ในโลกของการลงทุน นักลงทุนที่เข้ามาในตลาดมักต้องพบเจอกับการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอนของตลาด ทั้งการปรับตัวขึ้นและลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งในบางทีจะพบการปรับตัวขึ้นของดัชนี แล้วหุ้นก็ปรับตัวขึ้นตามด้วย แต่บางทีก็เห็นหุ้นบางตัวไม่ได้ปรับขึ้นตามดัชนี หรือขึ้นน้อยกว่าดัชนีโดยรวม ในด้านการลงทุน จะเรียกว่า “หุ้น Laggard” แล้วมันคืออะไร ลองไปดูกันต่อ

แม้ว่าตลาดโดยรวมจะปรับตัวขึ้น แต่หุ้นที่ปรับตัวน้อยกว่าตลาด ขอนิยามมันว่า หุ้น Laggard หรือ หุ้นแถวสอง ที่หุ้นแถวแรกได้วิ่งไปแล้ว แต่แถวสองยังคงต้องรอ การวิ่งที่ช้ากว่าคนอื่นเสมอ

คำว่า “Laggard” มาจากภาษาอังกฤษ หมายถึง “ผู้ที่ล้าหลังหรือช้ากว่าคนอื่น” หากนำมาประยุกต์กับการลงทุน คำนี้ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายหุ้นที่มีการปรับตัวต่ำกว่าตลาดโดยรวม หรืออุตสาหกรรม

ซึ่งคาดว่ามาจาก 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้

1. ปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอ เช่น กำไรของบริษัทต่ำกว่าเป้าหมาย จากการบริหารจัดการไม่ดีเท่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน อาจเป็นเพราะบริษัทมีปัญหาด้านการเงิน, หนี้สินสูง, หรือไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี ส่งผลให้ราคาหุ้นไม่สามารถเติบโตได้ตามกลุ่มอุตสาหกรรม

2. นักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสนใจ ซึ่งอาจขาดปัจจัยกระตุ้นบางอย่าง ที่จะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้ เช่น การขาดสตอรี่ในการเติบโต ,ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ และ อยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นที่นิยม เป็นต้น

ด้วยราคาหุ้นที่ยังไม่ปรับตัวขึ้น ตามตัวอื่นๆ ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มสนใจในกลุ่มหุ้น Laggrad นี้ ซึ่งมีโอกาสทำกำไรที่เยอะ จากการปรับตัวของราคาหุ้นที่ยังไม่มาก

ในหุ้นบางตัว ก็พบกับราคาที่ถูกเกินมูลค่าพื้นฐานจริงๆ ก็เป็นช่วงที่น่าเข้าไปสะสมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการซื้อหุ้นที่ Laggard เข้าในพอร์ตก็เป็นการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตได้เหมือนกัน

สุดท้ายหุ้น Laggard ก็เสมือนรถแถวสอง ที่ยังไม่รู้เวลาวิ่งที่แน่ชัด ในบางทีอาจได้วิ่ง หรือไม่ได้วิ่งไปตลอด ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

ดังนั้นแล้วการลงทุนในหุ้น Laggard สามารถเป็นกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง วิเคราะห์อย่างรอบคอบ และมีวินัยในการจัดการความเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นประเภทนี้