Duration เป็นสิ่งที่ใช้วัดความอ่อนไหวของราคาหุ้นกู้ต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทน ซึ่งโดยทั่วไป Duration วัดได้จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นกู้เมื่ออัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงไป 1% อย่างไรก็ตาม Duration มีข้อจำกัดคือใช้ได้ดีเฉพาะกรณีที่มีความสัมพันธ์แบบขนานกับ Yield Curve เท่านั้น เพื่อเป็นการแก้ข้อจำกัดนี้จึงมีการพัฒนา Key Rate Duration ขึ้นมา
Key Rate Duration
Key Rate Duration วัดความอ่อนไหวของราคาหุ้นกู้หรือพอร์ตโฟลิโอต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ณ ช่วงอายุใดอายุหนึ่งบนเส้นอัตราผลตอบแทน โดยกำหนดให้อัตราดอกเบี้ย ณ ช่วงอายุอื่นๆ คงที่
Source: https://analystprep.com/cfa-level-1-exam/fixed-income/key-rate-duration/
Key Rate Duration มีข้อดีในการวัดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของเส้นอัตราผลตอบแทนที่ความสัมพันธ์ไม่ขนานกัน เราสามารถใช้ Key Rate Duration ในการคำนวณผลกระทบต่อพอร์ตโฟลิโอจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ณ แต่ละช่วงอายุ แล้วนำผลกระทบเหล่านั้นมารวมกันเพื่อหาผลกระทบโดยรวมต่อพอร์ตโฟลิโอ
Portfolio Duration
Duration ของพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Duration) มีสองแนวทางหลักในการคำนวณ ได้แก่
- การคำนวณจำนวนงวดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจนได้รับกระแสเงินสดทั้งหมดของพอร์ต
- การคำนวณค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ duration ของหุ้นกู้แต่ละตัวในพอร์ต
แนวทางแรกถูกต้องตามทฤษฎีแต่ไม่ค่อยใช้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากมีข้อจำกัดในกรณีที่หุ้นกู้มี option แผงอยู่ และกระแสเงินสดในอนาคตไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
แนวทางที่สองจึงเป็นที่นิยมใช้ในทางปฏิบัติ โดยคำนวณ duration ของพอร์ตจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของ duration ของหุ้นกู้แต่ละตัว น้ำหนักที่ใช้คือสัดส่วนมูลค่าตลาดของหุ้นกู้แต่ละตัวต่อมูลค่าตลาดรวมของพอร์ต สูตรที่ใช้คือ
Duration ของพอร์ต = W₁D₁ + W₂D₂ + … + WₙDₙ
โดย Wᵢ คือสัดส่วนมูลค่าตลาดของหุ้นกู้ตัวที่ i ต่อมูลค่าตลาดรวมของพอร์ต Dᵢ คือ duration ของหุ้นกู้ตัวที่ i n คือจำนวนหุ้นกู้ในพอร์ต
อย่างไรก็ตามแนวทางนี้มีข้อจำกัดคือใช้ได้ดีเฉพาะกรณีที่เส้นอัตราผลตอบแทนที่ทีความสัมพันธ์แบบขนานกันเท่านั้น
Money Duration
Money duration เป็นการวัดความอ่อนไหวของราคาหุ้นกู้ในรูปของสกุลเงิน คำนวณได้จาก
Money duration = duration รายปี × ราคาตลาดของหุ้นกู้
Money duration มักแสดงในรูปของ money duration ต่อ par value 100 หน่วยเงิน
การคูณ Money duration ของหุ้นกู้ด้วยการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทน (เป็นทศนิยม) จะให้การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าหุ้นกู้สำหรับการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนนั้น
Price Value of a Basis Point
PVBP (Price Value of a Basis Point) คือการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นกู้เมื่ออัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงไป 1 basis point หรือ 0.01% เราสามารถคำนวณ PVBP ได้จากค่าเฉลี่ยของการลดลงของมูลค่าหุ้นกู้เมื่ออัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1 basis point และการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นกู้เมื่ออัตราผลตอบแทนลดลง 1 basis point
สรุป
การวัดความอ่อนไหวของหุ้นกู้ต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับลักษณะของหุ้นกู้และวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ ความเข้าใจในแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอในหุ้นกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น