สรุปหนังสือ ต่อให้วิ่งไปร้องไห้ไปฉันก็ไม่ยอมแพ้

ทุกคนมีจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำ และมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดแตกต่างกันไป บางครั้งก็รับมือกับมันไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเป็นเรื่องที่ถูกทำร้ายจิตใจ ก็อาจโดนกระทบกระเทือนจนเสียศูนย์ได้ไม่น้อย หลายคนมองเรื่องราวความเจ็บปวดของตัวเองผ่านชีวิตคนอื่น โดยทำการเปรียบเทียบโชคชะตา และขนาดความเจ็บปวดว่าของใครใหญ่กว่ากัน มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเลย ในวินาทีที่เอาความเจ็บปวดออกมาวัดค่ากับใคร ความสุขมากมายที่ได้ทำการกักเก็บไว้แต่เดิม ก็จะถูกลืมจนแทบสลายหายไปหมด หากว่าไฟความเชื่อและความหวังที่มีอยู่ในตัวเริ่มมอดลงแล้ว ช่วงเวลาแห่งการเปล่งประกายก็จะดับมืดเช่นกัน

ทุกคนสามารถมีความสุขกับชีวิตได้ แต่อาจไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลานี้ อาจต้องสะสมความพยายามเพิ่มเติมอีกสักหน่อย อาจต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไปอีก อาจเจ็บปวดไปสักพัก หรืออาจต้องผ่านความเศร้าไปอีกหลายครา ประสบการณ์ต่าง ๆ ก็จะได้รับการสั่งสมไว้ในทุกช่วงเวลาที่เติบโตไปข้างหน้า ความเจ็บปวดจะกลายเป็นความเข้าใจ ความเศร้าจะกลายเป็นการพักฟื้นทางจิตใจ อุปสรรคจะกลายเป็นความภาคภูมิใจ ความคิดถึงจะกลายเป็นคุณค่าของความสัมพันธ์ แล้วสักวันจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น ใส่ใจกับสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น อยากให้เชื่อในทุก ๆ จังหวะที่สร้างขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจกับทุกก้าวเดินและทางที่เลือก แน่นอนว่าขอให้นำกำลังใจที่ดีที่สุด ไปใช้เพื่อโอบรับความอบอุ่นในจิตใจ แล้วมาเปล่งประกายความเป็นตัวเองกัน

บทที่ 1

ทุกค่ำคืนยังคงเปล่งประกาย

ถึงแม้ในโลกนี้จะไม่มีใครเชื่อเลยก็ตาม แต่อย่างน้อยต้องเชื่อมั่นในตัวเอง หากมีใครสักคนบอกว่า สิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ผิด หรือบอกว่าไม่มีทางทำได้ คนเดียวที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านั้นได้ก็คือตัวเราเองเท่านั้น ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเองจะกลายเป็นความกล้าหาญ ที่ทำให้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้า แม้ว่ายิ่งมองหาอย่างไรก็ยิ่งมองไม่เห็น จึงควรมองสิ่งที่งดงามด้วยความพยายามที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป

ยิ่งอยากมีความสุขมากเท่าไหร่ ความสุขยิ่งห่างไกลออกไปมากเท่านั้น เมื่อจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง ความคิดฟุ้งซ่านก็จะหายไปเมื่อนั้น ความสุขก็จะปรากฏในใจ ความสุขเป็นคำที่ฟังแล้วเหมือนจะหาง่าย แต่ครั้นจะเก็บไว้กับตัวได้ก็ยาก ความสุขนั้นเรียบง่ายและธรรมดา ซึ่งมันซ่อนตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน ลองนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองมีความสุขแบบง่าย ๆ

อย่างเช่น ตอนได้กลิ่นผ้าห่มนุ่ม ๆ ที่แห้งสะอาด ใต้แสงแดดที่สดใสตอนที่ลมเย็น ๆ พัดผ่านใบหน้าขณะที่ยืนอยู่ใต้เงาของต้นไม้ในฤดูร้อน วันหยุดสุดสัปดาห์ที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นของกาแฟ เป็นต้น เป็นช่วงเวลาที่เรียบง่าย ทั้งยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ แม้ไม่อาจอธิบายให้ใครฟังได้ บ่อยครั้งสิ่งนี้ที่เรียกว่าความสุข เมื่อใดรู้สึกไร้ตัวตน การมองเห็นคุณค่าของตัวเอง มักขึ้น อยู่กับสถานที่ และสถานการณ์สิ่งแวดล้อมภายนอก ทำให้รู้สึกมีคุณค่า

เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดว่า พยายามแล้วแต่ก็ยังคงไร้ความหมาย ก็อยากให้ลองพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัวดู จริงแล้วปัญหาไม่อยู่ที่ตัวเราก็ได้ บางทีคนเราอยู่ถูกที่ถึงจะมีคุณค่า ขอให้ฟังเสียงหัวใจตัวเอง ก่อนอื่นถามตัวเองว่าสิ่งที่ชอบคืออะไร? และอยากสร้างเรื่องราวในชีวิตของตัวเองแบบไหน? เพราะถ้าไม่ตั้งใจฟังจิตใจของตัวเอง สุดท้ายแล้วอาจเป็นว่าที่ผ่านมา ได้ใช้ชีวิตบนความต้องการของคนอื่นมากกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ ก็ได้

ตัวเลขย่อมเริ่มต้นจากศูนย์ แม้ดวงดาวที่มีอยู่ในตอนนี้จะเล็กกว่าดวงดาวของคนอื่น แต่มันย่อมมีคุณค่าและมีความสำคัญมากกว่าดาวดวงไหน ๆ เหมือนกับความฝันที่ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ขอแค่เพียงทำตามความฝันเล็ก ๆ หรือทำเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันให้สำเร็จ สักวันหนึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เอง

ทั้งนี้ต้องไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น บ่อยครั้งที่เผลอรู้สึกว่าสิ่งของของคนอื่นดูดี และใหญ่กว่าของตัวเอง แต่รู้ไหมว่าไม่มีความรู้สึกใดที่แย่ไปกว่าการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอีกแล้ว ต้องเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีอยู่ อย่าเปรียบเทียบสิ่งที่มีกับของของใคร จึงจะพบความสุขในชีวิต ให้เดินตามเส้นทางของตัวเอง หากมัวแต่ใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น เพราะกลัวว่าจะตามหลังคนอื่น หรือมองข้ามสิ่งที่ตัวเองเป็น คอยแต่จะทำตามมาตรฐานที่คนอื่นตั้งเอาไว้ สุดท้ายอาจถูกทิ้งไว้ท่ามกลางความว่างเปล่า

คนเราย่อมมีความต้องการในชีวิตแตกต่างกัน ดังนั้น มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ ในชีวิตตัวเองบางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นแค่ตัวประกอบ เป็นเพียงคนธรรมดา ได้แต่ยืนข้าง ๆ คนที่โดดเด่นอยู่เสมอ ในช่วงเวลานั้น ความโดดเด่นของคนข้าง ๆ จะช่วยทำให้กลายเป็นตัวเองในชีวิตของตัวเองได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะทั้งสองต่างเป็นคนพิเศษที่ช่วยส่งเสริม และส่องประกายให้แก่กันนั่นเอง

เส้นทางที่ตามหา ว่ากันว่าตลอดชีวิตของคนเรานั้น ไม่สามารถรับรู้กลิ่นที่ออกมาจากร่างกายของตัวเอง เนื่องจากประสาทรับกลิ่นสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วมากกว่าประสาทรับรู้อื่น ๆ ดังนั้น เมื่อร่างกายผลิตกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยออกมา ประสาทรับกลิ่นจะปรับตัวให้คุ้นชินในระยะเวลาอันรวดเร็ว และท้ายที่สุดก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นนั้น ๆ ได้

ความสามารถในการรับรู้กลิ่นที่ว่านี้ คล้ายคลึงกับคนเรา ทุกวันนี้ที่มักมองไม่เห็นคุณค่า และเสน่ห์ของตัวเอง คนเราต่างก็มีจุดเด่นในตัวเองทั้งสิ้น แต่ความเคยชินทำให้มองไม่เห็นจุดเด่นนั้น หลายคนถึงขั้นผิดหวังที่จุดเด่นของตัวเองแตกต่างจากคนอื่นไปอีก จึงหลอกตัวเองเพื่อให้รู้สึกว่า มีส่วนที่เหมือนกับคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังพยายามสร้างสิ่งที่ไม่เข้ากับตัวเอง เพื่อลบล้างสิ่งที่เป็นอีกด้วย

แม้ต่อให้พยายามแต่งเติม หรือแก้ไขตัวตนเพียงใด สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวแปลกประหลาด ที่ทำให้ต้องผิดหวังกับตัวเองอีกครั้ง ถ้าติดอยู่ในบ่วงแห่งการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ก็จะต้องสูญเสียไปหมดทุกอย่าง แน่นอนว่าการพิจารณาตัวเองจากความสำเร็จของผู้อื่น เพื่อนำมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นย่อมเป็นสิ่งจำเป็น แต่การพยายามหาคุณค่าของตัวเอง

โดยเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอย่างไร้จุดหมาย กลับจะทำให้สูญเสียข้อดีและเสน่ห์ของตัวเองไปในที่สุด แท้จริงแล้วอาจเป็นชีวิตที่ใครหลายคนอิจฉา และเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากมีก็ได้ จงอย่าลืมว่าชีวิตของเราก็มีคุณค่า และพิเศษไม่ต่างอะไรจากชีวิตของคนอื่น ที่คอยเอาแต่เปรียบเทียบ หากว่ากำลังเป็นคนหนึ่งที่หลงลืมเสน่ห์ และคุณค่าของตัวเองที่มีมาตั้งแต่เกิด ก็อยากให้ลองมองหาข้อดี และคุณค่าของตัวเอง ด้วยมุมมองแบบอื่น ๆ ที่แตกต่างดูบ้าง

เมื่อเวลาไม่ช่วยเยียวยาอะไร ความเจ็บปวดที่ยากจะรับมือไหวทำให้แสดงความรู้สึกออกมาไม่ได้ จึงเลือกวิธีที่ทำให้ร่างกาย และหัวใจลืมความเจ็บปวดเท่านั้นเอง แต่การแกล้งลืมและใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่ช่วยให้บาดแผล หรือความเจ็บปวดจางหายไปสักนิด เพราะบางบาดแผลต้องการการยอมรับ จึงจะได้รับการเยียวยาอย่างแท้จริง อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้น คำที่พูดไม่ได้ก็มีมากขึ้น สิ่งที่ห้ามทำกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าสิ่งที่ทำได้ สิ่งที่ต้องปกป้องก็มีมากเกินกว่าจะเสี่ยงทำสิ่งท้าทายใหม่ ๆ บางทีอาจมากกว่าสิ่งที่อยากจะบอกด้วยซ้ำ

จงหันกลับมาทำดีกับตัวเอง คนที่คอยรับฟังแต่เรื่องราวของคนอื่น แม้จะอยากพูดเรื่องของตัวเอง คนที่คอยเอาใจใส่สิ่งที่คนอื่นต้องการมากกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้ามัวแต่เอาใจใส่แต่คนอื่น แล้วตัวเราเองที่สำคัญกว่าใคร จะมีใครมาให้ความสำคัญได้ จึงควรหันมาทำดีกับตัวเองก่อนเสมอ เพราะมีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต

บางสิ่งไม่ลองก็ไม่รู้ การปกป้องที่มากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี จำเป็นต้องพบเจอเรื่องลำบากบ้าง เพื่อจะได้เรียนรู้วิธีผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าจะมีความกล้าหาญในการท้าทายสิ่งใหม่ ๆ บางครั้งก็ต้องเจอกับทางตัน เป็นแบบนี้ก็เพื่อให้รู้ว่าใต้ฝ่าเท้าที่ยืนอยู่ตอนนี้ ก็ยังมีดอกไม้ที่งดงามเบ่งบานอยู่ ถึงแม้จะรู้ตอนจบดีว่าเป็นอย่างไร แต่เหตุผลที่ต้องเริ่มทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น บางทีก็เพื่อความสนุก และมีความสุขระหว่างทาง อย่ากลัวตอนจบจนยอมแพ้แม้แต่จะเริ่มต้น ความเสียดายหลังจากทำไปแล้วกับความเสียดายที่ไม่ได้ทำมันแตกต่างกันมาก

ชีวิตมีขึ้นเขาลงห้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหวัง ที่ภูเขาบางลูกขึ้นไปสู่ยอดไม่สำเร็จ เพราะความพยายามระหว่างทางไปสู่ยอดเขาแห่งนั้น มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้มีความสุข ผู้คนมากมายพยายามอย่างเต็มที่ในการใช้ชีวิตแต่ละวัน พวกเขาสู้จนสุดกำลัง และไม่แม้แต่จะลังเลว่า สิ่งที่ทำอยู่จะกลายเป็นแค่ความเพ้อฝัน

หลังม่านหมอกที่เรียกว่า ความกังวลและความไม่สบายใจ อาจมีสิ่งที่จินตนาการไม่ถึงรอคอยอยู่ บ่อยครั้งที่สิ่งนั้นทำให้เจ็บปวดและเศร้าใจ แต่ความจริงแล้ว การมีชีวิตโดยไม่เคยเรียนรู้ความเจ็บปวด คงเป็นการมีชีวิตที่ไร้สีสัน การได้เรียนรู้ความทุกข์บ้าง หรือได้ตระหนักถึงความรู้สึกขอบคุณ และความดีใจปะปนกัน อาจเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากกว่าชีวิตที่ไม่เคยได้รู้สึกอะไรเลย ทุกชีวิตล้วนมีตอนจบ ไม่มีใครมีชีวิตราบรื่นและเต็มไปด้วยความสุขอยู่เสมอ ทุกคนล้วนมีพลังมากพอที่จะเลือกเดิน และเผชิญกับความรู้สึกต่าง ๆ บนเส้นทางชีวิตอันหลากหลายที่รออยู่ข้างหน้า

บทที่ 2

เพียงแค่มีอยู่ก็ส่องแสงงดงาม

คนเราต่างทำหน้าที่ของตัวเอง และรอการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ ความพยายามก็เหมือนดาวดวงเล็กดวงหนึ่งในหลากหลายพันดวง ที่ทำให้โลกนี้เกิดความสวยสดงดงาม การวิ่งตามหลังคนอื่นทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความฝันและเป้าหมาย สุดท้ายอาจพบว่าไม่มีอะไรอยู่ที่ปลายทางนั้น ความฝันและเป้าหมายในชีวิตไม่ใช่แค่คำพูดง่าย ๆ คำหนึ่ง แต่เป็นคำที่ควรทำให้พยายามอย่างไม่หยุดนิ่ง ควรคิดให้ดีว่าแท้จริงแล้วความฝันคืออะไร

คนที่เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ได้อยู่เสมอคือ คนที่มีความหนุ่มสาวอยู่ในตัวโดยไม่เกี่ยวกับอายุ ทันทีที่รู้สึกเหนื่อยกับสถานการณ์รอบตัวจนอยากยอมแพ้ ตอนนั้นแหละที่ความหนุ่มสาวจะหายไปตลอดกาล จงเป็นคนที่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการที่เหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม แทนที่จะมัวคิดถึงอนาคตและพยายามวิ่งไปข้างหน้า เพียงแค่สามารถใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วยการอยู่กับที่ และเตรียมต้อนรับกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง โดยการหันมาทำสิ่งที่ทำได้ไปทีละนิด เมื่ออนาคตมาถึงจะไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดเลย

แต่บางครั้งก็ยังเกิดความสับสนว่า เป้าหมายที่พยายามไปให้ถึงเป็นสิ่งที่ทำเพื่อใครกันแน่ มันใช่สิ่งที่ต้องการจริงหรือเปล่า เส้นทางนี้เป็นทางที่อยากไปจริงไหม คำถามมากมายผุดขึ้นมาอย่างสะเปะสะปะจนรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่ากำลังวิ่งตามอะไรอยู่ เส้นทางที่วิ่งมาอย่างมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมาย และได้มาซึ่งความสุขเป็นเส้นทางที่ต้องการจริงหรือเปล่า ในตอนนี้ก็ยังคงค้นหาคำตอบนั้นอยู่ร่ำไปใช่ไหม

เรียนรู้เพื่อความสุขไม่ใช่ความสำเร็จ วิชาท่องจำไม่ใช่ทั้งหมดของการเรียนรู้ และไม่อาจทำให้มีความสุขได้ การทำสิ่งที่ตัวเองชอบ และได้ลองเรียนรู้ในสิ่งเหล่านั้นต่างหาก ที่เป็นสิ่งจำเป็น และทำให้มีชีวิตอย่างมีความสุขได้ ดังนั้น การเรียนรู้เพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างเดียว จึงไม่อาจนำพามาซึ่งความสุขเสมอไป ดูเหมือนว่าระบบทุนนิยมยุคนี้ จะทำการประเมินคุณค่าด้วยเงินเดือนอยู่บ่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม จงเป็นคนที่กำหนดคุณค่าของตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ความคิดหรือการตีค่าจากคนอื่น แต่คือการมองและยอมรับตัวเองต่างหาก

ในโลกนี้ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการไม่เชื่อในตัวเองอีกแล้ว การโทษตัวเองหรือโทษคนอื่นไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงไป ซ้ำยังทำให้หลงลืมปัญหาที่แท้จริงอีกด้วย การหาวิธีแก้ไขโดยไม่ย้ำคิดย้ำทำกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วต่างหาก ที่มีประโยชน์มากกว่าการต่อว่าคนอื่น หรือมัวแต่น้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เมื่อปัญหาเกิดความซับซ้อนมากขึ้น วิธีแก้ไขอาจอยู่ใกล้อย่างคาดไม่ถึง เมื่อไหร่ที่มองไม่เห็นสาเหตุว่าปัญหาเกิดจากอะไร? ให้ลองตรวจสอบนิสัยของตัวเองดูก่อน บางครั้งแค่ลองปรับเปลี่ยนนิสัย หรือความเคยชินนิดหน่อย ปัญหาก็คลี่คลายได้เช่นกัน

ความทรงจำที่เจ็บปวดเป็นสิ่งที่ลบได้ยาก ดังนั้น อย่าพยายามลืมมัน แต่ให้ลองเปลี่ยนเป็นการนึกถึงความทรงจำดี ๆ อย่างอื่นเพิ่มขึ้นแทน ลองเปลี่ยนมุมมองว่ามีความทรงจำที่ดีมากมาย และความทรงจำที่เจ็บปวด ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในความทรงจำมากมายเท่านั้น สักวันหนึ่งจะรู้เองว่า ไม่ต้องพยายามลบความทรงจำแย่ ๆ เพราะมันจะกลายเป็นอีกช่วงเวลาที่มีความหมาย ไม่ต่างจากความทรงจำดี ๆ เลย

คนบางคนสร้างความจริงขึ้นมาจากความคิดและความเชื่อ ซึ่งมีแนวโน้มว่านั่นเป็นข้อมูลที่แฝงด้วยอคติ เมื่อนั้นความจริงจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จริง และสิ่งที่ไม่จริงจะกลายเป็นความจริง ดังนั้น สิ่งที่เลือกจะเป็นตัวกำหนดว่า โลกของเราเป็นเรื่องจริงแท้หรือว่าแค่เรื่องโกหก ชีวิตนี้มีอยู่เพื่อใครกันแน่ เมื่อใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสทุนนิยม บ่อยครั้งที่ต้องเลือกทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ

ทุกวันนี้มีการวิเคราะห์นิสัยของคน ด้วยการประเมินพฤติกรรมในสถานการณ์หลาย ๆ แบบ เพื่อแบ่งกลุ่มออกเป็นลักษณะนิสัยต่าง ๆ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย แม้ต่างก็รู้ดีว่าไม่ได้ดีพอที่จะตัดสินใครได้ แต่ก็ยังปรากฏคอนเท้นต์อะไรแบบนี้มากมาย คล้ายกับการแบ่งนิสัยคนจากกรุ๊ปเลือด ที่เคยฮิตมาก ๆ ในสมัยก่อน

ด้วยเหตุนี้คนบางกลุ่ม จึงพยายามหาความชอบธรรมให้กับการกระทำที่เห็นแก่ตัว และไม่มีมารยาทของตัวเอง เพื่อให้อยู่เหนืออีกฝ่าย โดยยกเอาผลการวิเคราะห์บุคลิกนิสัย ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ หรือยืนยันชัดเจนมาอ้าง ความจริงแล้ว ถึงจะไม่อ้างว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน ก็คงยากที่จะเยียวยาความรู้สึกของคนที่เสียใจ จากการกระทำที่ไม่มีมารยาทไปแล้วให้ดีขึ้นได้ การคิดให้รอบคอบก่อนพูด และรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นสิ่งที่สมควรทำ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบใดก็ตาม อย่าเจ็บปวดเพราะคำพูดใจร้ายของใครเลย อย่าสงสัยในความสามารถของตัวเอง เพราะคำพูดที่ไม่คิดของใครก็ไม่รู้ ไม่สามารถบ่อนทำลายตัวเราเองได้ถ้าเราไม่ยอม

บทที่ 3

ที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักแล้ว

เหตุผลที่ควรแบ่งปันความสุข การมีใครสักคนที่สามารถแบ่งปันความสุขได้ เมื่อทำอะไรบางอย่างที่สำคัญในชีวิตสำเร็จ คงจะวิเศษเหนือสิ่งอื่นใดเลย เพราะว่าไม่มีใครร่วมยินดีกับความสำเร็จ ความสุขที่มีก็คงไร้ความหมาย

และอาจมีบางวันที่โดดเดี่ยว เหมือนถูกทิ้งไว้เพียงลำพังบนโลกใบนี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกแบบนั้น ให้ตั้งมั่นกับตัวเองว่า จะนึกถึงใครสักคนที่คอยให้กำลังใจ จากที่ใดสักแห่งที่อยู่ไกลแสนไกลเสมอ เวลาที่เหนื่อยหรือทุกข์ใจ เพื่อนที่แท้จริงจะคอยเดินอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่คนที่คอยเดินอยู่ข้างหลัง หรือเดินนำอยู่ข้างหน้า การได้ใช้ชีวิตกับคนสำคัญเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเสมอ ต่อให้ต้องพบเจอกับทางตัน แต่หากได้สร้างความทรงจำ และดูแลหัวใจซึ่งกันและกัน แค่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่องที่ยุ่งวุ่นวาย การใช้ชีวิตเพื่อเป้าหมายเดียวคือ การกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิม แต่กลับสูญเสียคนสำคัญมากมายรอบตัว ระหว่างเส้นทางที่ผ่านมา แม้อยากทำให้พวกเขารักและยอมรับมากขึ้นแท้ ๆ แต่สุดท้ายพวกเขากลับยิ่งห่างไกลออกไป เพื่อนที่เคยเจอหน้ากันทุกวันสมัยก่อน ทุกวันนี้แค่ทักทายกันยังเป็นเรื่องยาก แม้จะเคยมีช่วงชีวิตที่ได้ใช้ร่วมกัน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปต่างคนต่างก็มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง และต่างก็ยังให้กำลังใจกันและกัน

บนเส้นทางชีวิตที่เลือกได้ ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็ง แม้จะต้องอยู่ลำพังก็ตาม แล้วอยากประสบความสำเร็จอย่างสง่าผ่าเผย โดยปราศจากการช่วยเหลือจากใครไป อาจมองข้ามผู้คนที่คอยถามไถ่อย่างห่วงใยและให้กำลังใจ สุดท้ายผู้คนรอบตัวนี่เอง ที่จะคอยสอนให้รู้ว่าคนเราสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ก็จริง แต่ไม่อาจสร้างความสุขได้โดยลำพัง ความสุขที่ร่วมแบ่งปันกับคนอื่น เป็นความสุขที่ล้ำค่ากว่าความสุขที่รู้สึกเพียงคนเดียว

ที่จริงการอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น จะทำให้รู้จักความเงียบเหงา เพราะรู้จักความเงียบเหงา จึงเห็นคุณค่าของการใช้เวลาทุกขณะร่วมกัน เมื่อคนสองคนที่แตกต่างกันได้มาพบกัน แล้วแลกเปลี่ยนเรื่องราวและสร้างสรรค์ชีวิต อย่างเช่น จักรวาล 2 แห่งได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มันช่างดูงดงามและเกิดความเติบโตได้ดีทีเดียว จนทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นหัวใจ และได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับได้ไปพักผ่อนอันแสนสบาย อาจดูว่าสิ่งเหล่านี้แหละ จะกลายเป็นพลังยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้ก้าวเดินต่อไปได้อีกวัน

โลกใบนี้จะน่ากลัวน้อยลง เพียงแค่มีใครอยู่ในชีวิต แม้จะไม่ได้เหมือนละคร ที่ทุกปัญหาคลี่คลายได้รวดเร็วภายในวันสองวัน แต่การมีใครอยู่ด้วยทำให้สิ่งที่เป็นไปได้ยากกลายเป็นเรื่องที่ไม่ลำบากเกินไป ที่จะก้าวผ่านไปให้ได้ การอยู่ด้วยกันคงมีความหมายแบบนี้ คนสองคนย่อมแข็งแกร่งกว่าหนึ่งเดียว แม้จะต้องล้มเหลวหรือแตกสลายสักกี่ครั้ง แต่เพราะมีกันและกันจึงทำให้ยังยิ้มสู้ต่อไป

การอยู่ด้วยกันทำให้ได้รับพลังวิเศษ ที่ทำให้ได้เรียนรู้การพอใจกับสิ่งเล็กน้อย ถ่อมตัว และไม่อยากได้อยากมีในสิ่งที่ยังไม่จำเป็น จึงคิดว่าการได้พลังวิเศษนี้มันยิ่งใหญ่ และแข็งแกร่งมากกว่าการประสบความสำเร็จในเรื่องใดเสียอีก ชีวิตคือการเลือกที่ไม่รู้จบ คำกล่าวนี้คล้ายคลึงกับที่กล่าวกันว่า เมื่อพลาดโอกาสอะไรไปแล้ว จะไม่สามารถพบเจอโอกาสดี ๆ นั้นได้อีกเป็นครั้งที่ 2 ดังนั้น หากไม่อยากเสียดายทีหลัง อย่ายอมปล่อยให้โอกาสดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาหลุดมือไป เพราะอาจไม่มีโอกาสได้พบมันอีกครั้งแล้วก็ได้

ชีวิตในวัยรุ่นและวัยชราคงไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันเลย ก็ทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อมโยงกันอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป วัยรุ่นก็จะกลายเป็นวัยชรา เส้นทางที่วัยชราเดินผ่านมา ก็จะกลายเป็นเส้นทางที่วัยรุ่นเดินทางต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ เส้นทางที่ทั้งสองต้องเดินจึงเป็นเส้นทางเดียวกัน ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงควรเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันและกันมากกว่าคอยจับผิด ความแตกต่างของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จนทำให้ตระหนักว่า ไม่มีความยุติธรรมบนโลกนี้ เพราะตั้งแต่เกิดมา แต่ละคนก็อยู่ในครอบครัว และสภาพสังคมที่แตกต่างกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องการศึกษา เงื่อนไขทางร่างกาย และพรสวรรค์ที่แตกต่างกันอีก ในเมื่อจุดเริ่มต้นแตกต่างกัน การเอาแต่อ้างว่าต้องให้ความยุติธรรมต่อพวกเขาด้วย โดยยังวางตนเหนือกว่าผู้อื่น ก็คงไม่ทำให้เกิดประโยชน์ กลับกลายเป็นสร้างความไม่เป็นธรรมมากขึ้นไปอีกมากกว่า

มีคำกล่าวที่เคยได้รับฟังมากันว่า ถ้าเป็นคนดีมากเกินไป ก็จะยิ่งโดนโลกนี้เอาเปรียบ อาจส่งผลทำให้คนใจร้ายกันมากขึ้น เพราะเมื่อต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกัน แล้วไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดโลกก็จะเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความเกลียดชังจริง ๆ ทุกวันนี้โลกน่าอยู่น้อยลง ความเข้าใจกันและกันก็จางหายไป ผู้คนยึดมั่นถือมั่นและมีอคติในใจว่า คนนั้นคนนี้ไม่ดี ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใดก็จะไม่ถูกใจไปเสียหมด ความเกลียดชังต่าง ๆ จึงกระจายตัวไปทั่วสังคม ทำให้ผู้คนมากมายเจ็บปวด

หากมองให้ดีแล้วเมื่อใดที่กำลังจะทำร้ายคนอื่น ด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ดี อาจไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับแค่คน ๆ นั้น แต่มันอาจส่งผลสะท้อนกลับมาที่ตัวเรา หรือคนสำคัญอย่างเช่นครอบครัว เพื่อน และคนรักด้วยก็ได้ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญต่อสังคมที่เย็นชาแบบนี้ ไม่ใช่การปกป้องตัวเองแล้วคอยทิ่มแทงอีกฝ่ายด้วยมีดที่แหลมคม แต่ควรเป็นการโอบกอดกันไว้ด้วยความรักมากกว่า การใช้ชีวิตแต่ละวันด้วยความเกลียดชังใครสักคน ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้สังคมเติบโต ความเห็นอกเห็นใจและความสามัคคีกันต่างหาก ที่จะช่วยสร้างสังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

บทที่ 4

อยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม

พ่อแม่สามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกได้เสมอ การเสียสละเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดสำหรับพวกเขา จากนี้ไปพ่อแม่ก็ควรได้ใช้ชีวิตของตัวเองเช่นกัน ดังนั้น จึงควรยอมรับในการเติบโต และการอยู่ได้ด้วยตัวเองของลูก ๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกับลูก ๆ และคอยให้กำลังใจกันและกัน และจงอย่าลืมว่าทั้งสองต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง อีกทั้งเด็ก ๆ มักมีมือเท้าที่เลอะเทอะอยู่เสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะหยิบจับอะไร ทุกสิ่งก็จะเลอะเทอะตามไปด้วย รวมถึงบนตัวของแม่ที่คอยอุ้มพวกเขาไว้ เมื่อพวกเขาเติบโต และเป็นอิสระจากการเลี้ยงดู พวกเขาต่างอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง พวกเขาจึงไม่รู้จักวิธีการแสดงความรู้สึกต่อแม่ ผู้ที่คอยเลี้ยงดูอุ้มชูพวกเขาจนตัวเองหม่นหมองและไม่สดใส

คงไม่มีอะไรที่ทำง่ายและยากเหมือนกับการเป็นแม่อีกแล้ว แม่เป็นคำศัพท์ที่คนเราพูดมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา ขณะเดียวกันก็เป็นคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจความหมายมากที่สุดเช่นกัน แม่คือคนที่คิดถึงและกลับมาหาทุกครั้งที่เสียใจ เพียงนึกถึงแม่น้ำตาก็รื้นขึ้นมาในดวงตาแล้ว แม่เป็นคนสำคัญเสมอ ถึงแม้ว่าตอนที่ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ทำอะไรได้เองแล้วก็ตาม แต่แม่ก็ยังเป็นคนสำคัญและจำเป็นในชีวิตของลูกเสมอ ลูกจึงจำเป็นต้องมีแม่และมีกันและกันตลอดไป

ผู้หญิงเมื่อกลายเป็นแม่แล้ว เธอจะเสียสละความฝันของตัวเองทั้งหมดเพื่อลูก ให้ลูกเติบโตขึ้นแม้ไม่ได้ราบรื่นนัก แต่ก็รู้สึกว่าการได้ใช้เวลากับแม่ ย่อมดีกว่าการได้เงินเพียงเล็กน้อย สำหรับแม่แล้วการไม่มีเงินทำให้เลี้ยงลูกลำบาก แต่สำหรับลูกการไม่มีความรักจากแม่มันยากลำบากกว่าการไม่มีเงินเสียอีก

โลกของคุณยายใหญ่โตกว้างขวางกว่าใคร เพราะหากเปรียบเทียบโลกของคุณยาย ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย ได้พบปะเรียนรู้อะไรหลายอย่าง เมื่อมือที่เหี่ยวย่นของคุณยายลูบหลังหลานอย่างอ่อนโยน จึงทำให้หลานรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด ราวกับคุณยายกำลังบอกว่า ทุกอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ในโลกเล็ก ๆ นี้ จะคลี่คลายและเข้าที่เข้าทางในที่สุด

เมื่อวันเวลาผ่านไป โลกของหลานมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันโลกของคุณยายกลับมีขนาดเล็กลง เหมือนกับเสื้อผ้ายืดที่หดลงเพราะนำไปซักในเครื่องซักผ้า รวมถึงร่างกายของคุณยายก็เล็กลง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามัวแต่หาเลี้ยงครอบครัว เวลา 10 ปีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดคุณยายก็นอนป่วยอยู่บนเตียง

แม้ว่าหลาน ๆ จะปลอบโยนคุณยายได้ไม่ดี เท่ากับที่คุณยายเคยทำให้เมื่อตอนเป็นเด็ก แต่ก็อยากช่วยให้ค่ำคืนบนเตียงของคุณยายไม่มืดมิด และเกิดความเงียบเหงาจนเกินไป จึงหวังว่ากำลังใจจากหลาน จะช่วยทำให้คุณยายมีชีวิตชีวาอีกครั้งเหมือนกับตอนที่ยังเด็ก คุณยายเคยสอนให้มองโลกในแง่ดี และยังได้ให้กำลังใจแก่หลานเสมอ

คนที่หมดวาสนาต่อกันแล้ว สุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ บ่อยครั้งที่คน ๆ นั้นอาจมาปรากฏตัวในใจหรือเดินสวนกัน แต่ก็ยากที่จะกลับมาพบกันอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเราได้พบและรู้จักกันครั้งหนึ่ง ต่อให้ความสัมพันธ์จะจบสิ้นไปแล้ว และอยากจะลืมไปให้หมดสิ้น แต่ความจริงเหล่านั้นจะคงอยู่ในชีวิต ยังอยู่ในชื่อที่เรียกว่าความทรงจำอยู่ดี สิ่งเดียวที่ทำได้คงเป็นการเชื่อมั่นว่าสักวันจะกลับมา

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไป แต่สิ่งเดียวที่ทำได้มีเพียงการเฝ้ารอเท่านั้น เมื่อวันเวลาล่วงเลยไปจึงตระหนักได้ว่า ไม่มีแล้วที่จะกลับมา บางเรื่องที่เคยโง่เขลาที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปอาจกลายเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ ความรัก หรือความฝัน ทุกเรื่องล้วนมาจากสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งเป็นพื้นฐานการมีชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ แต่หากต้องแลกมาด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่ ย่อมเป็นชีวิตที่หาความสุขได้ยาก ดังนั้น การบอกว่ากินข้าวด้วยนะ จึงเป็นคำอวยพรที่ยิ่งใหญ่กว่าคำอวยพรใดเสียอีก

ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ ความรักก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าอยากจะนำพามันไปให้ตลอดทาง แต่แล้ว ณ ที่ใดที่หนึ่ง มันกลับพังทลายลงเหมือนกับเข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่ง คนเราที่ยังคงต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ก็ทำได้เพียงทิ้งความรักที่แตกสลายไว้อยู่เบื้องหลัง ครั้งหนึ่งคนสองคนเคยวาดฝันอนาคตไว้ด้วยกัน แต่แล้ววันนี้ต่างอาจเดินจากกันไป เหลือแต่เพียงอดีตไว้ข้างหลัง บางครั้งภาพความทรงจำกลับมาวนเวียนในความคิด ซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหา ในขณะเดียวกันก็ผสมกลมกลืนกับความขมขื่น พยายามผลักไสความทรงจำที่ทำให้เจ็บปวด เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ที่หากจะมัวแต่นึกถึงมัน

แต่แล้วเมื่อเวลาได้ผ่านไป เรื่องราวที่เคยเจ็บปวดนั้น มักกลับกลายเป็นเพียงเรื่องธรรมดา แค่จำมันได้แต่ไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ยอมรับเรื่องราวที่ผ่านมาว่าเป็นเพียงอดีต และยิ้มรับมันในฐานะความทรงจำหนึ่งเท่านั้น คนเราต่างมีชีวิตในปัจจุบัน ที่จ้องมองไปบนเส้นทางข้างหน้า แต่เศษเสี้ยวความทรงจำในอดีต ที่ไม่สามารถย้อนกลับไปนี่แหละ ที่ช่วยปลอบประโลมใจในวันที่อ่อนล้า

เวลาแห่งชีวิต พ่อจำนวนมากเรียนรู้วิธีการเป็นหัวหน้าครอบครัวมาจากพ่อของตัวเอง พ่อหลายคนทำงานอย่างทุ่มเทมาตลอดชีวิต จนถึงวัยเกษียณจึงเข้ากับครอบครัวได้ไม่ดีนัก คงเป็นเพราะพ่ออุทิศตัวเองเพื่อการทำงาน จนไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดถึงชีวิตหลังเกษียณของตัวเอง คนเราต้องจากลากันอีกสักกี่ครั้ง การจากลานี้ถึงจะสิ้นสุดลงเสียที ไม่ว่าจะเป็นการบอกลาคนสำคัญที่เสียชีวิต หรือการจากลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเสมอ

การต้องรับมือกับการจากลาเป็นสิ่งที่ทำให้เหนื่อยล้า และหวาดกลัวเมื่อต้องพบเจอผู้คนใหม่ ๆ กลัวว่าสิ่งที่ทำให้มีความสุขในวันหนึ่ง อาจกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกข์ทรมานที่สุดก็ได้ จนอยากเป็นคนที่เข้มแข็ง และคุ้นเคยกับการจากลาขึ้นสักหน่อยก็ดี สิ่งที่อยากบอกก็คือ ต่อให้วันข้างหน้าต้องพบเจอกับการจากลาอีกสักกี่ครั้ง ก็อยากให้ได้รู้จักเห็นคุณค่าของคนที่ยังอยู่ข้างกัน และทำสิ่งที่ดีที่สุดให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ในใจจะเจ็บปวดกับการจากลาก็ตาม บางทีผู้คนที่จากไปแล้ว อาจกำลังเฝ้ามองและปกป้องอยู่จากที่ใดที่หนึ่ง ที่ตัวของเราอาจมองไม่เห็นก็ได้ จงมาคิดถึงพวกเขาด้วยกัน และออกตามหาพรหมลิขิตใหม่ ๆ ในวันพรุ่งนี้กันดีกว่า.