ในทุกวันนี้ ทุกคนคงหนีไม่พ้นกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ แล้วถ้าผู้ผลิตสามารถผลักดันให้สินค้าหรือบริการของตนเองนั้น ไปให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินให้ตนทุกเดือน หรือทุกปี เท่ากับมีรายรับเข้ากระเป๋าเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่นนั้นธุรกิจแบบนี้คงน่าสนใจไม่น้อย และบทความนี้จะมาเล่าถึงธุรกิจประเภทนี้กัน “Subscription Model หรือ รูปแบบการสมัครสมาชิก”
Subscription Model คืออะไร?
Subscription Model แปลตรงตัวก็คือรูปแบบการสมัครสมาชิก เป็นรูปแบบธุรกิจที่ลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมแบบต่อเนื่อง รายสัปดาห์, รายเดือน, หรือรายปี (ตามระยะเวลาหนึ่ง) เพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการ แทนที่จะซื้อเพียงครั้งเดียว (แม้ว่าจะใช้หรือไม่ใช้งานก็ตามแต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนั้นตามที่ตกลงไว้)
จริงๆแล้วรูปแบบนี้ไม่ได้เป็นรูปแบบใหม่แต่อย่างใด แต่ถูกคิดค้นขึ้นโดยกลุ่มสำนักพิมพ์ต่างๆ ตั้งแต่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 (อ้างอิงจากThe Beginnings of Subscription Publication in the Seventeenth Century) การสมัครสมาชิกนั้นมีมาอย่างยาวนานดังเช่น สมาชิกหนังสือพิมพ์, สมาชิกฟิตเนส สปอร์ตคลับ, สมาชิกร้านเช่าหนังสือ CD DVD เป็นต้น
แต่ในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เช่นไม่ต้องการซื้อมาสะสมเป็นทรัพย์สินของตัวเองที่บ้าน หรือไม่อยากดูแลซ่อมบำรุงเอง รวมถึงการที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น จึงมีการนำมาประยุกต์ให้เข้ากับModelนี้
ตัวอย่างธุรกิจ Subscription Model
ตัวอย่างธุรกิจรูปแบบ Subscription Model ในปัจจุบันเช่นกลุ่ม Streaming: Netflix, Disney+, Viu (ภาพยนต์,ซีรีส์), Spotify(เพลง) ที่เมื่อเราสมัครแล้วไม่ว่าเราจะใช้งานหรือไม่ใช้งานก็ต้องจ่ายค่าบริการตามที่ตกลงไว้
หรือกลุ่มสินค้าพร้อมบริการบำรุงรักษา เช่น เครื่องกรองน้ำ Coway แทนที่เดิมอาจต้องซื้อน้ำดื่ม ต้องยก(แบก)เป็นแพ็ค หรือจ้างมาส่งก็ตาม ก็เปลี่ยนเป็นเช่าเครื่องกรอง Coway ให้บริษัทดูแลทั้งเครื่องทั้งไส้กรองทุกอย่างแทนและจ่ายค่าบริการรายเดือน โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อเป็นเจ้าของเครื่องกรองน้ำ
อีกตัวอย่างคือกลุ่มโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น Adobe ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบ Subscription หรือ Cloud Storage (บริการเก็บข้อมูลบน Cloud ผ่านทางออนไลน์) เช่น Google drive, OneDrive ซึ่งถ้าใช้บริการฟรีก็จะสามารถเก็บข้อมูลได้เพียงจำนวนน้อยหรือถูกจำกัด แต่ถ้าเสียค่าบริการก็สามารถเลือกได้ว่าต้องการเก็บข้อมูลมากน้อยเท่าไร เป็นต้น
ประโยชน์ของ Subscription Model
ในมุมมองฝั่งธุรกิจ/ผู้ผลิต:
- ธุรกิจสามารถคาดการณ์รายได้ที่แน่นอน
เนื่องจากลูกค้าจะมีการชำระเงินอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นธุรกิจจึงสามารถคาดคะเนรายได้ในอนาคตได้
- รักษาฐานลูกค้าไว้ได้
หากธุรกิจสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดี ที่อาจต่อเนื่องไปยังการสมัครแพคเกจที่สูงขึ้น จนกลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ ก็จะยิ่งทำให้รักษาลูกค้าเก่าได้อย่างยาวนาน อีกทั้งหากธุรกิจทำให้Platformการชำระเงินมีรูปแบบสะดวกสบาย อัตโนมัติ ลูกค้าจะไม่ค่อยยกเลิกเพราะมันจะถูกแฝงเข้าไปกับค่าใช้จ่ายประจำเดือนที่จำเป็นของเขาไปแล้ว
- เพิ่มโอกาสขยายรายได้จากบริการเสริม
ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการเสริมเพื่อเพิ่มมูลค่าต่อสมาชิกได้
- ช่วยขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่
เช่น การเสนอแพ็กเกจราคาประหยัดสำหรับผู้เริ่มต้น หรือแพ็กเกจทดลองใช้งาน
- ธุรกิจได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและการใช้งานในด้านต่างๆ ของสมาชิก
เพื่อธุรกิจจะสามารถทำการตลาดหรือเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการต่อสมาชิกได้มากขึ้น
- ลดต้นทุน
เนื่องจากธุรกิจไม่ต้องใช้คนกลางหรือผู้จัดจำหน่าย เจ้าของธุรกิจจึงสามารถลดต้นทุนการได้มาของลูกค้าได้
ในมุมมองฝั่งลูกค้า/ผู้บริโภค:
- ลดโลกร้อน ไม่ต้องเก็บทรัพย์สิน
เดิมอาจต้องซื้อสินค้านั้นๆมาใช้งานที่บ้าน ก็ต้องมีที่เก็บที่วาง เมื่อพังก็ต้องซ่อม เมื่อเสื่อมสภาพก็ต้องหาที่ทิ้ง ทำลาย ปัจจุบันเป็นโลกออนไลน์เข้ามาช่วยก็ไม่ต้องเก็บให้รกบ้านอีกต่อไป รวมถึงผู้ผลิตไม่ต้องผลิตเป็นของที่จับต้องได้(Physical) ก็ช่วยลดโลกร้อนไปได้อีกทาง
- ความสะดวกสบาย
สมัยก่อนต้องการดูภาพยนต์, ซีรีส์ ก็ต้องใช้เวลาเดินทางออกไปหาซื้อ แต่ปัจจุบันอยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็สามารถดูได้สะดวกสบายขึ้นมาก
- ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ดี
เมื่อธุรกิจรู้ข้อมูลความต้องการลูกค้าในเชิงลึก(insight)จากรูปแบบสมาชิกของลูกค้า ลูกค้าก็มีโอกาสได้รับการบริการที่เหมาะสมตรงตามความต้องการมากขึ้น
สรุป
แม้ว่า Subscription Model จะดูเหมือนให้ประโยชน์มาก แต่ธุรกิจก็ต้องหมั่นศึกษาความต้องการของตลาด ตั้งราคาสมาชิกที่เหมาะสม สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า และพัฒนาเทคโนโลยีและระบบชำระเงินให้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเป็นสมาชิกไปนานๆ
ส่วนผู้บริโภคก็อาจต้องใช้วิจารณญาณในการสมัครสมาชิกอย่างเหมาะสม บางอย่างไม่ได้ใช้งาน หรือไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องสมัครตามคำบอกเล่าหรือคำโฆษณาของใคร
อย่าลืมว่า “ชีวิตที่เรียบง่าย ก็สามารถสร้างความสุขได้ ถ้าใจเราพอ”