กลยุทธ์นี้เป็นการจับจังหวะการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นแบบ Cycle โดยใช้ Price action เข้ามาช่วยยืนยันสัญญาณในการเทรด และมีการวาง Stop loss ที่ค่อนข้างรัดกุม ทำให้ใช้เทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เงื่อนไขในการเทรด
ฝั่งซื้อ
- ราคาทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 วัน
- แท่งถัดมา (แท่งลำดับที่ 2) ต้องเทรดเหนือ แท่งแรกที่ทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 วัน
- แท่งลำดับที่ 3 หรือ 4 หรือ 5 หรือ 6 ต้องเทรดต่ำกว่า แท่งลำดับที่ 2
- เมื่อเข้าเงื่อนไข ให้ทำการเข้าซื้อ เหนือระดับ High ของแท่งที่ 2 (ต้องเกิดขึ้นภายใน 4 วันทำการ)
- ตั้ง Stop loss ที่ Low ของแท่งลำดับที่ 2
ฝั่งขาย
- ราคาทำจุดสูงสุดในรอบ 8 วัน
- แท่งถัดมา (แท่งลำดับที่ 2) ต้องเทรดต่ำกว่า แท่งแรกที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 วัน
- แท่งลำดับที่ 3 หรือ 4 หรือ 5 หรือ 6 ต้องเทรดเหนือกว่า แท่งลำดับที่ 2
- เมื่อเข้าเงื่อนไข ให้ทำการขาย ต่ำกว่าระดับ Low ของแท่งที่ 2 (ต้องเกิดขึ้นภายใน 4 วันทำการ)
- ตั้ง Stop loss ที่ High ของแท่งลำดับที่ 2
ตัวอย่างการเทรด
- ราคาทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 วัน (แท่งแรก)
- ราคาเทรดเหนือระดับแท่งแรก
- แท่งลำดับที่ 3 เทรดต่ำกว่าแท่งลำดับที่ 2 จากนั้นให้ทำการตั้งซื้อเหนือระดับ High ของแท่งลำดับที่ 2
- เข้าซื้อที่ระดับ 663.15 และตั้ง Stop loss ที่ Low ของแท่งลำดับที่ 2
- ราคาขึ้นไปกว่า 25 points ในช่วง 6 วันถัดมา
- ราคาทำ High สูงสุดในรอบ 8 วัน (แท่งแรก)
- ราคาเทรดต่ำลง ต่ำกว่าแท่งแรก
- 3 วันมา ราคาเทรดเหนือกว่าแท่งลำดับที่ 2
- ขายเมื่อราคาต่ำกว่าระดับ Low ของแท่งลำดับที่ 2
- จากนั้นราคาถูกเทลงมา
- ราคาทำ Low ต่ำสุดลงใน 8 วัน (แท่งแรก)
- แท่งถัดมา (แท่งลำดับที่ 2) เทรดเหนือกว่าแท่งแรก
- แท่งลำดับที่ 3 ราคาทำ Low ต่ำกว่าแท่งลำดับที่ 2 และถูกดึงกลับทันทีเหนือระดับ High ของแท่งลำดับที่ 2 (เข้าเทรด)
- ราคาขึ้นไปกว่า 6 points
สรุป
กลยุทธ์นี้ค่อนข้างเป็นกลยุทธ์ที่ความเสี่ยงต่ำ และสามารถจับจังหวะการเทรดได้ดี ในช่วงการเทรดระยะสั้น ถึงระยะกลาง