Productive Routine


• นอนสำคัญสุด

– ถ้าทำงานอยู่แล้วง่วง ให้ไปนอนก่อน ค่อยกลับมาทำ … 1 ชั่วโมงที่ทำงานแบบง่วงๆ ต่อ กับ 1 ชั่วโมงที่ทำหลังจากตื่นนอน จะมีประสิทธิภาพกว่าเยอะมาก

– นอนให้มีคุณภาพ … หลักทั่วๆ ไป

1. ไม่ควรดื่มอาหาร 4 ชั่วโมงก่อนนอน

2. อย่าดื่มกาแฟก่อนนอน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

– จำนวนชั่วโมงที่นอน ไม่สำคัญเท่า คุณภาพการนอน … คุณภาพการนอนที่ดี มีสัญลักษณ์การบอกอย่างหนึ่ง คือ คุณไม่ต้องมีนาฬิกาปลุก สามารถตื่นเอง

“วันของคุณไม่ได้เริ่มต้นตอนคุณตื่น มันเริ่มต้นตอนคุณนอน”

• ออกกำลังกายดีมากต่อสมอง .. ไม่รวมเรื่องอื่นที่เป็นผลพลอยได้

– ทำไงให้ตื่นแล้วไปออกกำลังกายได้ … ง่ายๆ คือ

1. ก่อนนอนคืนนั้นให้จัดชุดรอไว้เลย

2. กฏ 5 วิ … นับ 1-5 ต้องลุกจากเตียง (อย่านับนานกว่านั้น เพราะจะทำให้ความคิดอื่นเข้ามา)

• Routine ในตอนเช้าอย่าไปเปลี่ยนมันบ่อย … เช่น ชอบดื่นน้ำผสมมะนาวตอนเช้า ก็ทำให้เป็นประจำ … เพราะว่า ร่างกายมนุษย์ชอบ Routie

• ข้าวเช้า : ควรหลีกเลี่ยงของที่มี กลูเตน (Gluten) … พวกแป้งสาลีทั้งหลาย … จะทำให้เรามีพลังงานระหว่างวันเยอะขึ้น

• Prime time ของสมอง หรือ ช่วงที่สมองทำงานดีที่สุด มีอย่างมากก็แค่วันละ 4 ชั่วโมง

– ส่วนใหญ่จะอยู่ตอนเช้า

– บางคน (ส่วนน้อย) อยู่ตอนกลางคืน

*** เราทำอะไรในช่วง Prime time นี้แหละ จะบอกว่าเราเป็นคนที่ Productive รึเปล่า ***

Productive : คือทำแล้วได้งานเยอะที่สุด … ไม่เกี่ยวกับทำงานหนักถึง 4 ทุ่มทุกวัน … เช่น ส่วนมาก ผลงาน 1 ชิ้น จะประกอบด้วยงาน 10 อย่าง จะมี 2 อย่างที่ทำแล้วมีผลมากที่สุด (80%) ที่เหลืออีก 8 อย่าง เป็นเพียง (20%)

– สร้าง To do list … ให้รู้ว่าสิ่งไหนสำคัญที่สุด

– list ที่สำคัญที่สุด มีวิธีการดูง่ายๆ คือ

1. เป็นของที่ไม่อยากทำ

2. เป็นของที่ทำยาก

– ให้ทำสิ่งสำคัญก่อนในช่วง Prime time

• คนที่ประสบความสำเร้จส่วนมาก คือ คนที่ “ทำงานที่สำคัญ แต่ไม่ด่วน” ได้ดี

• งานบนโลกใบนี้แบ่งออกเป็น 4 ปรเภท

1.งานที่ สำคัญ และ ด่วน

2. งานที่ สำคัญ แต่ไม่ด่วน ***

3. งานที่ ไม่สำคัญ แต่ด่วน

4. งานที่ ไม่สำคัญ และไม่ด่วน

เช่น

ป่วยเป็นโรคร้ายแรง (เป็นงานที่ 1 : สำคัญ และ ด่วน)

หลายคนรู้อยู่แล้วว่าวิธีการป้องกันการป่วย คือ กินอาหารดี , ออกกำลังกาย และ พักผ่อนให้เพียงพอ (เป็นงานที่ 2 : สำคัญ แต่ไม่ด่วน)

ซึ่งทั่วไป งานที่ 2 : สำคัญ แต่ไม่ด่วน มักจะโดน งานที่ 3 : ไม่สำคัญ แต่ด่วน แย่งเวลาไป เช่น การดูหนัง ดูละคร เดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง หรือติดซีรี่ย์ กว่าจะได้นอนตี 1 ตี 2 , เพื่อนชวนกินเหล้าต้องรีบไป เป็นต้น

ทั้งนี้ถ้าเราไม่ทำงานที่ 2 : สำคัญ แต่ไม่ด่วน … วันนึงมันจะกลับกลายเป็นงานที่ 1 : สำคัญ และ ด่วน

• เรียงลำดับความสำคัญของงานที่ทำให้ได้ … ทำงานที่สำคัญให้เสร็จก่อน

• งานที่สำคัญ ก็สามารถแบ่งย่อยได้อีก เพราะว่ามันไม่ได้สำคัญทั้งก้อน

เช่น ทำพรีเซนต์ส่งหัวหน้า … สมมติงานนี้ใช้เวลา 100 นาที แบ่งเป็น 20 นาทีคิดโครงสร้าง และ 80 ทำ powerpoint … ให้ใช้เวลา Prime time ทำช่วงที่เป็นส่วนของการคิดโครงสร้าง เพราะมันสำคัญ … ส่วนพวกตัดแปะรูปลง Powerpoint ให้เอาไปทำช่วงอื่น … ไม่ใช่ใช้เวลา Prime time ไปทำ Powerpoint เพราะมันไม่ได้เกิด Productivity อย่างเต็มที่

แนะนำหูฟังตัดเสียง : เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีห้องส่วนตัว เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้สร้าง Productivity ได้มากที่สุด

• เวลาพักเที่ยง ไม่ควรกินข้าวหน้าคอม เวลาพักคือพัก สมองต้องการการพักผ่อน

• ช่วงบ่าย มักจะเป็นช่วงที่ประสิทธิภาพการทำงานของสมองน้อยลงไป

– งีบตอนเที่ยง ก่อนทำงานช่วงบ่าย ประมาณ 10-15 นาที เหมาะที่สุด

Nappuccino : ดื่มกาแฟก่อนงีบ : ก่อนงีบให้ดื่มกาแฟไปก่อน แล้วนอน โดยคาเฟอีนจะใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 10-20 นาที และเราตื่นพอดี ทำให้เรามีแรงในการทำงานช่วงบ่ายต่อ

– ช่วงบ่ายสมองไม่สดใสช่วงตอนเช้า ให้ทำงานที่ใช้สมองน้อยที่สุด เช่น การส่ง email , การประชุมง่ายๆ , เดินออกไปคุย

• อาหารการกิน เพื่อสร้าง Productivity

– Fasting อดอาหารเป็นช่วงๆ : งานวิจัยจากหนูที่ทำ Fasting ปรากฏว่า อายุยืนขึ้น และ มีสติปัญญา สูงขึ้น

Fasting

แบบที่ 1 : 16/8 นิยมที่สุด

อดหาร 16 ชั่วโมง กิน 8 ชั่วโมง
เช่น เริ่มทานอาหารมื้อแรก 8 โมงเช้า หยุดทาน 4 โมงเยน
ที่เหลือทั้งวันกินน้ำเปล่า
ช่วงแรกจะลำบากนิดหน่อย ผ่านไปอาทิตย์นึงจะปรับตัวได้

เหตุผล

มันจะมีสารที่สมองชอบ ตัวนึง ที่จะผลิตก็ต่อเมื่อทำไงก็ได้ให้อาหารไม่ตกถึงท้องเกิน 12 ชั่วโมง

แบบที่ 2 : 24 ชั่วโมง

กินข้าวเย็นวันนี้ ไปกินอีกทีเย็นวันพรุ่งนี้

แบบที่ 3 : 48 ชั่วโมง

ไม่กิน 2 วัน

– เด็ก , คนท้อง ไม่ควร Fasting

• เวลาหลังเลิกงาน … สิ่งแวดล้อม มันสร้างพฤติกรรม

เช่น ไม่มี TV ก็ไม่ดูก็ได้ … สิ่งที่ได้มาคือ เวลากับครอบครัว

• งานอดิเรกช่วยเพิ่ม Productivity ให้กับงานปกติ

• 2 สิ่งที่อยากให้ทำ

1. นั่งสมาธิ : มี App ช่วยลองหาโหลด

– ช่วยให้ไม่หลงกับความวุ่นวายกับชีวิต

– สามารถปิดสวิทช์ได้ตอนจะนอน

2. ยืดเหยียดร่างกาย โดยใช้ผ้าพันคอ

– ช่วยป้องกัน Office syndrome

• เวลาจะนอน :อย่าเอามือถือไว้ในห้อง

คนเราเดี๋ยวนี้เสียเวลากับมือถือมาก

ชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=vfPI3gTPgQc
จาก Youtube Channel : The STANDARD