หลายๆคนคงเคยได้ยิน ได้เห็น หรือได้ใช้ “งบการเงิน” กันมาบ้างใช่ไหม แล้วรู้ไหมว่างบการเงินนั้นมีองค์ประกอบใดบ้าง แล้วเราสามารถใช้ประโยชน์จากงบการเงินนั้นได้อย่างไร บทความนี้จะเล่ารายละเอียดให้ฟัง
งบการเงิน หลักๆประกอบด้วย
- งบฐานะการเงิน (Statement of Financial Position)
- งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (Statement of Comprehensive Income)
- งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ (Statement of Changes in Equity)
- งบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flows)
- หมายเหตุประกอบงบการเงิน (Notes to Financial Statement)
ทั้งนี้ชื่องบและรายละเอียดการแสดงรายการต่างๆ จะแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่าง 2 กิจการนี้
- กิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Publicly Accountable Entities- PAEs) เช่น บริษัทมหาชน, กิจการที่ดูแลสินทรัพย์บุคคลในวงกว้าง เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกัน วินาศภัย เป็นต้น
- กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (Non-Publicly Accountable Entities- NPAEs)ที่ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
ความหมายและโครงสร้างของงบการเงิน
- งบดุล / งบฐานะการเงิน
“งบดุล” (Balance Sheet) ที่เราคุ้นเคยคำนี้กัน ได้เปลี่ยนชื่อเรียกเป็น “งบแสดงฐานะการเงิน” (Statement of financial Position) เมื่อปี 2554 และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “งบฐานะการเงิน” ในปี 2567 เป็นต้นไป แต่ยังคงมีโครงสร้างเหมือนเดิม (การเปลี่ยนชื่อเรียกเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ที่สภาวิชาชีพใช้ในปัจจุบัน รวมถึงตรงกับความหมายที่ใช้ในศัพท์ภาษาอังกฤษ)
งบดุล หรือ งบฐานะการเงิน ใช้แสดงฐานะการเงินของกิจการ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี (วันสิ้นงวดบัญชี) โดยจัดทำขึ้นทุกๆ รอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายเดือน รายไตรมาสหรือรายปี โดยทุกๆ กิจการมีหน้าที่ต้องจัดทำเพื่อส่งให้กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โครงสร้างของงบฐานะการเงินคือ : สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ
- งบกำไรขาดทุน / งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
“งบกำไรขาดทุน” (Income Statement หรือ Profit and Loss Statement) ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ” (Statement of Comprehensive Income) ตั้งแต่ปี 2554 โดยบริษัทมหาชนหรือกลุ่ม PAEs ให้ใช้ชื่อใหม่นี้ นอกเหนือจากนี้ไม่ต้องเปลี่ยนได้
งบกำไรขาดทุน หรือ งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ แสดงผลการดำเนินงานของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรายเดือน รายไตรมาสหรือรายปี ว่าธุรกิจสามารถสร้างกำไรหรือขาดทุน จากการดำเนินธุรกิจ
โครงสร้างของงบกำไรขาดทุน คือ กำไร(ขาดทุน)สุทธิ = รายได้ – ค่าใช้จ่าย
โครงสร้างของงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ คือ กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ = รายได้ – ค่าใช้จ่าย +/- กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น
- งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
“งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ” เปลี่ยนชื่อโดยตัดคำว่าแสดงออก เป็น “งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ” (Statement of Changes in Equity) เริ่มใช้คำนี้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป (การเปลี่ยนชื่อเรียกเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ที่สภาวิชาชีพใช้ในปัจจุบัน รวมถึงตรงกับความหมายที่ใช้ในศัพท์ภาษาอังกฤษ)
งบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ แสดงการเปลี่ยนแปลงความมั่งคั่งของเจ้าของบริษัท ว่าสิ่งที่ลงเงินไปได้งอกเงยเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากแค่ไหน และเกิดจากสาเหตุใดบ้าง เช่น เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มทุน เพิ่มขึ้นเนื่องจากกิจการมีกำไรในระหว่างงวด หรือลดลงเนื่องจากกิจการจ่ายปันผลในระหว่างงวด เป็นต้น
โครงสร้างของงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
ส่วนของเจ้าของ ต้นงวด
+/- การเพิ่มทุน / ลดทุนระหว่างงวด
+/- กำไร(ขาดทุน) สุทธิสำหรับงวด
+/- กำไร(ขาดทุน) เบ็ดเสร็จอื่นสำหรับงวด
– ปันผลจ่าย
= ส่วนของเจ้าของ ปลายงวด
- งบกระแสเงินสด
เป็นงบที่แสดงที่มาที่ไปของเงินสดว่ากิจการมีกระแสเงินสดเข้า และออกจากกิจกรรมใดบ้าง ในช่วงเวลาหนึ่ง ( + เงินสดรับ , – เงินสดออก)
งบกระแสเงินสด แบ่งเป็น 3 กิจกรรม
1.) กิจกรรมดำเนินงาน คือ กิจกรรมหลักที่ก่อให้เกิดรายได้และค่าใช้จ่ายในธุรกิจ
2.) กิจกรรมการลงทุน คือ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอย่างที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ หรือใช้เงินลงทุนในรูปแบบอื่นๆ
3.) กิจกรรมจัดหาเงิน คือ กิจกรรมที่เกี่ยวกับการจัดหาเงินของกิจการ เช่น การกู้ยืมเงิน หรือผู้ถือหุ้นลงทุนเพิ่ม
โครงสร้างของงบกระแสเงินสด คือ
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ต้นงวด
+/- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
+/- กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน
+/- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
= เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ปลายงวด
- หมายเหตุประกอบงบ
เป็นส่วนที่ใช้อธิบายรายละเอียดต่างๆ ประกอบข้อมูลตัวเลขในงบการเงินว่ายอดนั้นประกอบไปด้วยไส้ในรายการอะไรบ้าง ใช้วิธีการใดหรือนโยบายใดในการคำนวณหรือประเมินมูลค่า เป็นต้น
ประโยชน์ของงบการเงิน
- ประโยชน์ของงบฐานะการเงิน : เพื่อวิเคราะห์สภาพคล่องของกิจการ สามารถวิเคราะห์ได้ว่ากิจการนั้นจะมีความสามารถในการชำระหนี้สินตามกำหนดเวลาได้หรือไม่ จากสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน
- ประโยชน์ของงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ : เพื่อวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร และการเติบโตของกิจการ รวมทั้งวิเคราะห์ได้ว่า เป็นกำไร/ขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจหลัก หรือธุรกิจอื่น
- ประโยชน์ของงบการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ : เพื่อพิจารณาความมั่งคั่งของกิจการ ซึ่งนักลงทุนที่เน้นรับเงินปันผลก็สามารถดูนโยบายปันผลแต่ละปีมีปันผลเท่าใดเมื่อเทียบกับผลกำไรสุทธิ หรือผลกำไรสะสมของกิจการเป็นเช่นไร เป็นต้น
- ประโยชน์ของงบกระแสเงินสด : เพื่อรู้สภาพคล่องของและความสามารถในการชำระหนี้ และเพื่อประเมินความสามารถในการบริหารเงินสด หรือไว้ใช้วางแผนและควบคุมเงินสดในอนาคต เป็นต้น
- ประโยชน์ของหมายเหตุประกอบงบ : เพื่ออธิบายรายละเอียดที่มาที่ไปของข้อมูลทางการเงินทั้งหมด เพราะหน้างบมักแสดงแค่ตัวเลข แต่หมายเหตุจะอธิบายให้เราเข้าใจเพิ่มขึ้นทั้งที่มาของรายได้ หรือหนี้สินต่างๆ รวมไปถึงนโยบายทางการบัญชี การคำนวณค่าเสื่อมราคา ค่าเผื่อฯ ตั้งสำรองฯต่างๆ เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของงบการเงินได้ดีขึ้น
บทสรุป
ผู้ใช้งบการเงินไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือนักลงทุนทั่วไป ควรต้องพิจารณางบทุกประเภทเพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เพราะงบประเภทเดียวก็อาจให้ข้อมูลไม่เพียงพอ รวมถึงแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละรายละเอียดด้วยเช่นกัน