ศาสตร์แห่งหุ้นราคาต่ำกำไรโต

สรุปหนังสือ

The Letter Book of Big profit from Small Stock

ศาสตร์แห่งหุ้นราคาต่ำกำไรโต

“หากเตรียมตัวมาดีมากพอ ตลาดหุ้นจะเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความมั่งคั่ง” ฮิลารี่เน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งกับวลีนี้ การหากำไรจากโลกของหุ้นราคาต่ำ หุ้นราคาต่ำมีอยู่ 3 ประเภท หุ้นประเภทแรกคือหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ หุ้นพวกนี้คือบริษัทขนาดใหญ่ที่ก้าวสะดุดและหมดความนิยมลง และด้วยหลากหลายเหตุผลด้วยกัน หุ้นจำนวนมากเป็นหุ้นวัฏจักรที่เคลื่อนไหวไปตามวงจรเศรษฐกิจ ซึ่งจะคอยดึงหรือดันกำไรให้ต่ำหรือโต อีกประเภทคือหุ้นนอกสายตา หุ้นเหล่านี้มักจะเป็นบริษัทยอดเยี่ยม ที่อยู่ในยุคอุตสาหกรรมที่ไม่น่าดึงดูดใจ หุ้นประเภทสุดท้ายคือหุ้นเลหลัง หุ้นกลุ่มนี้คือหุ้นที่มีราคาซื้อขายตามมูลค่าสินทรัพย์ที่กิจการถืออยู่  นอกจากนี้ยังมีหุ้นราคาต่ำที่เน้นพิเศษไปในบางอุตสาหกรรม

นอกเหนือไปจากประเภทข้างต้น มีอีกสองกลุ่มอุตสาหกรรม ประเภทแรกที่จะสามารถหาหุ้นผู้ชนะราคาต่ำจำนวนมากได้คืออุตสาหกรรมยาและการแพทย์ โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพต่าง ๆ เมื่อแก่ตัวลงจำเป็นต้องอาศัยระบบสาธารณสุขของประเทศ และกระแสนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก และอีกประเภทคืออุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากกระแสการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก นั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในวันนี้ประเทศต่าง ๆ รอบโลกที่เคยยากจนกำลังเจริญเติบโตขึ้น ประเทศเหล่านั้นจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก สำหรับสภาพเศรษฐกิจที่พึ่งเกิดใหม่ นั่นเป็นประโยชน์ต่อบริษัทที่ขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง

วิธีการคุ้ยแคะแกะหุ้น

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบขุดลึกลงไปในหุ้น และตามหาให้ได้ว่าอะไรถูกหรือผิดไปบ้างเกี่ยวกับกิจการ หนังสือเล่มนี้อ่านได้ง่าย ชัดเจน และเล่าทีละขั้นตอน เพื่อที่จะช่วยให้หาหุ้นและหากำไรให้เป็น เป็นการเดินทางสู่โลกของหุ้นราคาต่ำ เป็นการเดินทางที่เรียบง่ายแต่ตื่นเต้น และจะให้ผลตอบแทนมากมายกับนักลงทุนทั้งหลาย

บทที่ 1

ตัวอย่างอมตะของหุ้นต่ำ 10

หุ้น Darling กับกำไรที่พุ่งทะยาน

เรื่องการหากำไรในหุ้นราคาหลักเดียวนั้น ตัวอย่างเป็นเรื่องราวของ Darling International (DAR) เป็นหุ้นที่เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นตัวอย่างอมตะของหุ้นราคาต่ำกว่า 10 เหรียญ บริษัทนี้ทำธุรกิจโดยการเปลี่ยนเศษซากสกปรกไร้ค่า ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้  ในช่วงที่ผู้เขียนกำลังศึกษาธุรกิจเพื่อตัดสินใจ Darling เป็นบริษัทเดียวในอุตสาหกรรมนี้ ที่มีขอบเขตกิจการและขีดความสามารถในการทำธุรกิจระดับประเทศ คู่แข่งอื่นล้วนแต่มีขนาดเล็กเน้นการทำธุรกิจเฉพาะพื้นที่ไม่ใหญ่ ไม่มีความสามารถในการแข่งขันที่เทียบกับขนาดของ Darling ได้เลย Darling มีความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่งอื่น บริษัทนี้ยังซื้อกิจการอื่นเข้ามาด้วย เมื่อมองไปที่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ทั้งการเติบโตจากธุรกิจเดิมและการควบรวมกิจการ ทำให้บริษัทเติบโตได้รวดเร็วพอสมควร ธุรกิจของ Darling เป็นบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรที่งดงาม และตอนสิ้นปี 2008 ราคาหุ้นก็ซื้อขายกันอยู่ที่ 5 เหรียญเศษเท่านั้นเอง

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2011 ราคาหุ้นกลับไปเกือบถึงจุดสูงสุดก่อนเกิดวิกฤต และให้ผลตอบแทนมากกว่า 300% หุ้น Darling ถูกเข้าใจผิดจาก Wall Street และไม่อยู่ในอุตสาหกรรมยอดนิยม มีเพียงนักวิเคราะห์ไม่กี่คนที่ติดตามบริษัทนี้อยู่ นักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพอันก้าวกระโดดของบริษัท จึงสามารถสร้างผลตอบแทนเกือบ 100% ได้ในเวลาไม่นานสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 3 เด้งหากตัดสินใจถือต่ออีกแค่ 2 ปีนิด ๆ

ตามหาหุ้น Darling ของตัวคุณเอง

หุ้นราคาหลักเดียวหุ้นเหล่านี้ไม่เป็นที่สนใจของ Wall Street ด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่เมื่อใดที่ Wall Street และนักลงทุนสถาบันเริ่มมองเห็นแล้ว ราคาของหุ้นก็มักจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ประโยชน์ข้อหนึ่งของหุ้นต่ำ 10 คือ ราคาหุ้น 10 เหรียญสามารถวิ่งไป 15 เหรียญได้ง่ายกว่าหุ้น 50 เหรียญที่จะวิ่งไป 100 เหรียญ หุ้นเหล่านี้อาจจะเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยม ที่ราคาหุ้นตกต่ำลงเพราะนักลงทุนเทขายอย่างหนักในช่วงเวลาตลาดยามเย็น หรือไม่ก็อาจจะเป็นบริษัทที่กำลังจะมีการพลิกฟื้นอย่างรุนแรง และน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนหรือไม่ ก็อาจจะเป็นบริษัทหน้าใหม่ที่มีศักยภาพมากมาย แต่ยังไม่ถูกค้นพบโดยวอลสตรีทเลย

หุ้นเด้งสามารถพบได้ในทุกขนาดและทุกรูปแบบ แต่พวกมันมักจะมีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกันได้แก่

1.ราคาต่ำ ในที่นี้มักจะต่ำกว่า 10 เหรียญ

2.ราคาต่ำกว่ามูลค่าและ

3.มีปัจจัยเฉพาะตัวที่เร่งให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในอนาคตอันใกล้

หัวใจหลักคือการแยกหุ้นเด้งออกจากหุ้นดับให้ได้ เป็นวิธีการคัดเมล็ดข้าวออกจากกองแกลบ ตลาดของหุ้นราคาต่ำนี้ จัดว่าเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนรายย่อยมีแต้มต่อที่สุด

บทที่ 2

ราคาไม่ใช่แค่เรื่องถูกผิดแต่คือความคิดเห็น

เรื่องราวของหุ้นต่ำ 10

คนมากมายทั้งในและนอกตลาดหุ้น มีพฤติกรรมจงเกลียดจงชังหุ้นราคาต่ำอย่างไม่จำเป็น  คนจำนวนมากมักให้ความสำคัญว่าหุ้นราคาต่ำ มีต้นทุนค่านายหน้าการซื้อขายสูงกว่าหุ้นราคาสูง  และมองว่านั่นเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจ จึงสรุปไปเองว่าโอกาสสร้างผลตอบแทนจำนวนมากจากหุ้นเหล่านี้คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย บริษัทที่ดีถูกเหมารวมไว้กับกิจการที่แย่ ล้มละลาย และพวกโฆษณาขายฝัน การกระทำนั้นย่อมนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้อง ในตะกร้า 1 ใบย่อมมีปัจจัยหลากหลายที่ส่งผลต่อการหาคำตอบที่ถูกต้องเหมาะสม

บริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังก็ดูเหมือนมีความพยายามอย่างมากมายที่จะไม่สนับสนุนการซื้อขายหุ้นราคาต่ำ บริษัทหลักทรัพย์เต็มรูปแบบคิดเปอร์เซ็นต์ค่านายหน้าของการซื้อหุ้นราคาต่ำแพงเป็นพิเศษ เมื่อไหร่ที่กดปุ่มซื้อหุ้นราคาต่ำ 10 บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมาก จะมีการแจ้งเตือนว่าคุณอาจจะสูญเสียเงินไปกับการลงทุนนี้ บริษัทจะปิดประกาศคำเตือนทางกฎหมายต่าง ๆ ลงในใบยืนยันการสั่งซื้อเป็นพิเศษอย่างที่ไม่เคยทำในหุ้นปกติ

เปรียบเทียบแอปเปิ้ลกับส้มจี๊ด

หากพิจารณาแบบผิวเผินการที่ราคาหุ้น จะขึ้นจาก 50 เหรียญไปเป็น 70 เหรียญกับ 5 เหรียญไปเป็น 7 เหรียญก็คงไม่ต่างกัน เพราะทั้งสองกรณีเทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้น 40% จากราคาเดิม แต่ทฤษฎีนี้จะถูกหักล้างในวอลสตรีทที่ทุกอย่างไม่เคยเท่ากัน มันเหมือนเรากำลังเอาแอปเปิ้ล มาเทียบกับส้มจี๊ด จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้เศรษฐศาสตร์พื้นฐานที่ว่า การเคลื่อนไหวตามความต้องการซื้อและความต้องการขาย เมื่อตลาดมีการซื้อขาย หน่วยของการซื้อขายก็คือหุ้นแต่ละหุ้นนั่นเอง ทุกอย่างจะเทียบเท่ากันหาก 2 บริษัทมีขนาดมูลค่ากิจการตามตลาด และปริมาณหุ้นที่ซื้อขายในแต่ละวันเท่ากัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปแทบไม่ได้เลย  เมื่อไหร่ที่กองทุนเฮดฟันด์ตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัทขนาด 3,000 ล้านเหรียญ สัก 2-3 แสนหุ้น ราคาหุ้นก็จะร้อนแรงขึ้นมาทันที นั่นเพราะหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นของบริษัทมีจำกัด ราคาหุ้นก็เลยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเป็นเงาตามตัว นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หุ้นราคาต่ำมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงกว่าหุ้นราคาสูงทั่ว ๆ ไป แต่ไม่ใช่ว่าหุ้นราคาต่ำทุกตัวที่ซื้อในชีวิต จะแปลงร่างกลายเป็นหุ้น 10 เด้งไปกันหมด นักลงทุนจำนวนมากมีประสบการณ์แบบนั้นเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต

สรุปราคาคือเรื่องสำคัญ

  1. ในเกือบทุกกรณี การเปรียบเทียบหุ้นราคา 50 เหรียญกับหุ้นราคา 5 เหรียญ เหมือนการเปรียบเทียบแอปเปิลกับส้มจี๊ด
  2. การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อและความต้องการขายในตลาด

3.เมื่อไหร่ก็ตามที่วอลสตรีทเริ่มสัมผัสได้ถึงศักยภาพบางอย่างของบริษัท พวกเขาก็จะทุ่มเทเงินจำนวนมากลงไปในหุ้น และนั่นก็จะเปลี่ยนสมดุลของความต้องการซื้อ และความต้องการขายของหุ้นในตลาดอย่างรวดเร็ว

บทที่ 3

นางฟ้าตกสวรรค์ได้อย่างไร

มองให้เห็นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์

หุ้นนางฟ้าตกสวรรค์คือ บริษัทที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นหุ้นใหญ่มั่นคง หรือหุ้นเติบโตแต่ต่อมากลับตกต่ำลงอย่างรุนแรง และไม่ได้รับความสนใจจากวอลสตรีทและนักลงทุนอีกต่อไป  บริษัทมักเผชิญกับความผิดพลาดร้ายแรง จนราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง จนเหลือเพียงเลขหลักเดียวในตลาดหุ้น การที่หุ้นถูกหลีกเลี่ยงก็อาจจะเป็นสัญญาณถึงโอกาสในการลงทุนได้เช่นกัน หุ้นตกสวรรค์ที่แท้จริงประกอบด้วยคำถาม 2 ข้อ ข้อแรกคือเกิดอะไรผิดปกติขึ้น ? ความผิดพลาดและการบริหารงานที่หลุดไปจากร่องจากรอยมากเกินไป สามารถเปลี่ยนบริษัทที่เคยยอดเยี่ยมให้กลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ได้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นเหล่านี้ ต้องหาให้พบก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และใครคือผู้รับผิดชอบกับความตกต่ำนี้

คำถามต่อไปคือ ปัญหาสามารถแก้ไขได้หรือเปล่า ? เมื่อค้นพบแล้วว่าอะไรกำลังเป็นปัญหา จึงจำเป็นต้องคิดต่อว่า ปัญหานั้นจะสามารถถูกแก้ไขได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็จะพบผู้ท้าชิงในการเป็นหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์อีกตัวหนึ่งแล้ว จึงจำเป็นต้องเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้อย่างถ่องแท้ มิฉะนั้นอาจจะเจอหุ้นที่กลายสภาพเป็นปีศาจมากกว่าจะเจอนางฟ้า

หุ้นที่จะหนีจากสภาพต่ำ 10 และกลับมาเป็นที่รักของวอลสตรีทอีกครั้ง ต้องมีความพยามในการต่อสู้อย่างสร้างสรรค์ บนเส้นทางที่จะกลับมามียอดขาย และกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแรง ราคาหุ้นของบริษัทจะกลับมา แม้นตกต่ำก็ฟื้นขึ้นได้อย่างสมเกียรติ

ดูฟังและอ่านเข้าไว้

กระบวนการค้นหาหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ฟังดูง่ายจนเกินไป เพียงการถามว่า เกิดอะไรผิดปกติขึ้น ? และปัญหาสามารถแก้ไขได้หรือเปล่า ? เป็นคำถามที่ง่ายที่จะถาม แต่การหาคำตอบนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ขั้นแรกต้องรวบรวมรายชื่อของหุ้น ให้มาอยู่ในรายชื่อหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ก่อน โดยการอ่านข่าวใหม่ ๆ ในนิตยสารทางการเงิน สิ่งที่ต้องมองหาก็คือหุ้นที่ถูกเทขายอย่างรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้ราคาก็หล่นมาเหลือแค่เลขหลักเดียว ตรวจสอบรายชื่อหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P 500 หรือเครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาหุ้น เป็นโปรแกรมสแกนหุ้นในเว็บไซต์ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะใช้ค้นหาหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ได้ด้วยเช่นกัน มีสแกนเนอร์ฟรีมากมายในเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้ แล้วมองหารายชื่อบริษัทที่เคยเป็นหุ้นใหญ่ที่แข็งแกร่ง หรือไม่ก็เป็นหุ้นเติบโตชั้นนำที่พลาดตกจากสวรรค์ระหว่างทาง ทำการศึกษาข้อมูลบริษัทลงไปอย่างจริงจัง แล้วตอบคำถามที่ว่า เกิดอะไรผิดปกติขึ้น ? และปัญหาสามารถแก้ไขได้หรือเปล่า ?  เครื่องมือแรกที่ใช้ในการประเมินกิจการคือรายงานต่าง ๆ ทุกชิ้น ที่บริษัทยื่นให้กับหน่วยงานควบคุม และดูแลตลาดหลักทรัพย์ในทุกไตรมาส

สรุปตามหาหุ้น นางฟ้าตกสวรรค์

1.หุ้นนางฟ้าตกสวรรค์คือ หุ้นที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความนิยมในวงกว้าง อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่สนใจ และได้รับการยอมรับ แต่มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติไปอย่างมาก และราคาหุ้นก็ตกลงอย่างรุนแรงจนมาเหลือเพียงเลขหลักเดียว และเมื่อเวลามาถึงหุ้นเหล่านี้จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

2.มองหาหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ในนิตยสารด้านการเงินการลงทุน โดยไปที่หน้าราคาหุ้น การเลือกมองหาหุ้นที่ราคาลดลงที่สุดในรอบสัปดาห์ เลือกชื่อที่จำได้ อีกอย่างคือไปดูรายชื่อหุ้นใน S&P 500 และดูหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 10 เหรียญ

3.ใช้เครื่องมือสแกนหุ้นในการมองหาหุ้นที่มีมูลค่ากิจการตามราคาตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านเหรียญ แต่ซื้อขายกันที่ราคาต่ำสุด

4.เมื่อได้รายชื่อเรียบร้อยแล้ว ตั้งคำถามว่า เกิดอะไรผิดปกติขึ้น ? และปัญหาสามารถแก้ไขได้หรือเปล่า ? อ่านข้อมูลแต่ละบริษัทผ่านแบบรายงาน 10 Q และ 10K เพื่อหาคำตอบ

บทที่ 4

หลุดไปจากกรอบสายตา

ตามหาหุ้นนอกสายตา

การตามหาหุ้นนอกสายตา จำเป็นต้องคิดให้แตกต่าง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหุ้นยอดนิยมที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็ได้ นักลงทุนในตำนานอย่าง จอห์น แพมเพิลตัน เคยกล่าวเอาไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ที่คุณจะสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น หากคุณยังทำทุกอย่างอย่างที่คนในตลาดทำ” อย่างยุคตื่นทอง มีนักขุดเหมืองเพียงแค่หยิบมือที่รวย แต่มีคนอีกกลุ่มที่เสนอขายข้าวของเครื่องใช้ที่นักขุดเหมืองต้องการ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้นเลย แต่มันสร้างผลกำไรอย่างแน่นอน และก็เป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดสำหรับคนขายของ

หุ้นที่ดีย่อมดีกว่าหุ้นที่แค่ดูดี

นักลงทุนในตำนานอย่าง ปีเตอร์ ลินซ์ เขาให้นิยามสุดยอดหุ้นตัวหนึ่งทั้งที่มันอยู่ในอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่แสนน่าเบื่อ ฟังดูดีเสียอีกบริษัทอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่น่าเบื่อ หรือไม่น่าสนใจ โดยสิ้นเชิง เขายังแกล้งพูดอีกว่า ต่อให้หุ้นเหล่านี้มีข่าวลือว่าเป็นโรงงานปล่อยของเสีย หรือไปพัวพันกับพวกมาเฟียเขาก็ยังชอบอยู่ดี หุ้นพวกนี้อยู่นอกสายตาของ Wall Street โดยสิ้นเชิง มีนักลงทุนสถาบันไม่มากที่จะถือหุ้นเหล่านี้ ส่วนนักวิเคราะห์ก็จะไม่ติดตามหรือเขียนบทวิเคราะห์ เพื่อจะไปกระตุ้นราคาหุ้นขึ้นมา โอกาสในการลงทุนแบบเปิดเผยอยู่รอบตัวเกือบทุกวัน สามารถมองเห็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัทที่ Wall Street ยังไม่ให้ค่าและเทขายอยู่

โลกที่ยังไม่มีใครค้นพบ

การค้นหาหุ้นนอกสายตานั้น หลายครั้งต้องมีวิธีการที่แตกต่างไปจากที่คนส่วนใหญ่ใน Wall Street ทำ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ใน Wall Street กำลังมองหาสิ่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ แต่ต้องทำตรงกันข้ามโดยมองหาบริษัทที่กำไรกำลังจะเติบโต โดยไม่ได้อาศัยอะไรที่ตื่นเต้นมากมาย เวทมนตร์ที่เหล่านักลงทุนหุ้นเติบโตนับถือคือ ใหญ่กว่า ดีกว่า และเร็วกว่า พวกเขาจึงมองหาแฟชั่นใหม่ล่าสุด และสินค้าที่น่าตื่นเต้นที่สุด แต่ความจริงแล้ว เรื่องราวการเติบโตที่ดีที่สุด มักหาได้ตามตู้อาหารและตู้เย็น สินค้าที่ดูแสนน่าเบื่อและธรรมดาที่ใช้กันอยู่ทุกวัน สามารถกลายเป็นการเติบโตได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่หุ้นเหล่านี้หล่นไปอยู่ในเลข 1 หลัก นั่นก็หมายถึงโอกาสที่จะได้กำไรก้อนโตแล้ว

ค้นพบสิ่งที่ยังไม่ถูกค้นพบ

ก่อนอื่นให้เริ่มต้นด้วยการค้นหาหุ้นที่สุดยอดจะหายากคือ หุ้นราคาต่ำที่เติบโตอย่างมั่นคง  หุ้นกลุ่มนี้คือหุ้นที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปี สิ่งที่จะบอกคือ ผลจากการค้นหาดังกล่าวมักไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่นัก เพราะบริษัทที่เข้ากับเงื่อนไขเหล่านี้ ก็มักจะเป็นหุ้นที่ Wall Street ค้นพบหมดแล้ว ราคาหุ้นมักจะขึ้นอยู่และกลายเป็นหุ้นดาวเด่นในการตัดสินใจขายชอร์ตแทน อย่างไรก็ตามหากหาหุ้นเหล่านี้เจอสักตัวสองตัว ก่อนที่วอลสตรีทจะค้นพบ นั่นก็หมายความว่า มันอาจจะสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาลให้กับความมั่งคั่ง การค้นหาต่อไปที่จะทำคือ ค้นหาหุ้นเติบโตแบบก้าวกระโดด หุ้นเด้งราคาต่ำที่มีการพุ่งขึ้นอย่างมากของรายได้ และกำไรในปีที่ผ่านมา มีท่าทีที่จะได้รับความสนใจจากวอลล์สตรีเป็นอย่างมาก ก็จะค้นพบบริษัทได้ 2 ประเภทจากการค้นหาแบบนี้ กลุ่มแรกคือบริษัทที่สะดุดหรือถูกวัฏจักรเศรษฐกิจทำให้รายได้และกำไรลดลง และเมื่อวัฏจักรเศรษฐกิจกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง บริษัทเหล่านี้ก็เริ่มต้นที่จะฟื้นตัวกลับมา และอีกกลุ่มคือบริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากสินค้าและบริการที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

สรุปตามหาหุ้นนอกสายตา

1.หุ้นนอกสายตามักจะเป็นบริษัทที่มีกำไรเติบโตดี โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่น่าตื่นเต้น

2.มองหาหุ้นที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง โดยใช้สแกนเนอร์บนเว็บไซต์ฟรีทั้งหลาย ค้นหาหุ้นที่มีการเติบโตของรายได้และกำไรไม่ต่ำกว่า 15% เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่อง ตั้งอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 0.3 เท่า และราคาหุ้นต่ำกว่า 10 เหรียญ  หากปริมาณการถือครองหุ้นโดยเจ้าของ หรือกรรมการบริษัทอยู่ที่ 10% หรือมากกว่าก็จะน่าสนใจมาก

3.มองหาหุ้นที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยใช้สแกนเนอร์ค้นหาหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรอย่างน้อย 100% ตั้งอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ไม่เกิน 50% ( 0.50 เท่า) และราคาหุ้นไม่เกิน 10 เหรียญ

บทที่ 5

เลือกซื้อหุ้นเลหลังกันเถอะ

ค้นหาทรัพย์สมบัติที่ซ่อนอยู่ในกองขยะ

นักล่าส่วนลดหรือคนที่ตระเวนไปทั่วประเทศ เพื่อตามหาของราคาเลหลัง มีคนหนึ่งที่ไปเดินเล่นร้านหนังสือมือสอง แล้วเจอหนังสือหายากในราคา 1 เหรียญ เขาจ่ายในราคาตามที่ร้านตั้ง กลับบ้านแล้วนำมาประกาศขายใหม่ที่ราคา 1,000 เหรียญ ทุกคนล้วนรักที่จะซื้อของในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า และนำมาตั้งราคาขายใหม่เพื่อให้ได้กำไรก้อนโต หุ้นราคาต่ำที่ราคาซื้อขายอยู่ต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่บริษัทเป็นเจ้าของ นับเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะทำกำไรแบบนี้ เรียกหุ้นประเภทนี้ว่าหุ้นเลหลัง

ติดตามมูลค่าทางบัญชีไป

มูลค่าทางบัญชีก็คือความมั่งคั่งสุทธิของบริษัท สามารถคำนวณได้ง่ายโดยการนำสินทรัพย์ทั้งหมดในงบดุล แล้วหักออกด้วยหนี้สินทั้งหมดของบริษัท เมื่อเอาตัวเลขสินทรัพย์หักลบด้วยหนี้สิน นำผลลัพธ์ที่ได้ไปหารด้วยจำนวนหุ้นที่เรียกว่าชำระแล้วของบริษัทเราก็จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น หลังจากนั้นจึงหารด้วยจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วของบริษัท ก็จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น เฉพาะสินทรัพย์ที่มีตัวตนต่อหุ้น

หุ้นเลหลัง จะถูกขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีด้วยหลากหลายเหตุผล บริษัทอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับการถดถอยของกิจการ และ Wall Street เลือกที่จะทอดทิ้งหุ้นดังกล่าว งานคือค้นให้พบว่าเป็นไปได้ไหมที่สินทรัพย์ดังกล่าว จะผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นได้ หรือไม่ก็เปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดจากการเข้าซื้อกิจการ หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกิจการในอนาคตอันใกล้

เงินของคนอื่นสามารถสร้างเงินให้คุณได้

ผู้บริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น วาณิชธนกิจ บริษัทจัดการกองทุนรวม รวมไปถึงบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนกลุ่มนี้ช่วยสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการซื้อหุ้นที่ถูก และการซื้อขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทได้ ทุกครั้งที่ได้เจอกับช่วงเวลาตลาดขาลง เพราะนักลงทุนจำนวนมากหลีกเลี่ยงหุ้นเหล่านี้ และแรงขายก็จะกดดันจนราคาหุ้นตกต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของบริษัท และความสามารถในการทำกำไรในอนาคตเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัว

เติมหุ้นลงในถุงช้อปปิ้งของคุณ

การค้นหาหุ้นเลหลังก็เหมือนกันกับการกวาดสายตาในแผงแบกะดิน แล้วฉกของดีมาเหมือนกับหุ้นนอกสายตา หุ้นเหล่านี้ไม่ค่อยถูกพูดถึง หรือได้รับความสนใจจากสื่อมากนัก และก็ไม่ได้เป็นหัวข้อในบทสนทนาด้วยเช่นกัน หุ้นเหล่านี้ราคาถูกเพราะคนไม่รักและไม่นิยม หรือไม่ก็เพราะว่ามีอะไรสักอย่างผิดปกติ จนทำให้ราคาหุ้นตกต่ำไปอย่างมาก ส่วนใหญ่หุ้นเหล่านี้มักเป็นบริษัทขนาดเล็ก และจำเป็นที่จะต้องใช้ความพยายามอยู่บ้างในการขุดหามันให้เจอ เครื่องมือแรกที่จะพูดถึงซ้ำอีกครั้งคือเว็บไซต์สแกนหุ้น จะต้องมองหาบริษัทที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ควรตั้งค่าลงไปในเครื่องมือเป็นอย่างแรก เมื่อตรวจตราไปยังรายชื่อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ จำเป็นต้องรู้ว่าสินทรัพย์ที่แท้จริงของบริษัทคืออะไร คำถามที่เป็นหัวใจคือ บริษัทจะสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านี้ ให้สร้างกำไรได้ในวันหนึ่งหรือไม่ การที่ราคาหุ้นจะฟื้นตัวกลับมาก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติตัวของตลาดหุ้น หากตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น โอกาสที่จะมีหุ้นที่มีสินทรัพย์มาก แต่ซื้อขายกันที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีก็เป็นไปได้น้อย แต่หากตลาดพึ่งตกต่ำลงอีกครั้ง สถานการณ์จะช่วยให้มีเวลาทบทวนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตลาด และระลึกได้ว่าการร่วงลงของตลาดหุ้น เป็นเหตุการณ์ที่จะช่วยให้มีโอกาสได้เพิ่มหุ้นเข้าไปในคลัง และได้รับกำไรอย่างมากมายมหาศาลอีกครั้ง

สรุปตามหาหุ้นเลหลัง

1.หุ้นเลหลัง ซื้อหุ้นราคาต่ำที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ที่บริษัทถือครอง การซื้อหุ้นกลุ่มนี้ก็เหมือนกับการซื้อของบางอย่างที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

  1. ก่อนอื่นต้องรู้มูลค่าทางบัญชีก่อน ไม่สามารถพูดได้เลยว่าหุ้นไหนเป็นหุ้นเลหลังได้ หากไม่มีตัวเลขที่จะไปเปรียบเทียบกับราคาหุ้น มูลค่าทางบัญชีก็ไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัท จะสามารถคำนวณได้ง่าย ๆ โดยนำสินทรัพย์ทั้งหมดที่บริษัทมี หักออกด้วยหนี้สินที่บริษัทถืออยู่ การคำนวณมูลค่าทางบัญชี ก็เหมือนกับการคำนวณสินทรัพย์สุทธิ ที่จำเป็นต้องหักหนี้สินจากการกู้มาซื้อสินทรัพย์ออกเสมอ และเมื่อนำตัวเลขดังกล่าวไปหารด้วยจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้ว ก็จะได้ตัวเลขมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นมา
  2. เลือกใช้ตัวสแกนหุ้นฟรีบนเว็บไซต์เป็นตัวช่วย ตั้งค่าในการค้นหาหุ้นที่มีราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่า 1 ตั้งค่าให้อัตราส่วนหนี้สินต่อหุ้นสูงสุดที่ 0.3 เท่า และเลือกดูเฉพาะหุ้นที่ราคาต่ำกว่า 10 เหรียญเท่านั้น อย่าลืมตั้งค่าราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิขั้นต่ำที่ 1 เท่า เพื่อคัดเลือกแต่หุ้นที่มีกำไรเท่านั้น

บทที่ 6

มาทำให้โลกสุขภาพดีและมีความมั่งคั่งกัน

เทคโนโลยีชีวภาพคือโอกาสที่ไม่มีใครสนใจ

มีกุญแจอยู่ไม่กี่ดอกที่จะไขไปสู่ความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้ได้ และเหตุผลที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ความก้าวหน้าในตัวเทคโนโลยี ภาพที่เห็นได้ชัดก็ เช่น ยาใหม่ การรักษาแบบใหม่ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ ที่ออกสู่ท้องตลาดแทบจะทุกสัปดาห์ ซึ่งจะเห็นความก้าวหน้าไม่ใช่แค่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ แต่รวมไปถึงหุ่นยนต์ที่ใช้ศัลยกรรม อวัยวะเทียมจากไทเทเนียม สูตรยาใหม่สำหรับโรคมะเร็ง และแผนการยืดอายุไขมนุษย์ บ่อยครั้งที่เห็นเทคโนโลยีอันน่าทึ่งเหล่านี้ มาจากบริษัทขนาดเล็กที่มีราคาเพียงเล็กจิ๋วเท่านั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่อุตสาหกรรมนี้เติบโตมาอย่างมากคือ สินค้าและบริการเหล่านี้มีความต้องการอันเลี่ยงไม่ได้

สัญญาณของกำไรที่มีศักยภาพ

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขนาดเล็ก สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการค้นพบยาใหม่ อย่างที่บริษัทยาขนาดใหญ่ ๆ ทำกันไม่ได้ แทนที่จะนั่งลงทุนในยาหรือเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติเสียเอง บริษัทขนาดใหญ่จึงเลือกที่จะอัดฉีดเงิน และความช่วยเหลือให้กับบริษัทที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งในอนาคต บริษัทยายักษ์ใหญ่เองก็ได้ประโยชน์ ในการเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพอย่างสูง โดยไม่ต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายไปมาก นั่นถือเป็นชัยชนะสำหรับบริษัท สำหรับบริษัทยาขนาดเล็ก และสำหรับผู้ป่วยด้วยเช่นกัน ยิ่งนักวิจัย บริษัทยา และเทคโนโลยีชีวภาพทำการวิจัย เพื่อหาคำตอบทางการแพทย์ของปัญหาสำหรับมนุษยชาติมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็จะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะพบหุ้นเด้งราคาต่ำมากขึ้นเท่านั้นเอง

การขโมยก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแย่

กุญแจในการมองหาหุ้นราคาต่ำ ที่จะเป็นผู้ชนะในอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพคือ การมองหาบริษัทที่มีหัวก้าวหน้า และเต็มไปด้วยนวัตกรรม ที่มาพร้อมกับพันธมิตรที่เหมาะสม พันธมิตรอาจจะเป็นบริษัทยายักษ์ใหญ่ ที่เลือกลงทุนในบริษัทยาขนาดเล็กก็ได้ หรือจะเป็นบริษัทประกันภัย ที่กระโดดเข้ามาในอุตสาหกรรม เพื่อหาวิธีควบคุมค่ารักษา และแสวงหาผลการรักษาที่ดีขึ้น ทั้งสองทางล้วนเป็นเส้นทางที่จะนำไปสู่กำไร ที่นักลงทุนสามารถคว้าเอาเป้าหมายไว้ได้ ก่อนที่บริษัทเหล่านั้นจะเชื่อว่า มันจะเป็นไปได้เสียอีก ที่นี่คือพื้นที่ที่อาจจะต้องเรียนรู้ ที่จะขโมยความคิดของคนอื่นเช่นกัน จำเป็นต้องใช้เวลาหลายปี ในการพัฒนาองค์ความรู้และหาแหล่งข่าวเกี่ยวกับการมองหาหุ้นนอกสายตา ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพที่มีโอกาส จะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่สามารถเอาไอเดียการลงทุน มาจากผู้บริหารการลงทุนที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยการค้นหารายชื่อหุ้น ที่ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพถือครอง พวกเขาจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลนี้ให้ตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลนี้ก็สามารถหาได้ง่ายในบทวิเคราะห์ หรือเว็บไซต์ทางการเงินต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต

สรุปตามหาหุ้นยาและเทคโนโลยีชีวภาพ

1.หุ้นยาและเทคโนโลยีชีวภาพเต็มไปด้วยหุ้นราคาต่ำ

2.บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพขนาดเล็ก สามารถที่จะผลักดันการวิจัยให้เติบโตได้มาก อย่างที่บริษัทบริษัทขนาดใหญ่มักทำไม่ได้ แทนที่จะไปลงทุนในยาหรือเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ บริษัทขนาดใหญ่ชอบที่จะจัดสรรหาเงินและความช่วยเหลือ เพื่อสร้างความร่วมมือกับบริษัทขนาดเล็กที่ดูมีอนาคตมากกว่า

3.สามารถค้นหาข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก เกี่ยวกับยาใหม่ที่ได้รับการอนุมัติ และบริษัทที่ผลิตยาเหล่านั้นที่เว็บไซต์ WWW.fda.gov โดยสามารถติดตามข้อมูลยา ที่กำลังขาดตลาดซึ่งมีแนวโน้มที่ผู้ผลิตจะเพิ่มการผลิต และทำให้อัตราการขายทำกำไรสูงขึ้นได้

4.ยังสามารถขโมยแนวคิดการลงทุนมาจากผู้จัดการกองทุนชั้นยอดที่เก่งในอุตสาหกรรมนี้ ผ่านการค้นหารายชื่อในพอร์ตที่ผู้บริหารกองทุนเหล่านี้ถือ พวกเขาจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลให้กับตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลดังกล่าวก็เปิดเผยเป็นสาธารณะทั่วไป ผ่านบทวิเคราะห์และเว็บไซต์ทางการเงินต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต

5.อย่าลืมพูดคุยกับคนรู้จัก ที่ทำงานเกี่ยวกับการแพทย์ เพื่อที่จะได้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลยาใหม่ล่าสุด และการวิจัยพัฒนา ไปส่องดูยาต่าง ๆ ที่มีในตู้ว่าใครเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย รวมไปถึงยาที่คนในครอบครัวใช้ด้วย จะสามารถมองหาโอกาสใหม่ ๆ ได้ด้วยตัวเอง

บทที่ 7

รอบโลกกับหุ้นต่ำ 10

ลงทุนไปรอบโลก

การลงทุนไม่ควรจำกัดการค้นหาหุ้นเด้งราคาต่ำ เฉพาะบริษัทที่ตั้งอยู่ในประเทศเท่านั้น บริษัทต่างประเทศเองก็หันไปทำธุรกิจที่หลากหลายมากกว่าก่อนหน้านี้ บริษัทต่าง ๆ กำลังทำธุรกิจกระจายไปทั่วโลก ในฐานะผู้แข่งขันทางตรงกับบริษัทที่อยู่ในประเทศ โชคดีสำหรับนักลงทุนที่โลกทุกวันนี้หดแคบลงมาก ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มต้นที่จะประพฤติตัวไม่ต่างจากตลาดหุ้นในประเทศ ตลาดหุ้นอื่นก็มีแนวโน้มที่จะมีการซื้อขายไม่ต่างจากกัน นั่นหมายความว่าตลาดหุ้นก็เคลื่อนไหวไปตามวัฏจักรแห่งความโลภและความกลัวเช่นกัน และการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็จะช่วยสร้างหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ ที่มีศักยภาพอันน่าลงทุนไม่ต่างจากที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นบ้านเรา

บริษัทจำนวนมากมีสินค้าใหม่ที่น่าตื่นเต้น และมีศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาว แต่ยังไม่ถูกค้นพบจากการค้นหาใด ๆ จึงสามารถค้นหาหุ้นได้ราคาต่ำ ที่กระจายอยู่ทั่วโลกในตลาดหุ้น ที่เคลื่อนไหวโดยพลวัตและเชื่อมต่อถึงกันหมด บริษัทต่างประเทศสามารถจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้ โดยจดเป็นใบรับฝากหุ้นที่ออกโดยสถาบันการเงินในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต สามารถถือหุ้นเหล่านี้และขายเป็นหลักทรัพย์ออกใหม่ ที่อ้างอิงและถือหุ้นดังกล่าว ให้กับนักลงทุนทั่วไปที่ได้รับอนุญาต ให้ถือครองตราสารหุ้นต่างประเทศได้

ทั่วโลกกำลังเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมอีกครั้ง

ประเทศที่กำลังพัฒนา เป็นแหล่งในการค้นหาหุ้นราคาต่ำอันยอดเยี่ยม สหรัฐอเมริกาพัฒนาเมืองมาเต็มสูบแล้ว และเป็นเรื่องยากที่จะเติบโตขึ้นไปอีกในอัตราที่สูงโดยปราศจากอัตราเงินเฟ้อ แต่ตลาดอย่างจีนหรืออินเดียกลับมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเกิดงานที่ให้ค่าแรงสูง ซึ่งช่วยทำให้เกิดกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นชนชั้นกลาง

เศรษฐกิจของประเทศที่กำลังพัฒนา มีลักษณะคล้ายคลึงเป็นอย่างมากกับสหรัฐอเมริกา เมื่อย้อนเวลากลับไปอีกสักร้อยปีได้ ยุคสมัยที่ประชาชนเดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อมาหางานในเมืองหลวง กับอาชีพอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ที่เพิ่งเริ่มก่อตัว การเจริญเติบโตอันแข็งแกร่งของโครงสร้างประชากรในประเทศกำลังพัฒนา จะช่วยสร้างความต้องการที่ใหญ่ขึ้นมากขึ้น และต้องการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ มารองรับการเติบโตของประเทศด้วย

ตามเงินตราไป

ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ประเทศที่กำลังเจอกับช่วงเวลาแห่งการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ จะต้องจ่ายเงินลงไปจำนวนมากกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วัสดุก่อสร้างสำหรับสร้างถนนทางด่วนและสะพาน สิ่งเหล่านี้จะมีความต้องการที่สูง เงินจะถูกส่งไปปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพวกนี้ก่อน บริษัทที่ทั้งก่อสร้างและบริหารจัดการระบบให้บริการในอุตสาหกรรมหลักเหล่านี้ก็จะได้รับประโยชน์ ตามมาบริษัทที่จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่ผู้รับเหมาก่อสร้างเอง ก็จะมีผลประกอบการที่ดีด้วยเช่นกัน ถ้าสามารถตามหาหุ้นเหล่านี้ได้ ในขณะที่พวกมันยังมีราคาต่ำอยู่ ก่อนที่ใครต่อใครในโลกต้องการลงทุนจะสังเกตเห็น ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรได้ก้อนมหึมาได้ภายในเวลาไม่นาน ตลาดหุ้นโลกเป็นแหล่งที่ดีในการหาโอกาสการลงทุนในหุ้นราคาต่ำที่มีประสิทธิภาพ จึงต้องมองไปที่กระแสโลกาภิวัฒน์เพื่อหาหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ หุ้นนอกสายตา และหุ้นเลหลังที่น่าสนใจจากทั่วโลกให้เจอ นั่นจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการลงทุน

สรุปค้นหาหุ้นไปทั่วโลก

1.ประเทศที่กำลังเจริญเติบโตเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการตามหาหุ้นราคาต่ำ

2.ประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงการเติบโตอย่างมากของเศรษฐกิจ จะจ่ายเงินอย่างมากไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

3.เมื่อเศรษฐกิจเติบโต ประชาชนก็จะเริ่มมีรายได้มากขึ้น พวกเขาจะเริ่มต้องการมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น บริษัทที่ขายสินค้าหรูหรา หรือเป็นผู้ให้บริการก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้น เพื่อตอบสนองต่อกลุ่มชนชั้นกลางที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นหรือในภูมิภาคนั้น

บทที่ 8

ลืมทุกอย่างที่คุณคิดว่าคุณรู้

หุ้นเหล่านี้ราคาต่ำเพราะว่าไม่มีใครสนใจจะติดตามมัน หรือไม่เคยสนใจหุ้นเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครใส่ใจเกี่ยวกับหุ้นเหล่านี้ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ได้เปรียบ และมีโอกาสในการทำกำไรก้อนโต

การอ่านคือรากฐานและสิ่งที่สร้างกำไร

การอ่าน 10Q และ 10K ก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่ต้องทำ เพราะกำลังมองหาสิ่งที่ Wall Street พลาดไป จึงต้องมองหาสัญญาณ และแนวทางที่จะรักษาการเติบโต หรือฟื้นตัวกลับมาให้เติบโตได้อีกครั้ง อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ในการตามหาหุ้นเหล่านี้ ตัวเลข PE ต้องการราคาหุ้นในปัจจุบัน และกำไรต่อหุ้นในปัจจุบันในการคำนวณ แต่หลายครั้งที่หุ้นราคาต่ำมีกำไรน้อยมากหรืออาจจะไม่มีเลย ในขณะที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคงไปเป็นหุ้นเด้ง หรือไม่กำไรก็อาจจะกำลังถูกกดดันด้วยวัฏจักรเศรษฐกิจ นักลงทุนจำนวนมากมองหาแต่หุ้น PE ต่ำเท่านั้น นักลงทุนบางคนประสบความสำเร็จโดยการใช้สูตรการหาหุ้นยอดนิยม เช่น PEG(price to growth ratio) อัตราส่วนดังกล่าวคือการเอาตัวเลข PE ไปเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรในช่วงที่ผ่านมา และนั่นก็ไม่ได้ช่วยเช่นกัน หุ้นจำนวนมากที่ราคาตกต่ำลง ก็เกิดมาจากการที่อัตราการเติบโตของกำไรตกต่ำลง มาจากตัวเลขในช่วงปกติของตนเอง ตามหลักแล้วต้องการให้กิจการมีกำไร เหตุผลที่หุ้นหลายตัวมีราคาต่ำ 10 ก็เพราะธุรกิจเกิดสะดุด แต่ความจริงก็คือ กิจการเหล่านั้นยังคงมีกำไร แม้ต้องตกอยู่ในเวลาที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม สิ่งนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าฝ่ายบริหารรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และสามารถปรับตัวธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทำกำไรได้ดีขึ้น แต่ถ้ายังทำกำไรไม่ได้อีก ก็ต้องมีตัวช่วยหรือเหตุผลบางประการ ที่จะทำให้กิจการกลับมาทำกำไรได้เหมือนเดิมในเวลาอันสั้น

เอาชนะของดีด้วยของที่ดีกว่า

สูตรดั้งเดิมจำนวนมากที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น จะพบว่าไม่ได้ใช้สูตรเหล่านี้ จะเป็นการมองลึกลงไปถึงการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของตัวเลขในสูตรมากกว่า จะสนใจอัตราส่วนนั้นอย่างตรงไปตรงมาเวลาที่ประเมินมูลค่าหุ้น เริ่มต้นจากการสนใจผลตอบแทนของส่วนของผู้ถือหุ้น (return on equity ; ROE) กันสักหน่อย ตัวเลขนี้ใช้กันอย่างกว้างขวางในบทวิเคราะห์ทางการเงิน เพื่อประเมินว่าบริษัทสามารถหากำไรได้เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับส่วนทุนที่ต้องลงไปของบริษัท ตัวเลขนี้สำหรับการใช้ประเมินว่า ผู้บริหารใช้ส่วนทุนไปสร้างกำไรได้อย่างไร และจะทำให้นักลงทุนไว้ใจในฝีมือได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามเลขนี้เพียงตัวเดียว ไม่มากพอที่จะประเมินศักยภาพของกิจการที่กำลังจะกลายเป็นหุ้นเด้ง

คิดให้ต่างและทำให้ดีกว่าเดิม

ศึกษาหุ้นราคาต่ำเพื่อหาศักยภาพในการเป็นหุ้นเด้งแห่งชัยชนะ ต้องการระบบความคิดที่หลากหลายมากกว่าที่เคยเรียนรู้มาในอดีต หลักการลงทุนกระแสหลักย่อมมีแนวโน้มแบบกระแสหลักจะไม่เลือกหุ้นหน้าเก่าๆด้วยวิธีการดั้งเดิมอีกต่อไปนั่นจะทำให้ผลลัพธ์แบบเดิม ๆ เพราะกำลังมองหาหุ้นที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างรุนแรงและให้ผลตอบแทนหลายๆเด้งจากต้นทุนที่ซื้อ

สรุปมองหาสิ่งที่ Wall Street พลาดไป

1.เครื่องมือขั้นพื้นฐานสำหรับประเมินมูลค่าหุ้นคือ แบบรายงานที่บริษัทยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ ในทุกไตรมาสบริษัทจะต้องยึดแบบ 10Q ให้กับตลาดหลักทรัพย์ และภายในเอกสารเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลึกมากมายเกี่ยวกับสถานะการเงิน และการดำเนินกิจการในทุกสิ้นปี บริษัทจะต้องยื่นแบบรายงานประจำปีที่ชื่อว่า10K

2.บทวิเคราะห์แบบดั้งเดิมของวอลสตรีทไม่ใช่ไม่ได้ สำหรับการตามหาหุ้นเด้งราคาต่ำแบบที่กำลังทำ

3.หากเคยเป็นคนที่มองหาแต่หุ้น PE ต่ำ ลืมไปให้หมดเมื่อเริ่มต้นมองหาหุ้นราคาต่ำ ค่า PE ต้องการราคาหุ้นในปัจจุบัน และกำไรต่อหุ้นในการคำนวณ หลายครั้งหุ้นราคาต่ำมีกำไรน้อยมากไปจนถึงไม่มี ในขณะที่บริษัทกำลังกลายร่างอย่างมั่นคงไปเป็นหุ้นเด้ง หรือบางครั้งกำไรที่แสดงก็กำลังถูกกดดันจากวัฏจักรเศรษฐกิจ

4.เลิกสนใจ peg ไปด้วยเช่นกัน การเปรียบเทียบค่า PE กับอัตราการเติบโตของกำไรในอดีตก็ใช้ไม่ได้

5.และ ROE ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้เลือกหุ้นได้เสียทีเดียว จำเป็นต้องมองแนวโน้มของมันมากกว่าตัวเลขโดด ๆ เพียงอย่างเดียว

บทที่ 9

ตามหาสิ่งที่ใช่

สำรวจสิ่งของสถานที่และผู้คน

หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ต้องการประเมินเวลามองหาหุ้นราคาต่ำคือ ความแข็งแกร่งของงบดุล หนี้สินของบริษัทควรจะไม่เกินครึ่งหนึ่งของส่วนทุนและหนี้สินรวมกัน ลักษณะดังกล่าวช่วยทำให้ห่างไกลกับสถานการณ์ย่ำแย่ทางการเงิน จากการล้มละลายหรือเสื่อมถอยของบริษัทขณะที่ถือหุ้น อีกข้อที่สนใจในลักษณะของบริษัทคืออัตราทดในการบริหาร (operating leverage) ตัวเลขดังกล่าวคำนวณจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 1 เหรียญว่าจะกลายไปเป็นกำไรเท่าไหร่ บริษัทที่มีค่าใช้จ่ายคงที่สูงหรือต้องการเงินทุนในการประกอบกิจการมาก กลุ่มนี้เป็นพวกอัตราทดในการบริหารสูง เวลาที่มองไปยังงบดุลของบริษัทที่ดูจะมีศักยภาพ สุดท้ายแล้วสินทรัพย์ทุกอย่างจะกลายเป็นค่าใช้จ่าย สินทรัพย์เหล่านั้นจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายอะไร และสร้างค่าใช้จ่ายอะไรขึ้นอีกได้บ้าง อย่างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ก็ย่อมต้องการการซ่อมแซมดูแล ระบบคอมพิวเตอร์ต้องการการพัฒนา เมื่ออ่านคำอธิบายและความเห็นของฝ่ายบริหารในแบบ 10Q หรือ 10k จะตรวจสอบว่าเมื่อไหร่ที่รอบของการพัฒนา หรือทดแทนสินทรัพย์เหล่านี้จะเสร็จสิ้น การอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงิน และความเห็นผู้สอบบัญชีของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการขุดค้นหุ้นที่สนใจ หาก ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นต่องบการเงิน นั่นเป็นสัญญาณเตือนร้ายแรงที่บอกว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ภายในข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์บริษัท หรือบริษัทเพิ่งจะเปลี่ยนผู้สอบบัญชีหรือเปล่านั่นก็เป็นสัญญาณเตือนได้เช่นกัน

บริษัททุกบริษัทในตลาดหุ้น มีข้อมูลของฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์แสดงอยู่ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธุรกิจ ภายในจะประกอบไปด้วยเอกสารที่นำเสนอสื่อมวลชนภายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมไปถึงเอกสารต่าง ๆ ที่ส่งให้นักวิเคราะห์ด้วย ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ส่วนใหญ่จะมีลิงค์เชื่อมต่อไปยังแบบรายงานต่าง ๆ ที่นำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลงบการเงินของกิจการหลายบริษัท มีข้อมูลเชิงลึกอยู่ในส่วนของนักลงทุนสัมพันธ์ แต่บางบริษัทก็ไม่มี เมื่อไหร่ที่เริ่มต้นอ่านและขุดหาข้อมูลในรายงานต่าง ๆ ของบริษัท เว็บไซต์ของบริษัทควรจะเป็นสถานที่ต่อไป ที่จะต้องมุ่งหน้าไป ที่นั่นมีข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากของบริษัทรออยู่ การดูกราฟราคาหุ้นสามารถบอกข้อมูลสำคัญได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาในการซื้อหุ้นเด้งราคาต่ำ ราคาหุ้นกำลังสูงขึ้นหรือมีแรงซื้อเข้ามามาก ๆ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่านักลงทุนรายใหญ่อย่างเฮดจ์ฟันด์เริ่มต้นมองเห็นบริษัท และอยากได้หุ้นมาครอบครองให้เร็วที่สุด ไม่ตัดสินใจโดยใช้กราฟเท่านั้น แต่ให้คิดวิเคราะห์ผ่านกระบวนการเชิงพื้นฐาน กราฟมีประโยชน์ในแง่ของการให้ข้อมูลว่า นักลงทุนคนอื่นในตลาดกำลังคิดอย่างไรกับกิจการ อีกแหล่งข้อมูลหนึ่งคือข้อมูลการซื้อขายหุ้นของบริษัท มีข้อมูลการซื้อหรือขายจากคนในบริษัทไหม การขายของคนเดียวอาจหมายถึง คนขายแค่ต้องการเงินไปใช้ในเหตุผลส่วนตัว แต่ถ้ามีคนขายหลายคน นั่นก็เริ่มเป็นสัญญาณเตือนถึงความย่ำแย่แล้ว ควรตรวจสอบการซื้อหุ้นของกองทุนรวมและนักลงทุนรายใหญ่ด้วย หากนักลงทุนที่เก่งกาจคนอื่น สนใจในหุ้นที่ถืออยู่ จะช่วยผลักดันการทำงานของผู้บริหาร ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและปลดปล่อยมูลค่าของกิจการออกมา

ความคิดเห็นที่ไม่มีอคติ

ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ ที่อาจช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทที่มีศักยภาพ จะเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้นได้ Standard and Poor’s ก็เป็นแหล่งข้อมูลบทวิเคราะห์ที่มีค่า ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่าย บริษัทหลักทรัพย์ที่เน้นคิดค่าหมายหน้าต่ำจำนวนมาก ก็เปิดให้ลูกค้าอ่านบทวิเคราะห์ได้ฟรี ข้อมูลบทวิเคราะห์หุ้นจาก Morningstar’s เช่น ข้อมูลและอัตราส่วนทางการเงินในอดีต ก็เผยแพร่ให้อ่านได้ฟรีในเว็บไซต์ รวมไปถึงเว็บไซต์อย่าง Yahoo finance เองก็ให้คนเข้าถึงการประมาณการกำไร และความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ได้ภายในคลิกเดียว ข้อมูลมากมายที่มีอยู่ตามเว็บไซต์ ช่วยให้เข้าถึงความคิดเห็น และข้อมูลแทบจะทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก

สรุปตามหาสิ่งที่ใช่

1.การมองหาบริษัทที่มีส่วนทุนอย่างน้อยเท่ากับหนี้สิน หรือจะเรียกว่าต้องการอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 50% ก็ได้ นอกจากนี้ยังมองหาบริษัทที่มีอัตราทดในอาจในการดำเนินงานสูง ๆ ด้วย

2.ตรวจสอบความเห็นของผู้สอบบัญชีในแบบ 10Q และ 10k หากผู้สอบบัญชีแสดงความคิดเห็นแบบมีเงื่อนไข นั่นเป็นสัญญาณเตือนสำคัญว่า มีอะไรสักอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทที่กำลังวิเคราะห์อยู่

3.ใช้ข้อมูลจากแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ที่อยู่ในเว็บไซต์ของบริษัท ทุกบริษัทจะมีข้อมูลส่วนนี้จัดแสดงในหน้าเว็บไซต์หลักของบริษัทอยู่แล้ว ที่นี่มีข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายให้

4.ติดตามว่าใครกำลังซื้อหรือขายหุ้นอยู่บ้าง ทั้งจากผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ กองทุนรวม และนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ คนในบริษัทอาจจะขายหุ้นออกมาด้วยหลากหลายเหตุผล แต่เหตุผลในการซื้อมักมีข้อเดียว คือมองเห็นศักยภาพของบริษัท และคิดว่าราคาหุ้นในปัจจุบันถูกเกินไป สำหรับกำไรที่อาจจะได้รับในอนาคต การซื้อหุ้นจากคนในบริษัท จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าการวิเคราะห์กิจการในแง่มุมอื่นนั้นมาถูกทาง

5.ศึกษาว่านักวิเคราะห์กำลังพูดถึงหุ้นอย่างไรกันบ้าง มีแหล่งข้อมูลมากมายที่รวบรวมบทวิเคราะห์ดี ๆ ไว้ให้ Value line คือหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่เก่าแก่และดีที่สุด Standard and Poor’s ก็เป็นแหล่งเผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นที่ทรงคุณค่า และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับเหล่านักลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่เน้นคิดค่านายหน้าราคาถูกหลายแห่ง เปิดให้ลูกค้าเข้าไปอ่านข้อมูลและบทวิเคราะห์ได้ฟรี

3.ค้นหาเครือข่ายความรู้จากคนรอบตัว ผู้คนจำนวนมากมีแหล่งข้อมูลที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาไม่เคยใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าเลย

บทที่ 10

ซื้อถูกต้องก็เหมือนขายไปครึ่งหนึ่งแล้ว

 รู้จุดขายทั้งในเวลาที่ดีและย่ำแย่

องค์ประกอบที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในการลงทุน ไม่ว่าจะในหุ้นประเภทไหนก็ตาม นั่นคือการรู้เวลาที่จะขาย หุ้นที่ถูกซื้อมาอย่างถูกต้อง ก็เหมือนขายได้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว เมื่อสนใจแต่หุ้นราคาต่ำ การตัดสินใจขายหุ้นส่วนใหญ่ก็มาจากการที่ตลาดช่วยตัดสินใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนคนไหน ก็คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องขายหุ้น หลังจากที่ทำงานหนักในการวิเคราะห์ และตื่นเต้นแทบตายกับการค้นหาหุ้นที่น่าจะเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครสนุกที่จะค้นพบว่าการวิเคราะห์ของตัวเองผิด หรือข้อเท็จจริงกำลังเปลี่ยนแปลงไป และจำเป็นต้องขายหุ้นออกไป หลายครั้งนั่นหมายถึงการขาดทุน และไม่มีใครชอบการขาดทุนทั้งนั้น แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการลงทุน ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรับมือเมื่อถึงคราวที่จำเป็น

ถามตัวเองก่อน

เมื่อเริ่มต้นลงทุนในหุ้นเด้งราคาต่ำ จำเป็นต้องติดตามพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ การนั่งดูหุ้นที่กำไรเยอะ ๆ ในพอร์ตจะสร้างความสุข แต่ก็อย่าลืมสนใจหุ้นที่ไม่ไปไหนหรือขาดทุนด้วย เมื่อราคาหุ้นเคลื่อนที่ไปทิศทางตรงข้ามกับที่คาด ก็ต้องกลับไปถามตัวเองว่าการวิเคราะห์ตอนก่อนซื้อ มีอะไรที่ผิดพลาดหรือเปล่า นี่คือคำถามสำคัญที่ต้องถาม เวลาที่หุ้นที่ซื้อมีราคาตกต่ำลง จำเป็นต้องกลับไปทบทวนการตัดสินใจแรกเริ่มอย่างเร่งด่วน อาจจะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป และจำเป็นจะต้องขายหุ้นออกไปในทันที แต่หลายครั้งจะพบว่าพื้นฐานของบริษัทที่ถือไม่ได้เปลี่ยน และอาจจะตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มที่ราคาต่ำกว่าราคาทุนเดิมที่มีก็ได้ ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการขายหุ้นไม่ดีออกไปแม้ต้องขาดทุน นั่นเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตการลงทุน ตราบเท่าที่พอร์ตหุ้นเด้งราคาต่ำยังทำกำไร การขาดทุนบ้างจะช่วยท้าทายการทำงานให้รัดกุม และทำลายอคติที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพรวมการลงทุนระยะยาว เมื่อพื้นฐานเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนความคิดเห็นตาม การขายหุ้นที่ผิดออกไปเป็นเรื่องที่ฉลาดและถูกต้องเสมอ

พวกเรามีผู้ชนะ

ไม่มีอะไรสร้างความอิ่มเอมใจให้กับนักลงทุนมากไปกว่าการขายหุ้นออกมาได้กำไรเป็นเงินสดอีกแล้ว การบอกว่าจุดไหนคือจุดที่ควรขายหุ้นในขณะที่ขึ้นมาตลอดทาง และสะสมกำไรมาเรื่อย ๆ เป็นเรื่องยาก ตัวชี้วัดหลายตัวสามารถใช้ในการตรวจสอบหุ้นได้ อย่างแรกค่อนข้างจะชัดเจน ว่ากำลังมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่ราคาซื้อขายเป็นเลขหลักเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 10 เหรียญ นั่นก็แปลว่าถึงเวลาที่จะนั่งลงทบทวน และมองหาว่าอะไรเกิดขึ้นกับกิจการ และราคาหุ้นบ้างแล้ว ในแง่มุมของปัจจัยเชิงเทคนิคอล ปริมาณการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นหรืออย่างน้อยคงที่หรือไม่ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่ามีนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ ที่เคยขายหุ้นตอนราคาลงแต่ตอนนี้กลับมาซื้อหุ้นแล้ว ทำให้ราคาหุ้นถูกดันให้สูงขึ้นไปอีก

การขายหุ้นออกไปบางส่วน หลังจากที่หุ้นขึ้นมามากก็เป็นแนวคิดที่ดี หากเป็นนักลงทุนแนวอนุรักษ์นิยม การแบ่งขายหุ้นออกไปบางส่วนหลังจากหุ้นขึ้นมา 2 เด้งก็เป็นเรื่องดี จะได้เงินลงทุนตั้งต้นคืนเหมือนที่นักพนันชอบพูดกันที่เวกัสว่า “เล่นพนันด้วยเงินบ่อน” ทำให้นักลงทุนจะมีเงินเหลือไปหาหุ้นราคาต่ำตัวใหม่ด้วย ถึงแม้ว่าจะยังชอบหุ้นตัวเดิมอยู่ แต่ก็สบายใจได้ว่าเงินต้นได้ปราศจากความเสี่ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งสัญญาณในการขายคือ ใครต่อใครก็หันมารักหุ้นที่เคยจงเกลียดจงชังนักหนาตอนที่เข้าซื้อ หากใครต่อใครก็ชอบกันหมด คำถามคือแล้วจะเหลือใครไว้รับหุ้นต่อ การมองหาหุ้นนอกสายตา หุ้นที่ใครก็ไม่รัก และเมื่อบริษัทโด่งดังมีแต่คนหลงไหลก็ได้เวลาขายออกไปแล้ว

โตอีก โตขึ้นอีก แล้วก็โบกมืออำลา

การตัดสินใจซื้อหุ้นผิด จะถูกพิสูจน์เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อไหร่ก็ตามที่ซื้อหุ้นที่ไม่มี ใครรักหรือรู้จัก วันหนึ่งข้างหน้านักลงทุนก็จะมองเห็น และกลับมาเป็นที่ชื่นชอบใน Wall Street อีกครั้ง นั่นเป็นวัฏจักรของความโลภและความกลัว ซึ่งจะช่วยทำให้หากำไรจากตลาดหุ้นได้ หากนักลงทุนกำลังหิวกระหาย อยากได้หุ้นที่มีก็จงขายให้เขาไป

สรุปรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะขาย

1.จับตาดูดหุ้นราคาต่ำอย่างใกล้ชิด เมื่อไหร่ที่ราคามันตกไปอีกก็ต้องตอบคำถามนี้ด้วยความจริงใจที่สุดว่า เกิดเรื่องผิดปกติอะไรขึ้น หรือแค่ซื้อเร็วไป

2.ปล่อยให้การขาดทุนท้าทายกระบวนการคิด และทำลายความมั่นใจเกินเหตุไปบ้าง นั่นให้ผลที่ดีกว่าในระยะยาว

3.ตราบเท่าที่พื้นฐานบริษัทยังดีอยู่ มันก็โอเคที่จะถือหุ้นไว้ แต่ถ้าบริษัทกำลังจะชะลอตัว หรือไม่สามารถเติบโตได้อีกแล้ว ก็ควรขายหุ้นออกไป

4.เมื่อราคาหุ้นไต่สูงขึ้น การขายหุ้นออกไปบ้างก็เป็นความคิดที่ดี ถ้าเป็นนักลงทุนสายอนุรักษ์นิยม ก็ควรจะขายหุ้นออกไปเมื่อราคาขึ้นมาถึง 2 เด้ง

5.เหตุผลในการขายหุ้นที่ชอบที่สุดคือ บริษัทถูกซื้อหรือควบรวมกิจการไป ผู้ซื้อกิจการมักจะต้องยอมจ่ายที่ราคาแพงกว่าตลาด และนั่นหมายถึงกำไรพิเศษ

บทที่ 11

จงระวังหมาป่าแห่งวอลสตรีทเอาไว้

คำแนะนำเกี่ยวกับการตามล่ากำไรของคุณที่ใช้การได้จริง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้การตามหาหุ้นราคาต่ำ กลายเป็นพื้นที่การลงทุนอันแสนอุดมสมบูรณ์ได้นั้นคือ การที่คนส่วนใหญ่ใน Wall Street หลีกเลี่ยงหุ้นต่ำ 10 บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมากคิดค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้น และอัตราการกู้เพื่อซื้อหุ้นกลุ่มนี้แพงเป็นพิเศษ แถมบางครั้งก็ยังไม่อนุญาตให้ซื้อขายหุ้นเหล่านี้ด้วยซ้ำ คนทั่วไปมองว่าหุ้นราคาต่ำมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นที่ราคาสูง  ข้อสรุปแบบผิด ๆ เหล่านี้ก็นำมาซึ่งโอกาสในการลงทุนมากมาย ที่จะช่วยในการหาเงินจากความผิดพลาดดังกล่าว

หลีกหนีจากคนชั่วร้าย

ตลาดของหุ้นราคาต่ำมีความเสี่ยงพิเศษ จากการจงใจใช้เล่ห์กลในการเสนอขายหุ้นไร้คุณภาพ ให้กับเหล่านักลงทุนที่ไม่ระมัดระวังตัว กระบวนการโกงหุ้นทำได้หลากหลาย ผ่านวิธีการลากแล้วทุบ (pump and dump) ผู้ร้ายในเกมการเงินนี้ จะเริ่มทำการสะสมหุ้นหรือซื้อหุ้นราคาต่ำมาก้อนใหญ่ หลังจากนั้นจึงเริ่มปล่อยข่าวดีเกี่ยวกับหุ้นออกมาอย่างหนักหน่วง เพื่อล่อนักลงทุนหูเบา คนเหล่านั้นก็จะเทขายหุ้นให้นักลงทุนไปติดดอยในราคาสูงลิ่ว และจากไปพร้อมกับเงินทองที่เหยื่อหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง หุ้นปั้นเกือบทั้งหมดไม่มีสินทรัพย์หรือกิจการที่จริงจัง บริษัทเหล่านี้มีแต่เปลือกที่สร้างขึ้นมาหลอกนักลงทุน วิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อในเกมการเงินเหล่านี้คือ หลีกเลี่ยงคำโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทที่ไม่รู้จัก และอย่าไปเชื่อคำแนะนำของใครที่ไม่คุ้นเคย

ในโลกอินเตอร์เน็ตไม่มีใครรู้น่ารู้ใจกันหรอก

ข่าวลือเรื่องหุ้นปั้นทั้งหลายมักมาทางอินเตอร์เน็ต ในกล่องจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะมีเรื่องเล่าสุดยอดหุ้นต่ำเหรียญให้ฟังทุกวัน อาชญากรรมก็แค่เคลื่อนย้ายไปจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ไปเป็นใครสักคนก็ไม่รู้จักในอินเตอร์เน็ต กฎเดิมในการหลีกเลี่ยงคำหลอกลวงยังใช้ได้อยู่ เมื่อไหร่ที่ได้ยินข่าวหุ้นจากคนที่ไม่รู้จัก ข่าวหุ้นที่หลักลอยและไม่มีบทวิเคราะห์รองรับเพียงพอ ก็แค่กดลบทั้งหมดทิ้งไปเสีย การกดย้ายข่าวไปไว้ในถังขยะสัก 99% ก็ไม่ได้ทำให้พลาดอะไรไปเลย การป้องกันการหาผลประโยชน์ในตลาดหุ้นที่ดีที่สุดคือ การทำการบ้านด้วยตัวเอง และตรวจสอบข้อมูลให้ดี ก่อนจะเชื่อข่าวสารต่าง ๆ จะได้รู้อย่างรวดเร็วว่าใครกำลังที่จะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ และใครกำลังลักขโมยเงินจากกระเป๋าไป

จ่ายด้วยการบ้าน

อีกความเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญในการมองหาผู้ชนะราคาต่ำ นั่นคือหุ้นเหล่านี้บางตัวก็สมควรที่จะได้รับราคาต่ำ ๆ เพียงเท่านี้ หลายครั้งราคาหุ้นก็อยู่บนเส้นทางที่จะไปจบลงที่เลข 0 จึงจำเป็นต้องศึกษาหุ้นให้มาก หากเจอบริษัทกำลังทุจริตอยู่ในงบการเงินหรือรายงานของบริษัท สิ่งที่ดีที่สุดคือข้ามหุ้นนั้นไป ถึงแม้จะคิดว่าบริษัทนั้นจะมีศักยภาพแค่ไหนก็ตาม การซื้อขายหุ้นที่มีแนวโน้มจะล้มละลาย ก็เหมือนการออกไปวิ่งเล่นในท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยระเบิด มีโอกาสที่สินทรัพย์ของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะหายไป จงหลีกเลี่ยงหุ้นที่กำลังจะล้มละลาย หรือทำการชำระบัญชีเพื่อปิดบริษัทจะดีกว่า

การควบคุมต้นทุน

ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะต้องระแวดระวังในเรื่องการลงทุนหรือการซื้อหุ้นราคาต่ำคือ ต้นทุนธุรกรรมและค่านายหน้าบริษัทหลักทรัพย์จำนวนมากคิดค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นราคาต่ำแพงกว่าปกติ ระมัดระวังการกดสั่งซื้อขายหุ้นราคาต่ำด้วยการเคาะขวาให้ครบจำนวนที่ต้องการในครั้งเดียวโดยไม่สนใจกับราคาเสนอขาย เพราะหุ้นราคาต่ำเหล่านี้ มีช่องว่างระหว่างคำเสนอซื้อเสนอขายและช่องค่อนข้างสูง ควรจะแบ่งการส่งคำสั่งออกเป็นไม้เล็ก ๆ และทยอยเติมซื้อเรื่อย ๆ ทีละนิดแทน มันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก แต่จะต้องระวังสถานการณ์ที่จะทำให้เสียเงินไปโดยไม่จำเป็น

สามัญสำนึกจะช่วยป้องกันความเจ็บปวดได้

หัวใจในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นราคาต่ำคือสามัญสำนึก จึงต้องมองหาอัญมณีด้วยการทำงานหนัก และทุ่มเทความพยายามลงไปให้มาก ไม่มีกุญแจไปสู่อาณาจักรแห่งความมั่งคั่งไหนที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม หรือไม่มีราคาที่ต้องจ่าย การอ่านรายงาน10Q และ 10K วิเคราะห์งบการเงิน และอ่านความคิดเห็นจากฝ่ายบริหารของบริษัท อย่าลืมอ่านหมายเหตุประกอบงบการเงินด้วย เพื่อดูคำเตือนและสัญญาณร้ายในการลงทุน

สรุปอ่านสัญญาณเตือนให้ขาด

1.วิธีการหลีกเลี่ยงหุ้นปั้น หรือหุ้นที่มีการทุจริตที่ดีที่สุดคือ การไม่สนใจคำแนะนำหรือโฆษณาหุ้นของกิจการที่ไม่รู้จัก หรือคำแนะนำหุ้นจากคนที่ไม่คุ้นเคย

2.บริษัทหลักทรัพย์จำนวนมาก คิดค่านายหน้าสำหรับการซื้อขายหุ้นราคาต่ำแพงกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังการใช้จ่ายในการลงทุนให้ดี หากใช้มาร์จิ้นในการซื้อขายหุ้นราคาต่ำ บางบริษัทหลักทรัพย์จะไม่อนุญาตให้ซื้อขาย หรือไม่ก็คิดอัตราดอกเบี้ยแพงกว่าการซื้อขายหุ้นทั่วไป

3.อีกต้นทุนที่ต้องระมัดระวังคือ ต้นทุนที่อาจจะเกิดจากการขาดสภาพคล่องของหุ้นราคาต่ำ ช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายอาจจะมากกว่าปกติมาก

บทที่ 12

ราคาต่ำแต่กำไรสูง

จับทุกอย่างมัดรวมกัน

การหาเงินจากหุ้นราคาสูงทำได้ได้ยากมาก นอกจากนี้ยังต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อที่จะซื้อหุ้น กฎความต้องการซื้อและความต้องการขายอย่างง่าย ช่วยให้หุ้นราคาต่ำมีราคาพุ่งขึ้นสูงโดยง่าย หากมุ่งมั่นในการทุ่มเทความพยายามวิเคราะห์หุ้นราคาต่ำ ก็จะสามารถมีข้อได้เปรียบในการสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า และนั่นจะช่วยพาไปถึงเป้าหมายทางการเงินได้ง่าย ไม่มีหนทางใดสำหรับนักลงทุนรายย่อยแล้ว ที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดได้ง่ายไปกว่านี้อีกแล้ว

กำไรที่ดูงดงาม

การมองโลกในแง่ดี เพื่อรับมือกับช่วงเวลาที่นักลงทุนอื่นต่างหวาดกลัวตลาดหุ้น การขายด้วยความกลัวและข่าวสารในสื่อ ทำให้ปัญหาทุกอย่างในโลก ในตลาดหุ้น ในธุรกิจดูใหญ่เกินจริงไปเสียหมด หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับตลาดหุ้นเช่นกัน ตลาดหุ้นต้องมีวันที่แย่เป็นปกติ จะต้องพบกับการหดตัวของเศรษฐกิจ และตลาดหมี แน่นอนตลอดเวลาการที่เป็นนักลงทุน หนทางที่ถูกในการมองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือ มันเป็นช่วงเวลาที่ควรเติมหุ้นเข้าพอร์ต ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งหายนะ หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สุดของการลงทุนหุ้นราคาต่ำคือ เมื่อใดที่ตลาดหุ้นพลิกเป็นขาขึ้น โอกาสสูงมากที่หุ้นราคาต่ำนี้จะดีดกลับขึ้นไปเหนือเลข 2 หลักอย่างเข้มแข็ง นั่นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี ข้อได้เปรียบอีกอย่างของการลงทุนในหุ้นราคาต่ำ เมื่อตลาดหุ้นปรับฐานคือมีหุ้นนางฟ้าตกสวรรค์ และหุ้นเติบโตจำนวนมากที่ถูกเทขายลงไปต่ำกว่า 10 เหรียญ ถ้าหากหุ้นบางตัวที่ถูกเทขายออกไปมาก ๆ ในสถานการณ์ดังกล่าวนั่นเป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นเหล่านั้นเข้าพอร์ตได้เหมือนกัน

นักลงทุนที่เหมาะกับการลงทุนแบบนี้ที่สุดคือ นักลงทุนที่เรื่องมากแต่มองโลกในแง่ดี พวกเขารู้ดีว่าสักวันตลาดหุ้นขาลงจะต้องจบ และทุกการถดถอยทางเศรษฐกิจจะตามมาด้วยการพลิกฟื้น ในตลาดหุ้นการมองโลกในแง่ดีถือเป็นสิ่งที่ต้องมี มันเป็นอย่างนั้นเสมอมาและเสมอไป ส่วนความเรื่องมากจะมาจากการที่ไม่เชื่อคำพูดของใครได้โดยง่าย แต่จะเลือกพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง จะทำการบ้านและวิเคราะห์ทุกอย่างด้วยตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาด  ที่นักลงทุนส่วนใหญ่เจอและกลายเป็นหายนะต่อความมั่งคั่ง

อ่านเพื่อความสนุกและกำไร

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะอ่านอย่างหื่นกระหาย อ่านเพื่อที่จะตามกระแสของโลก และตามตลาดหุ้นให้ทัน ชาร์ลี มังเกอร์ นักลงทุนระดับตำนานผู้ที่เป็นเพื่อนคู่คิดของ วอเร็น บัฟเฟตต์ มาหลายทศวรรษเคยกล่าวไว้ว่า เขาไม่เคยรู้จักคนฉลาดคนไหนเลยที่ไม่เคยอ่านหนังสือ ปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตทำให้สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้นและกว้างขึ้น ทำการบ้านให้หนัก วิเคราะห์ให้ลึก สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ใส่ใจเพียงการเข้าซื้อหุ้นที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาพบเท่านั้น

กระจายความเสี่ยงออกไป

สิ่งหนึ่งที่ควรจะระลึกอยู่ในใจเสมอเวลาสร้างพอร์ตจากหุ้นเด้งราคาต่ำคือ การกระจายความเสี่ยง แม้คำว่ากระจายความเสี่ยงจะถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ แต่ก็จำเป็นจะต้องให้พอร์ตมีหุ้นหลากหลายประเภท เมื่อเจอหุ้นที่น่าสนใจหลาย ๆ ตัวในอุตสาหกรรมเดียว ต้องเลือกหุ้นที่ดีที่สุดมาเพียง 1 ตัวหรือ 2 ตัวเพื่อลงทุนเท่านั้น จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการประสบความสำเร็จในภาพรวมมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ลองมองหาหุ้นที่ตอบสนองต่อเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ของตลาดหุ้นที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ราคาน้ำมัน หุ้นน้ำมันจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่หุ้นสายการบินกลับเสียประโยชน์จากราคาน้ำมันที่แพง หากเลือกลงทุนในหุ้นทั้ง 2 ตัว การเลือกดังกล่าวก็จะช่วยกันกระจายความเสี่ยง และลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่จำเพาะเจาะจงบางอย่างได้ การรักษาสมดุลจะช่วยแก้ปัญหาได้

สร้างพอร์ตเพื่อสร้างฝันของคุณ

การลงทุนในหุ้นเด้งราคาต่ำ สามารถช่วยเพิ่มความมั่งคั่งได้รวดเร็วกว่า ความพยายามลงทุนในรูปแบบอื่นทั้งหมด หากมีความเต็มใจจะลงมือทำการลงทุนในหุ้นหลักเดียว จะช่วยเพิ่มพูนความมั่งคั่งขึ้นไปอีกหลายหลักนับจากนี้เป็นต้นไป การลงทุนในหุ้นเด้งราคาต่ำคือ วิธีการอย่างง่ายในการสร้างผลตอบแทนมากมายที่ค้นพบ และสามารถหากำไรจากหุ้นราคาต่ำนี้จนประสบความสำเร็จในด้านการเงินอย่างที่ต้องการ.