• จุดเริ่มต้นของ “ตระกูลโสภณพนิช”

มาจาก คุณชิน โสภณพนิช ซึ่งเกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือในปี พ.ศ. 2451 เกิดที่กรุงเทพมหานคร แต่บิดาเป็นชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาอยู่ที่บริเวณวัดไทร อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี ส่วนมารดาชื่อ นางสุ่น เป็นชาวสวนคนไทย เมื่ออายุได้ 5 ขวบ ได้เดินทางกลับไปประเทศจีนกับบิดาและศึกษาชั้นประถมที่นั่นเป็นเวลา 12 ปี พร้อมทั้งช่วยบิดาทำนา เมื่ออายุ 17 ปี ท่านได้กลับมาประเทศไทยและทำงานหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่อาชีพแรกคือเป็นกรรมกรท่าเรือ ลูกจ้างทั่วไป และเสมียนบริษัท ก่อนที่จะก้าวหน้าจนเป็นผู้จัดการบริษัทและกรรมการผู้จัดการใหญ่

  • ชีวิตครอบครัว

คุณชิน โสภณพนิชสมรส 2 ครั้ง มีบุตรและธิดาหลายท่าน ได้แก่ ครั้งแรกสมรสกับนางเล่ากุ่ยเอ็ง มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ นายระบิล โสภณพนิช  (Robin Chan หรือ ตั้งอู๋เข่ง) ซึ่งถือสัญชาติฮ่องกงและพำนักอยู่ที่ฮ่องกง อีกคนคือ นายชาตรี โสภณพนิช  และสมรสครั้งที่สองกับ นางบุญศรี โสภณพนิช มีบุตร 7 คน ได้แก่ นายชาติ โสภณพนิช นายโชติ โสภณพนิช
นายชัย โสภณพนิช คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช และนายเชิดชู โสภณพานิช ส่วนอีกบุตรชายอีก 2 ท่าน ไม่มีชื่อปรากฏ

  • จุดเปลี่ยนของชีวิต

ด้วยความวิริยะอุตสาหะและการไม่เลือกงาน เจ้าของโรงงานไม้แห่งหนึ่ง คือนายเจียม ชัยเกียรติ ได้ให้โอกาสสอนการทำบัญชีให้แก่นายชิน รวมถึงเป็นคนติดต่อกับลูกค้าเองด้วย จนในที่สุดชิน โสภณพนิชได้สั่งสมทุนและมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าเกษตรและการค้าทองคำ นำมาสู่การร่วมก่อตั้ง ธนาคารกรุงเทพ ในปี พ.ศ.2487 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

  • ธุรกิจตั้งไข่

ด้วยความที่ตนเองเป็นคนชื่อทำธุรกิจ ชอบค้าขาย รักในการเรียนรู้ ในช่วง ปี พ.ศ. 2482 นายชินได้รับการชักชวนจากนายแต้เก๋ง ฮุ้ง เจ้าของบริษัท เซียม เฮง ล้ง ทำธุรกิจค้าขายวัสดุก่อสร้างและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากนั้น นายชินจึงตัดสินใจเก็บรวบรวมเงินทั้งหมด เปิดร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเป็นของตัวเอง แถวโรงภาพยนตร์พัฒนาการ ถนนเจริญกรุง และประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่นาน จึงจดทะเบียนเป็นบริษัท เอเซีย จำกัด สินค้าที่ขายจะเป็นเหล็กโดยส่วนใหญ่ ด้วยอายุเพียง 29 ปี ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทย ณ ขณะนั้น รัฐบาลมีนโนบายส่งเสริมการค้าขายของคนไทย บริษัทของนายชินประสบความสำเร็จอย่างดี จึงขยายกิจการออกไปอีก 2 บริษัท เป็นบริษัทค้าขายเครื่องเขียน และขายเครื่องกระป๋อง

  • มีเกิด ก็ต้องมีดับไป

ช่วงที่กำลังก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเอง เวลานั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้นในยุโรป ช่วงพ.ศ. 2482 ค่อย ๆ ขยายเข้ามาในเอเชียในเวลาต่อมา ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบช่วง พ.ศ. 2484 เมื่อญี่ปุ่นบุกเข้ามาในไทยเวลานั้น นายชินและครอบครัวอพยพไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับอยุธยา และเคยถูกทหารญี่ปุ่นจับตัว เนื่องจากเป็นพ่อค้าไทยที่สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกขบวนการเสรีไทย คอยช่วยเหลือจัดส่งเสบียงให้กับสายต่างประเทศ แต่ไม่นานก็ได้รับการช่วยเหลือจนออกมาได้ พอในปี พ.ศ. 2485 ไทยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 กิจการค้าหลายอย่างเกิดการชะลอตัว โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจัดเป็นยุทธปัจจัยมีราคาแพงและหาซื้อไม่ค่อยได้ สินค้าอุปโภคบริโภคขาดแคลน ทำให้ธุรกิจที่หมายมั่นปั่นมือมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองก็ต้องสิ้นสุดลงไป

  • จุดเริ่มต้นของธนาคารพาณิชย์ “ธนาคารกรุงเทพ”

ช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2487 นายชิน ขณะที่มีอายุเพียง 34 ปี ได้รับการชักชวนจากเพื่อนฝูง 15 คน ร่วมหุ้นก่อตั้งธนาคารกรุงเทพขึ้น เริ่มจดทะเบียนวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ด้วยเงินทุนจดทะเบียนครั้งแรก 4 ล้านบาท และเริ่มดำเนินการวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2487 โดยมีสโลแกนที่ว่า “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน”  ธนาคารกรุงเทพสาขาแรกเป็นเพียงห้องแถวคูหาเล็ก ๆ 2 คูหา 2 ชั้น ย่านสำเพ็ง โดยมีนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธานในพิธีเปิด มีพนักงานในระยะแรก 23 คน มีพ่อค้าต่าง ๆ ให้ความไว้วางใจนำเงินมาฝากในวันแรกที่เปิดกิจการถึง 9 ล้านบาท และได้เจริญเติบโตตามลำดับ จนในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ธนาคารกรุงเทพ จึงเปิดสาขาในประเทศแห่งแรกขึ้นจังหวัดอุบลราชธานี และในปี พ.ศ. 2495 เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของไทยที่มีสาขาเปิดในต่างประเทศคือที่ ฮ่องกง ต่อมาได้ไปเปิดที่ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ไปเปิดที่ สิงคโปร์

  • ทายาทผู้สืบทอดกิจการของตระกูลโสภณพนิช

นายชิน โสภณพนิช เริ่มผ่องถ่ายกิจการให้แก่นายชาตรี บุตรชายคนที่ 2 ในปี พ.ศ.2520 นายชาตรี โสภณพนิช เป็นบุตรคนที่สองจากทั้งหมด 9 คนของชิน โสภณพนิช  เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 ท่านจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากฮ่องกงและด้านการธนาคารจากอังกฤษ เริ่มต้นทำงานที่ธนาคาร Bank of London ก่อนกลับมาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ท่านได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในธนาคารจนกระทั่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนที่ 4 ในปี พ.ศ. 2523 และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพเป็นเวลานานถึง 18 ปี จนกระทั่งถึงแก่กรรมด้วยโรคชราในวัย 85 ปี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 และสานต่อให้กับบุตรชายคนโต นายชาติศิริ โสภณพ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ เป็นคนต่อไป

  • อีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ของตระกูลโสภณพนิช

อีกขาหนึ่งเป็นธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นอีกเสาหลักหนึ่งของตระกูล ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ประกอบด้วย กรุงเทพประกันภัย กรุงเทพประกันชีวิต และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บริษัทในกลุ่มนี้เจ้าสัวชิน มอบหมายให้ นายชัย โสภณพนิช ทายาทคนที่ 5 ที่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดูแล ซึ่งแท้จริงแล้วนายชัย โสภณพนิช ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญในการดูแลอาณาจักรทางการเงินของตระกูล ก่อนที่ชาตรี จะก้าวขึ้นเป็นบอสใหญ่แห่งธนาคารกรุงเทพเสียอีก

ตระกูลโสภณพนิชเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในภาคการเงินและการธนาคารของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเป็นเจ้าของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ ตระกูลยังได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ ประกันภัย (บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)) และอื่นๆ อีกมากมาย