สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญในการบริหารความเสี่ยงและการเก็งกำไร โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Forward Contracts และ Futures Contracts

Forwards

Forward Contracts เป็นข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่ง (ผู้ซื้อ) ตกลงที่จะซื้อสินทรัพย์ทางกายภาพหรือทางการเงิน และอีกฝ่ายหนึ่ง (ผู้ขาย) ตกลงที่จะขายสินทรัพย์นั้น ณ ราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในวันที่กำหนดในอนาคต ผู้ซื้อมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์อ้างอิง โดยจะได้กำไรหากราคา ณ วันส่งมอบสูงกว่าราคาที่ตกลงไว้ และขาดทุนหากราคาต่ำกว่า ในขณะที่ผู้ขายมีความเสี่ยงในทิศทางตรงกันข้าม

Futures

Futures Contracts มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Forward Contracts แต่มีความแตกต่างที่สำคัญคือเป็นสัญญามาตรฐานที่ซื้อขายในตลาดที่มีการกำกับดูแล มีสภาพคล่องสูง และมีความโปร่งใสมากกว่า นอกจากนี้ Futures Contracts ยังมีสำนักหักบัญชี (Clearinghouse) ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากลาง และมีการชำระราคาส่วนต่างรายวัน (Daily Cash Settlement) เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญา

ในการซื้อขาย Futures Contracts ผู้ซื้อและผู้ขายต้องวางหลักประกัน (Margin) ซึ่งเป็นเงินสดหรือหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

  1. Initial Margin: หลักประกันเริ่มต้นที่ต้องวางก่อนเข้าทำการซื้อขาย มีมูลค่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าสัญญา โดยคำนวณจากความผันผวนสูงสุดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในหนึ่งวันทำการ
  2. Maintenance Margin: หลักประกันขั้นต่ำที่ต้องคงเอาไว้ในบัญชี หากมูลค่าหลักประกันลดลงต่ำกว่าระดับนี้ ผู้ลงทุนจะต้องนำเงินมาเพิ่มจนถึงระดับ Initial Margin มิฉะนั้นตลาดจะปิดสถานะสัญญาทันที

ทุกสิ้นวันทำการ จะมีการคำนวณกำไรขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคา Futures Contracts (Mark-to-Market) และปรับปรุงมูลค่าหลักประกันในบัญชีของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยฝ่ายที่มีกำไรจะได้รับเงินเพิ่มเข้าบัญชี ในขณะที่ฝ่ายที่ขาดทุนจะถูกหักเงินออกจากบัญชี

ตัวอย่างเช่น Futures Contracts ทองคำ 100 ออนซ์ ที่จะส่งมอบวันที่ 15 พฤษภาคม โดยมี Initial Margin 5,000 บาท และ Maintenance Margin 4,700 บาท

วันที่ 0: ผู้ซื้อและผู้ขายเข้าทำสัญญาที่ราคา 1,950 บาทต่อออนซ์ และวางหลักประกัน 5,000 บาท วันที่ 1: ราคาปิดลดลงเป็น 1,947.50 บาท ผู้ขายมีกำไร 250 บาท ส่วนผู้ซื้อขาดทุน 250 บาท แต่ยังไม่ต้องเพิ่มหลักประกัน วันที่ 2: ราคาปิดลดลงอีกเป็น 1,945 บาท ผู้ขายมีกำไรเพิ่ม 250 บาท ส่วนผู้ซื้อขาดทุนเพิ่ม 250 บาท ทำให้หลักประกันลดลงเหลือ 4,500 บาท ซึ่งต่ำกว่า Maintenance Margin ผู้ซื้อจึงต้องนำเงินมาเพิ่มอีก 500 บาท เพื่อให้กลับไปถึงระดับ Initial Margin

ตลาดยังมีการกำหนดเพดานการเปลี่ยนแปลงราคา (Price Limits) เพื่อจำกัดความผันผวนของราคาในแต่ละวัน หากราคาเปลี่ยนแปลงเกินกว่าที่กำหนด การซื้อขายจะถูกระงับชั่วคราว (Circuit Breakers) เพื่อให้ตลาดมีเวลาปรับตัวและลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่รุนแรง

สรุป

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าจึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยงและการเก็งกำไร ซึ่งสามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงที่เป็นขาขึ้นและขาลง แต่ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจกลไกการทำงานอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน