จากในพาร์ทที่แล้วที่เราอธิบายเกี่ยวกับการปรับลดมูลค่าของ Inventory (Written-down) จากการประเมินมูลค่าสินค้าใหม่ในแต่ละงวด ซึ่งการปรับมูลค่านี้ก็จะส่งผลถึงอัตราส่วนทางการเงินต่างๆด้วยเช่นกัน เนื่องจากการที่มีมูลค่า Inventory ลดลง ทำให้มูลค่าสินทรัพย์หมุนเวียน (Current assets) และสินทรัพย์รวม (Total assets) ลดลงตามมา อัตราส่วนทางการเงินที่กระทบมีดังนี้

  • Current ratio มีค่าลดลง แต่ไม่กระทบ Quick ratio เนื่องจากไม่รวม Inventory ในการคำนวณ
  • Inventory turnover ratio มีค่าสูงขึ้น และลด Days of inventory on hands และ Cash conversion cycle
  • Total asset turnover และ Debt-to-assets ratio มีค่าสูงขึ้น
  • Shareholder’s equity ต่ำลง ส่งผลให้ Debt-to-equity สูงขึ้น
  • COGS เพิ่มเติมจากการลดมูลค่าสินค้า ทำให้ Profit margins ต่างๆต่ำลง
  • กำไรสุทธิลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าการลดลงของ Assets และ Shareholder’s equity จึงทำให้ค่า ROE และ ROA ต่ำลง

อย่างไรก็ตาม งบการเงินงวดหลังจากที่มีการ Write-down ไปเรียบร้อยแล้วจะมี COGS ที่ต่ำลง มีกำไรสูงขึ้น แต่ Assets และ Shareholder’s equity ยังคงต่ำอยู่เหมือนเดิม ส่งผลให้ค่า ROE และ ROA สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

บริษัทสามารถเปลี่ยนวิธีการบันทึก COGS และ Inventory ไปใช้วิธีอื่นได้ โดยจำเป็นที่จะต้องทำงบการเงินย้อนหลังให้กลายเป็นวิธีใหม่ด้วย (Retrospective application) ยกเว้นหากเปลี่ยนจากวิธี LIFO ไปเป็นวิธีอื่น ไม่จำเป็นต้องทำงบการเงินย้อนหลัง แต่สามารนำมูลค่า Inventory เดิมมาใช้ในการคำนวณวิธีใหม่ได้เลย (Prospective application)

ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน (Footnotes) จะมีการระบุรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับ Inventory เช่น วิธีที่ใช้ในการคำนวณ, มูลค่าของ Inventory แต่ละชนิด ซึ่งหากเป็นธุรกิจซื้อมาขายไปอาจรวม Inventory เอาไว้บรรทัดเดียว แต่หากเป็นธุรกิจการผลิตจะมีการแยกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ วัตถุดิบ (Raw materials), สินค้าในขั้นตอนการผลิต (Work-in-process), และสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว (Finished goods), รวมถึงมีการระบุมูลค่า Inventory ที่ถูก Write-down ไปในงวดนี้อีกด้วย 

นักลงทุนสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีการซื้อวัตถุดิบเข้ามามากกว่าปกติ แปลว่าอาจมีอุปสงค์ (Demand) ที่สูงขึ้น หรือหากบริษัทมีสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วปริมาณมากกว่าปกติ อาจตีความได้ว่าสินค้าอาจะมีอุปสงค์ที่ลดลง และอาจเกิดการ Write-down สินค้าได้ในอนาคตนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง