สินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible assets) คือสินทรัพย์ระยะยาวที่เราไม่สามารถมองเห็นไปชิ้นเป็นอันได้ เช่น แบรนด์สินค้า, สิทธิบัตร, และแฟรนไชส์ เป็นต้น ซึ่งสินทรัพย์ประเภทนี้มีทั้งที่มีอายุจำกัด และที่มีอายุไม่สิ้นสุด
Source: https://www.wallstreetmojo.com/intangible-assets-list/
Intangible assets ที่มีอายุจำกัดจะมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆจากการตัดจำหน่าย (Amortization) ส่วนที่มีอายุไม่จำกัดจะไม่ถูกตัดจำหน่าย แต่จะต้องมีการตรวจสอบการด้อยค่า (Impairment) อย่างน้อยปีละครั้ง ซึ่งก็สามารถมีมูลค่าลดลงได้เช่นกันหากมีการด้อยค่าลง
Intangible assets แบ่งได้เป็น 2 แบบคือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่สามารถระบุได้ (Identifiable intangible assets) ซึ่งมีสมบัติดังนี้
- สามารถแยกตัวสินทรัพย์กับบริษัทออกจากกันได้
- ถูกควบคุมโดยบริษัท
- คาดว่าจะให้ประโยชน์กับบริษัทได้ในอนาคต
ส่วน Intangible assets อีกประเภทหนึ่งคือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ไม่สามารถระบุได้ (Unidentifiable intangible assets) ซึ่งจะไม่สามารถแยกออกจากตัวบริษัทได้ และอาจมีอายุไม่จำกัด ตัวอย่างที่คุ้นเคยกันมากที่สุด ได้แก่ ค่าความนิยม (Goodwill) ซึ่งเป็นมูลค่าส่วนเกินจากการซื้อกิจการอื่นเข้ามา
Intangible assets สามารถมาได้จากหลายที่มา และจะมีวิธีการบันทึกที่แตกต่างกัน และไม่ได้มีเพียงแค่การบันทึกลง Balance sheet เพียงอย่างเดียว แบ่งเป็น 3 ที่มาได้ดังนี้
- Intangible assets ที่สร้างขึ้นภายในบริษัท โดยปกติแล้วต้นทุนที่ใช้ในการสร้าง Intangible assets จะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับต้นทุนในการวิจัยและพัฒนา (Research and development costs) โดยที่ต้นทุนในการวิจัยจะไม่สามารถนำมาแปลงเป็นทุน (Capitalization) ได้ เนื่องจากเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นในการสร้างทรัพย์สินขึ้นมา และจะต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนต้นทุนในการพัฒนา อาจนำมา Capitalize ได้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมที่การพัฒนานั้นๆจะสามารถออกมาเป็นสินค้าใหม่ได้สำเร็จหรือไม่ หากใช้ ก็สามารถ Capitalize ต้นทุนในการพัฒนาได้
- Intangible assets ที่ซื้อเข้ามา จะเหมือนกับการซื้อสินค้าที่มีตัวตน ก็คือบันทึกลงใน Balance sheet ตามต้นทุนที่ซื้อมา (ราคาตลาด ณ เวลาที่ซื้อ) ถ้าหากว่า Intangible assets ที่ซื้อมาเป็นการมัดรวมสินทรัพย์หลายๆอย่างเข้าด้วยกัน ราคารวมที่ซื้อเข้ามาก็จะถูกแบ่งไปในแต่ละสินทรัพย์ตามราคาตลาดของแต่ละชิ้นนั่นเอง
ตามปกติแล้ว นักวิเคราะห์และนักลงทุนจะไม่ได้สนใจการแบ่งมูลค่าที่บันทึกลง Balance sheet มากนัก แต่จะให้ความสำคัญกับชนิดของสินทรัพย์ที่ซื้อเข้ามามากกว่า ตัวอย่างเช่น การซื้อสิทธิแฟรนไชส์เข้ามาจะทำให้บริษัทสามารถทำกำไรในอนาคตได้มากขึ้นหรือไม่
- Intangible assets ที่ได้มาจากการควบรวมกิจการ เงินที่ใช้สำหรับซื้อกิจการเข้ามา (Purchase price) จะถูกหักลบโดยสินทรัพย์ที่สามารถระบุได้สุทธิ (Net identifiable assets) ซึ่งมาจากการนำสินทรัพย์ที่สามารถระบุได้ ลบด้วยหนี้สินที่สามารถระบุได้ ผลลัพธ์ก็จะได้ออกมาเป็นค่าความนิยม มีสูตรคำนวณดังนี้
Goodwill = Purchase price – (Identifiable assets-Identifiable liabilities)
มีเพียงแค่ Goodwill จากการควบรวมกิจการเท่านั้นที่สามารถนำมา Capitalize ได้ ส่วน Goodwill แบบอื่นๆจะต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย ณ งวดที่เกิดขึ้น
ในบทความถัดไป เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับผลกระทบต่องบการเงินส่วนต่างๆ ในการ Capitalize ค่าใช้จ่าย หรือการเลือกที่จะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายไปตรงๆ ซึ่งผลสุดท้ายแล้วกำไรสุทธิรวมทุกปี (Total net profit) จะออกมาเท่ากันทั้ง 2 วิธี แต่จะมีความแตกต่างกันในแต่ละงวด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 1) Cost Capitalization
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 2) Intangible Assets
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 3) ผลของ Capitalization
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 4) Depreciation
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 5) Impairment of Assets with Definite Life
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 6) Impairment Analysis
- หลักการวิเคราะห์งบการเงิน: Long-Lived Assets (Part 7) Investment Property