไรเลย วิธีแก้ปัญหาสำหรับคนเหล่านี้มีเพียงวิธีเดียวคือต้องเริ่มทำให้ได้
กรณีที่สองลงมือทำแต่โลกมากเกินไป ความที่นิยมความสมบูรณ์แบบมักจัดอยู่ในกลุ่มนี้ เมื่อเห็นใครเก่งกว่าก็จะเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ยังคิดว่าน้อยเกินไป ท่านได้แต่ละวันเติบโตแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์หลังจากผ่านไปหนึ่งปีแล้วจะเติบโตขึ้นสามสิบเจ็ดเท่าเป้าหมายของเราไม่ใช่การเก่งกว่าคนอื่นแต่เป็นการเติบโตขึ้นทีละนิดทุกวันวันละหนึ่งเปอร์เซ็นต์
วิธีการรับมือเพื่อป้องกันการโทษตัวเองและการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แน่นอนว่าการคิดทบทวนคือสิ่งที่จำเป็นเพราะเป็นกระบวนการย้อนกลับไปตรวจสอบความบกพร่องเพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก และพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดี ถ้าอยากจะเก่งขึ้นหนึ่งเปอร์เซ็นต์เราควรตรวจสอบความผิดพลาดของเมื่อวานได้ ปัญหาคือเมื่อตรวจสอบแล้วเราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเอาแต่โทษตัวเองและเป็นทุกข์ คนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าจะไม่หันกลับไปมองข้างหลังแต่จะวิ่งไปข้างหน้า การคิดทบทวนใหม่ใช้การย้อนกลับไปมองแล้วหยุดอยู่ที่ความล้มเหลว แต่เป็นการค้นหาวิธีที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ฉันขอแนะนำวิธีพลิกมุมคิดที่ช่วยป้องกันโทษตัวเองและการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองดังต่อไปนี้ อะไรทำให้ไม่เป็นไปตามแผน ปัญหาที่เราทำอะไรไม่ได้ ทำเต็มที่แล้วหรือยัง
เมื่อการนิยมความสมบูรณ์แบบขัดขวางการเริ่มต้น
ทำอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่ทำให้ได้ดีๆ ฉันอยากให้ทุกคนเปิดใจกับการทำได้ไม่สมบูรณ์แบบสักหน่อย เราไม่ได้ทำในสิ่งที่ผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อคนอื่นอย่างการขับเครื่องบินหรือตัดสินใจคดีความ ส่วนใหญ่สิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับความผิดพลาดได้ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรเวลากันทำโปรเจคเสริมหลังเลิกงานหรือการฝึกนิสัยเป็นกิจวัตรเป็นต้น
จงใหญ่ใช้พลังเต็มที่ไปกับทุกเรื่อง บ่อยครั้งที่อารมณ์มาขัดขวางการลงมือทำ ในวันที่อารมณ์ไม่ดีในหัวจะเต็มไปด้วยข้ออ้างต่างๆนานา กลยุทธ์ที่ทำให้อารมณ์ขัดขวางเราไม่ได้มีอยู่สองวิธี ได้แก่การรู้ตัวให้เร็วกว่านี้คือการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง จากนั้นรีบลงมือทำก่อนที่อารมณ์จะเริ่มทำงาน อารมณ์จะสลายหายไปอย่างน่าประหลาดใจและสามารถทำไปได้อย่างต่อเนื่องถ้าตั้งใจว่าจะออกกำลังกายทุกวันแต่จู่ๆก็รู้สึกไม่อยากทำขึ้นมาก็อย่าคิดว่าเป็นเพราะเราไม่มีความมุ่งมั่น ให้คิดว่าเริ่มทำตามอารมณ์อีกแล้วเลิกคิดอารมณ์มือทำดีกว่า
คำถามที่จำเป็นเวลาอยากล้มเลิก
ควรถอดใจหรือทำต่อไป ทันทีที่คิดว่าอยากเลิกทำความสงสัยจะเกิดขึ้นตามมาเราอาจจะรู้สึกละอายใจว่าคนอย่างฉันทำได้แค่นี้เองหรอ ตอนเริ่มก็มีความทะเยอทะยานดีแต่มาถอดใจง่ายๆแบบนี้ ทว่าฉันอยากบอกว่าคนที่ลงมือทำแล้วเลิกยังดีกว่าคนที่ไม่เริ่มต้นทำอะไรเลย คนที่แยกแยะไม่ออกระหว่างล้มเลิกเพราะถึงเวลาควรเลิกจริงๆหรือล้มเลิกเพราะตัวเองขาดความมุ่งมั่น ลองถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้
ทำแล้วไม่มีความสุขใช่ไหม เกนอันดับแรกสุดที่ใช้เลือกกิจกรรมหลังเลิกงานก็คือสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข สิ่งที่เราเริ่มทำเพราะความสุขถ้าจะเลิกทำเพราะไม่มีความสุขก็คงไม่ใช่ปัญหา แน่นอนว่ามีบางกรณีที่ไม่ค่อยชัดเจนนักตอนทำก็สนุกดีแต่อยู่ๆก็ขี้เกียจทำขึ้นมาซะอย่างนั้น เมื่อทำสามจนเกิดเป็นความเคยชินก็จะง่ายขึ้น ลองพิจารณาดูว่าความรำคาญในตอนนี้กำลังบดบังความสุขในอนาคตอยู่หรือเปล่า
สิ่งที่ทำมันก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวหรือไม่ บางอย่างไม่สนุกแต่ควรค่าแก่การทำต่อไป ช่วงแรกที่ยังไม่ได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงกับตัวเองอ่ะรู้สึกไม่อยากทำแต่หลังจากที่ก้าวผ่านความลำบากมาแล้วเราจะรู้สึกถึงความสนุกที่เปลี่ยนไป
สิ่งที่ทำไม่มีประโยชน์กับคนอื่นเลยหรือ คำถามข้อแรกและข้อที่สองทำให้มีแรงใจต่อไปก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำต่อไปพูดง่ายๆก็คือถ้าไม่สนุกไม่มีประโยชน์กับตัวเองแต่ทำเพื่อคนอื่นจะเป็นการเสียสละอยู่ฝ่ายเดียวจึงไม่จำเป็นต้องทำต่อไปเลยล้มเลิกได้ทันที
การล้มเลิกไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนขี้แพ้ ในการเลือกทำอะไรสักอย่างจำเป็นต้องใช้ความกล้าอย่างมากเพราะเราจะรู้สึกละอายที่ความพยายามทั้งหมดจนถึงตอนนี้หายบไปกับตา รู้สึกเหมือนใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าโดยคิดว่าตัวเองเป็นคนขี้แพ้และโทษตัวเองที่อดทนทำต่อไปไม่ได้ อันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการล้มเลิกจนมากเกินไป มีเกิดก็ย่อมมีดับเราย่อมมีความสิ้นสุดนี่เป็นแค่การเริ่มต้นที่ล้มเลิกได้เท่านั้น เราควรโฟกัสอยู่กับปัจจุบันเท่านั้นอย่าย้อนกลับไปเสียดายเวลาที่ผ่านมาแล้วมัวแต่โทษตัวเอง ลองคิดดูดีกว่าว่าจะใช้เวลาตอนนี้อย่างไรมีประโยชน์และคุ้มค่า