บทนำ

ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมทั้งการกระทำขององค์กรระดับรัฐ (state actors) ได้แก่รัฐบาลของประเทศต่างๆ และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) เช่น บริษัทข้ามชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน และรายบุคคล นอกจากนี้ภูมิรัฐศาสตร์ยังศึกษาถึงอิทธิพลของภูมิศาสตร์ที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและพลเมือง ตัวอย่างเช่น ประเทศที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลมักมีบทบาทสำคัญในการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ

ความร่วมมือและการแข่งขันในภูมิรัฐศาสตร์

มิติของความร่วมมือระหว่างประเทศ

ความร่วมมือระหว่างประเทศสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายด้าน ได้แก่:

  1. ด้านการทูตและการทหาร
  2. ด้านเศรษฐกิจ เช่น

   – การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และเงินทุนข้ามพรมแดน

   – การทำข้อตกลงปรับประสานอัตราภาษีศุลกากร

   – การกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ

  1. ด้านวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยี

ระดับความร่วมมือของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น:

– ผลประโยชน์แห่งชาติ

– สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ

– ผู้กำหนดนโยบายในขณะนั้น

– วงจรทางการเมือง

โลกาภิวัตน์และชาตินิยม

โลกาภิวัตน์ (Globalization) เป็นแนวโน้มระยะยาวของการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก จากข้อมูลของ World Bank พบว่า การค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจากประมาณ 25% ของผลผลิตรวมในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เป็นประมาณ 60% ก่อนวิกฤตการเงินปี 2008 และยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกันจนถึงปัจจุบัน

ในทางตรงกันข้าม ชาตินิยม (Nationalism) ในบริบทนี้หมายถึงการที่ประเทศดำเนินนโยบายเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก โดยอาจแข่งขันหรือขัดแย้งกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศอื่น

รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างมิติด้านความร่วมมือและโลกาภิวัตน์ สามารถจำแนกรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ 4 ประเภท ดังนี้:

  1. การพึ่งพาตนเอง (Autarky): เป็นรูปแบบที่ประเทศไม่ร่วมมือกับต่างชาติและต่อต้านโลกาภิวัตน์ มุ่งผลิตสินค้าและบริการเพื่อใช้ภายในประเทศ มักพบในสังคมที่รัฐควบคุมอุตสาหกรรมและสื่อมวลชน
  2. การครองอำนาจ (Hegemony): ประเทศเปิดรับโลกาภิวัตน์แต่ไม่ร่วมมือกับประเทศอื่น ใช้ขนาดและศักยภาพของประเทศในการมีอิทธิพลเหนือประเทศอื่น
  3. ทวิภาคีนิยม (Bilateralism): ประเทศร่วมมือกับประเทศอื่นแบบทวิภาคี แต่ไม่เน้นการเข้าร่วมข้อตกลงพหุภาคี
  4. พหุภาคีนิยม (Multilateralism): ประเทศเปิดกว้างทั้งด้านความร่วมมือและโลกาภิวัตน์ มีส่วนร่วมในการค้าระหว่างประเทศและความร่วมมือหลายรูปแบบกับนานาประเทศ บางประเทศอาจแสดงออกในรูปแบบภูมิภาคนิยม (Regionalism) คือร่วมมือกับประเทศใกล้เคียงมากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

เครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบ

เครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รัฐใช้ในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก:

1. เครื่องมือด้านความมั่นคงแห่งชาติ

– การสู้รบด้วยอาวุธ

– การสอดแนม

– ข้อตกลงทวิภาคีหรือพหุภาคีเพื่อป้องกันความขัดแย้ง

โดยเครื่องมือเหล่านี้อาจอยู่ในสถานะ “ใช้งานอยู่” หรือ “คุกคาม”

2. เครื่องมือทางเศรษฐกิจ

เครื่องมือเชิงความร่วมมือ:

– เขตการค้าเสรี

– ตลาดร่วม

– สหภาพเศรษฐกิจและการเงิน

เครื่องมือที่ไม่เน้นความร่วมมือ:

– ข้อกำหนดด้านสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ

– การจำกัดการส่งออก

– การโอนกิจการเป็นของรัฐ

3. เครื่องมือทางการเงิน

– การลงทุนระหว่างประเทศ

– การแลกเปลี่ยนเงินตรา

– การคว่ำบาตรทางการเงิน

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบต่อการลงทุน

ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หมายถึง โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แบ่งเป็น 3 ประเภท:

  1. ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ (Event Risk): เหตุการณ์ที่ทราบเวลาแต่ไม่ทราบผลลัพธ์ เช่น การเลือกตั้ง
  2. ความเสี่ยงจากภายนอก (Exogenous Risk): เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น สงคราม การก่อการร้าย
  3. ความเสี่ยงเชิงประเด็น (Thematic Risk): ปัจจัยที่ส่งผลกระทบระยะยาว เช่น การย้ายถิ่นฐาน ความเสี่ยงทางไซเบอร์

ความเสี่ยงเหล่านี้ส่งผลต่อมูลค่าการลงทุนผ่านการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ การวิเคราะห์ผลกระทบต้องพิจารณา:

– โอกาสที่จะเกิด (Likelihood)

– ขนาดของผลกระทบ (Impact)

– ความเร็วของผลกระทบ (Velocity)

ความเร็วของผลกระทบ (Velocity) แบ่งเป็น:

  1. ความเร็วสูง (High Velocity): ผลกระทบระยะสั้น
  2. ความเร็วปานกลาง (Medium Velocity): กระทบเฉพาะบางบริษัทหรืออุตสาหกรรม
  3. ความเร็วต่ำ (Low Velocity): ผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

สรุป

นักลงทุนสามารถใช้การวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และใช้ตัวชี้วัดต่างๆ เช่น ดัชนีความผันผวนในตลาดการเงิน เป็นสัญญาณเตือนถึงโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยง ทั้งนี้ ผลกระทบของความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์มักรุนแรงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเมื่อเทียบกับช่วงขยายตัว