ใครจะคิดว่าร้านขายยาเล็กๆ ร้านหนึ่งในย่านโคกาเนะ เมืองมัตสึโด จังหวัดชิบะ ที่เปิดเมื่อปี 1932 โดยหนุ่มวัยเพียง 23 ปี ชื่อ มัตสึโมโต้ คิโยชิ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจค้าปลีกระดับยักษ์ใหญ่ที่ขยายไปทั่วญี่ปุ่นและหลายประเทศในเอเชีย ร้าน “มัตสึโมโต้ ฟาร์มาซี” ในตอนนั้นเป็นเพียงร้านขายยาที่มีปรัชญาธุรกิจที่แตกต่างจากร้านยาทั่วไป มัตสึโมโต้มุ่งเน้นแนวคิดเรื่อง “ความจริงใจและความเห็นอกเห็นใจ” ต่อลูกค้า ซึ่งนำมาสู่สโลแกนสองประการ คือ “คำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก” และ “สินค้าคุณภาพดีในราคาที่ดีกว่า

Source: https://www.matsumotokiyoshi.co.th/en/about-us

สิ่งที่ทำให้ร้านมัตสึโมโต้ ฟาร์มาซีแตกต่างจากร้านขายยาอื่นๆในยุคนั้น คือการเลือกทำเลที่ตั้งอย่างชาญฉลาดตามแนวเส้นทางรถไฟโจบัน ในเมืองที่ยังไม่มีร้านขายยา และการตกแต่งหน้าร้านให้ดูน่าสนใจด้วยการวางกล่องเปล่าของสินค้าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่าย นอกจากนี้ หากลูกค้าต้องการสินค้าที่ร้านไม่มี มัตสึโมโต้จะไปซื้อจากร้านอื่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ร้านมีชื่อเสียงในด้านความเป็นมิตรและความขยันขันแข็ง

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

จุดเปลี่ยนสำคัญของมัตสึโมโตะ คิโยชิเกิดขึ้นในปี 1987 เมื่อบริษัทได้เปิด “อุเอโนะ อาเมโยโกะ สโตร์” ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการร้านขายยาในญี่ปุ่น ในอดีตผู้คนมักไม่เข้าร้านขายยาหากไม่เจ็บป่วยหรือมีเหตุจำเป็น แต่มัตสึโมโตะ คิโยชิได้นำแนวคิดจากดรักสโตร์ในอเมริกามาปรับใช้ โดยเปลี่ยนภาพลักษณ์จากร้านขายยาที่มืดและน่ากลัวให้กลายเป็นร้านที่มีการตกแต่งสว่างสดใส มีหน้าร้านที่เชิญชวน มีสินค้าใหม่และหลากหลาย รวมถึงมีบริการทดลองเครื่องสำอาง ทำให้การช็อปปิ้งกลายเป็นความสนุกสนาน

Source: https://www.matsukiyococokara.com/en/company/history/

กลยุทธ์นี้ทำให้มัตสึโมโตะ คิโยชิกลายเป็นผู้บุกเบิกดรักสโตร์แบบใหม่ที่เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย ซึ่ง “มุ่งหวังให้ลูกค้ามีความสุขและมีสุขภาพและความงามที่ดีขึ้น” ความสำเร็จของรูปแบบธุรกิจนี้ทำให้บริษัทขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนในปี 1995 มัตสึโมโตะ คิโยชิมียอดขายสูงสุดในตลาดดรักสโตร์ญี่ปุ่น ด้วยยอดขาย 101,778 ล้านเยน และมีร้านค้า 216 สาขา

สู่ระดับนานาชาติ

ด้วยตลาดญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันสูงและประชากรที่ลดลง มัตสึโมโตะ คิโยชิจึงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียที่มีความต้องการสินค้าด้านสุขภาพและความงามจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

Source: https://www.matsukiyococokara.com/en/company/history/

การขยายตัวสู่ต่างประเทศครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อบริษัทเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากนั้นในปี 2018 บริษัทได้ขยายสู่ไต้หวัน โดยเปิดสาขาแรกที่ถนนจงเสี้ยว ตุนฮวา ในไทเป และในปี 2020 ได้เปิดสาขาแรกในเวียดนามที่วินคอม เซ็นเตอร์ ดองกอย ในโฮจิมินห์ซิตี้

ปัจจุบัน มัตสึโมโตะ คิโยชิขยายธุรกิจไปแล้ว 6 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ ไทย ไต้หวัน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง นับเป็นความสำเร็จของแบรนด์ญี่ปุ่นที่สามารถขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค

กลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จ

1. การปรับตัวตามความต้องการของลูกค้า

บริษัทมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจตามความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ในปี 1994 ได้เปิดดรักสโตร์แบบชานเมืองแห่งแรกในคากะ เมืองคาชิวะ โดยเป็นร้านขนาดใหญ่ริมถนนที่มีลานจอดรถ เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่ย้ายจากเมืองใหญ่ไปอยู่ชานเมือง ร้านประเภทนี้นอกจากจะมียาและเครื่องสำอางแล้ว ยังมีสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เช่น สินค้าในครัวเรือนและสินค้าสำหรับเด็ก

2. การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

นอกจากการขยายสาขาแล้ว มัตสึโมโตะ คิโยชิยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ โดยในปี 1996 เริ่มโฆษณาทางโทรทัศน์ และในปี 2015 ได้เปิดตัวแบรนด์ “matsukiyo” ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเองที่ได้รับรางวัล “Best of the Best” จาก Japan Branding Awards 2018

3. การนำเทคโนโลยีมาใช้

บริษัทนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น ในปี 2002 เริ่มใช้ระบบสะสมแต้ม ในปี 2014 เปิดตัวแอปพลิเคชันทางการของมัตสึโมโตะ คิโยชิ และในปี 2015 เริ่มให้บริการจำหน่ายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยเปิดร้านค้าใน Tmall Global ของอาลีบาบา

การควบรวมธุรกิจและการเติบโตในอนาคต

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งสำหรับมัตสึโมโตะ คิโยชิคือการควบรวมกิจการกับ Cocokara Fine, Inc. ในปี 2015 ก่อให้เกิดบริษัท MatsukiyoCocokara & Co. ซึ่งเป็นการรวมพลังของสองแบรนด์ใหญ่ในวงการค้าปลีกญี่ปุ่น

ก่อนการควบรวม มัตสึโมโตะ คิโยชิมีสาขากว่า 1,000 แห่ง และสร้างรายได้ประมาณ 218 พันล้านเยน ในปี 2015 ส่วน Cocokara Fine ซึ่งก่อตั้งในปี 2009 มีสาขามากกว่า 300 แห่ง การควบรวมกิจการจึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรโดยรวม

หลังการควบรวม MatsukiyoCocokara & Co. ได้มุ่งเน้นการขยายธุรกิจและเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า โดยนำเสนอแนวคิดร้านค้าใหม่ที่ผสมผสานทั้งสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกับผลิตภัณฑ์ด้านความงามที่หลากหลายขึ้น ในปี 2021 บริษัทมีสาขามากกว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจในตำแหน่งผู้นำในภาคธุรกิจนี้

ในด้านผลประกอบการทางการเงิน รายได้ของบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2022 MatsukiyoCocokara & Co. รายงานรายได้ที่ 556 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ

ความท้าทายและโอกาสในอนาคต

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แต่ MatsukiyoCocokara & Co. ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคด้านความยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ปรับโดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและอุปกรณ์สุขอนามัย ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของสินค้าดูแลส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 30% ในช่วงปี 2020-2021

ในปี 2023 บริษัทให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน เช่น การลดบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทันสมัยและตอบสนองต่อความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารยังมองโอกาสในการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะการขยายธุรกิจในภูมิภาคที่ยังไม่ได้รับการบริการและการสำรวจตลาดต่างประเทศ กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่กว้างขึ้นในภาคค้าปลีก ที่ความสามารถในการปรับตัวและกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จ

สรุป

จากร้านขายยาเล็กๆ ในเมืองมัตสึโด ที่ก่อตั้งโดยหนุ่มวัย 23 ปี สู่เครือข่ายดรักสโตร์ที่มีสาขาทั่วญี่ปุ่นและหกประเทศในเอเชีย ความสำเร็จของมัตสึโมโตะ คิโยชิเป็นบทเรียนที่สำคัญของการมีปรัชญาธุรกิจที่ถูกต้อง การเน้นความพึงพอใจของลูกค้า และความสามารถในการปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของตลาด