ตลาดอนุพันธ์แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ตลาดที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Exchange-Traded Derivatives) และตลาด OTC (Over-the-Counter Derivatives)

Exchange-Traded Derivatives 

Exchange-Traded Derivatives ดำเนินการโดยตลาดกลางที่มีลักษณะทางกายภาพ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติอินเดีย ตลาด B3 ในบราซิล และ CME Group ในสหรัฐอเมริกา สัญญาอนุพันธ์ในตลาดนี้มีมาตรฐานสูง และได้รับการค้ำประกันโดยสำนักหักบัญชีกลาง (Central Clearinghouse) ซึ่งทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาตรงข้ามกับทั้งสองฝ่ายในการซื้อขาย เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา สำนักหักบัญชีกลางจะเรียกเก็บเงินประกันจากทั้งสองฝ่ายเมื่อเริ่มการซื้อขาย และอาจเรียกเก็บเพิ่มเติมหากมูลค่าของสัญญาลดลง

สมาชิกตลาด (ผู้ค้าหรือผู้ดูแลสภาพคล่อง) ทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย มากกว่าการถือครองสถานะในอนุพันธ์ การที่สัญญามีมาตรฐานทำให้ตลาดมีสภาพคล่องสูงและโปร่งใส ผู้ร่วมตลาดสามารถออกจากสถานะได้ง่ายโดยการเข้าทำสัญญาที่มีสถานะตรงข้าม นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนการซื้อขายเมื่อเทียบกับสัญญาที่ออกแบบเฉพาะ และทำให้การชำระราคาและส่งมอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Over-the-Counter Derivatives

ในส่วนของตลาด OTC นั้น เป็นตลาดที่ไม่มีศูนย์กลางในการซื้อขาย โดยผู้ค้า (Dealers) เป็นผู้สร้างและซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่ออกแบบเฉพาะ ตลาด OTC มีการกำกับดูแลที่น้อยกว่าและมีความโปร่งใสต่ำกว่าตลาดที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในตลาด OTC ที่ไม่มีสำนักหักบัญชีกลาง แต่ละฝ่ายต้องรับความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา ผู้ค้าอาจซื้อขายระหว่างกันเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิง

สัญญาอนุพันธ์ OTC สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ปลายทาง ทั้งในแง่ขนาด นิยามของสินทรัพย์อ้างอิง วันครบกำหนด และรายละเอียดอื่นๆ ผู้ใช้อาจเลือกใช้อนุพันธ์ OTC เพื่อป้องกันความเสี่ยงเฉพาะหรือเพื่อความเป็นส่วนตัว

หลังวิกฤตการเงินปี 2008 หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกได้ออกข้อกำหนดให้ธุรกรรม Swaps หลายประเภทต้องผ่านคู่สัญญากลาง (Central Counterparty – CCP) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายสำนักหักบัญชีกลาง เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา

สรุป

ตลาดที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีข้อดีคือ มีการซื้อขายในศูนย์กลาง มีสภาพคล่องสูง โปร่งใส มีต้นทุนการซื้อขายต่ำ และมีการกำกับดูแลที่เข้มงวด ในขณะที่ตลาด OTC มีความยืดหยุ่นสูงในการออกแบบสัญญา แต่มีสภาพคล่องต่ำกว่า มีความเสี่ยงด้านคู่สัญญา และมีต้นทุนการทำธุรกรรมที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาด OTC ที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดการชำระราคาผ่านศูนย์กลางจะมีความเสี่ยงด้านคู่สัญญาที่ลดลง มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น และสามารถชำระราคาได้ง่ายขึ้น แม้ว่าจะยังคงความสามารถในการปรับแต่งสัญญาตามความต้องการของลูกค้าไว้ได้