ในทางเศรษฐศาสตร์ เราแบ่งระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจออกเป็นระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น หมายถึงช่วงเวลาที่ปัจจัยการผลิตบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยทั่วไปเรามักจะกำหนดให้ทุน (เช่น โรงงานและเครื่องจักร) เป็นปัจจัยคงที่ในระยะสั้น ทำให้กิจการไม่สามารถปรับเปลี่ยนขนาดการผลิตได้ ในทางตรงกันข้าม ในระยะยาวปัจจัยการผลิตทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ กิจการสามารถยกเลิกสัญญาเช่าและขายอุปกรณ์ออกไปได้ ทำให้ต้นทุนที่เคยเป็นต้นทุนคงที่ในระยะสั้นกลายเป็นต้นทุนที่หลีกเลี่ยงได้

การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนและการตัดสินใจปิดกิจการภายใต้การแข่งขันสมบูรณ์

เพื่อให้เข้าใจง่าย เราจะยกตัวอย่างร้านค้าปลีกที่มีสัญญาเช่า 1 ปี (ต้นทุนคงที่) และพนักงาน 1 คน (ต้นทุนกึ่งคงที่) โดยมีต้นทุนผันแปรคือต้นทุนสินค้า กิจการจะอยู่ที่จุดคุ้มทุนเมื่อรายรับทั้งหมดเท่ากับต้นทุนทั้งหมด ทำให้กำไรทางเศรษฐศาสตร์เป็นศูนย์

ในระยะสั้น ตราบใดที่ราคาขายสินค้ายังสูงกว่าต้นทุนผันแปรเฉลี่ย กิจการควรดำเนินการต่อไปเพื่อลดการขาดทุนให้น้อยที่สุด แต่หากราคาขายต่ำกว่าต้นทุนผันแปรเฉลี่ย การปิดกิจการชั่วคราวจะช่วยลดการขาดทุนได้มากกว่า

สำหรับระยะยาว กิจการควรปิดตัวลงถาวรหากราคาต่ำกว่าต้นทุนรวมเฉลี่ย ไม่ว่าราคาจะสัมพันธ์กับต้นทุนผันแปรเฉลี่ยอย่างไรก็ตาม

ภายใต้การแข่งขันสมบูรณ์ ราคาจะเท่ากับรายรับส่วนเพิ่มและรายรับเฉลี่ย เราสามารถใช้กราฟต้นทุนในการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรที่ระดับราคาต่างๆ โดยที่:

  1. หากรายรับเฉลี่ย ≥ ต้นทุนรวมเฉลี่ย กิจการควรดำเนินการต่อทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
  2. หากรายรับเฉลี่ย ≥ ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย แต่ < ต้นทุนรวมเฉลี่ย กิจการควรดำเนินการต่อในระยะสั้นแต่ควรออกจากตลาดในระยะยาว
  3. หากรายรับเฉลี่ย < ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย กิจการควรปิดตัวลงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

Economies of Scale

ในระยะยาว กิจการสามารถเลือกขนาดการผลิตที่เหมาะสมที่สุดได้ เส้นต้นทุนรวมเฉลี่ยระยะยาว (LRATC) จะมีลักษณะเป็นรูปตัว U โดยแสดงต้นทุนต่ำสุดที่เป็นไปได้สำหรับแต่ละระดับการผลิต จุดต่ำสุดของเส้น LRATC คือขนาดการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เส้น LRATC ประกอบขึ้นจากเส้นต้นทุนรวมเฉลี่ยระยะสั้น (SRATC) ที่มีกำลังการผลิตต่างกัน

Source: https://ift.world/booklets/economics-topics-in-demand-and-supply-analysis-part4/

ช่วงที่เส้น LRATC มีความชันลงแสดงถึง Economies of Scale ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น:

  • การแบ่งงานกันทำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การผลิตจำนวนมาก
  • การลงทุนในเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • อำนาจต่อรองกับผู้ขายวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นตามขนาดธุรกิจ

ในทางตรงกันข้าม ช่วงที่เส้น LRATC มีความชันขึ้นแสดงถึง Diseconomies of Scale ซึ่งมักเกิดจาก:

  • ระบบที่ซับซ้อนในองค์กรขนาดใหญ่
  • ปัญหาในการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานจำนวนมาก
  • อุปสรรคต่อการสร้างนวัตกรรมและการประกอบการ

นอกจากนี้ อาจมีช่วงที่เส้น LRATC ค่อนข้างราบ แสดงถึงผลตอบแทนต่อขนาดคงที่ (Constant Returns to Scale) ซึ่งหมายความว่าต้นทุนจะคงที่ไม่ว่าจะผลิตที่ขนาดใดในช่วงนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างที่ดีของอุตสาหกรรมที่ประสบกับการเสียประโยชน์ต่อขนาด ทำให้ต้องปรับลดขนาดการผลิตลงเพื่อกลับไปสู่ขนาดที่มีประสิทธิภาพ

สรุป

การตัดสินใจดำเนินธุรกิจหรือปิดกิจการเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ การเข้าใจแนวคิดเรื่องจุดคุ้มทุน การวิเคราะห์ต้นทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงผลกระทบของขนาดธุรกิจต่อต้นทุนการผลิต จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงทั้งสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว