นักลงทุนหลายๆคนอาจเคยได้ยินว่าหากหุ้นตัวไหนที่มีค่า Beta สูง ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วนี่เป็นความเข้าใจที่ถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังมีรายละเอียดที่ลึกกว่านั้นที่นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องเข้าใจเพื่อที่จะนำค่า Beta ไปใช้อย่างถูกต้อง โดยก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจความหมายของ systematic risk และ unsystematic risk เสียก่อน
Systematic Risk และ Unsystematic Risk
Source: https://corporatefinanceinstitute.com/resources/career-map/sell-side/risk-management/systematic-risk/
Unsystematic risk คือความเสี่ยงที่อยู่เฉพาะบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดที่ทำให้ราคาหุ้นตกลง จะกระทบกับหุ้นเพียงบริษัทเดียว ตัวอย่างเช่น การที่ผู้บริหารถูกจับกุมข้อหาปั่นหุ้น เมื่อมีข่าวแบบนี้ออกมาก็จะกระทบแค่กับบริษัทที่ผู้บริหารคนนั้นทำงานอยู่เท่านั้น โดยเราสามารถลดความเสี่ยงในรูปแบบนี้ได้โดยการกระจายซื้อหุ้นหลายๆตัวในพอร์ต เพราะว่าพอร์ตเราจะได้รับผลกระทบที่น้อยลงเมื่อมีหุ้นตัวไหนเกิดข่าวร้ายขึ้น
หนังสือ SchweserNotes ระบุว่ามีงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองกระจายการลงทุนหุ้นเพียง 12-18 ตัวในพอร์ตก็สามารถลด unsystematic risk ไปได้ราวๆ 90% แล้ว ส่วนอีกงานวิจัยหนึ่งกระจายลงทุนในหุ้น 30 ตัว ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน จะเห็นว่าจำนวนหุ้นที่ใช้ในทั้ง 2 งานวิจัยนี้ยังคงน้อยกว่าการที่เราต้องไปกวาดซื้อหุ้นทั้งตลาดเพื่อกำจัด unsystematic risk ออกไปมาก
ส่วน Systematic risk พูดง่ายๆคือความเสี่ยงของตลาดในระดับมหภาค ซึ่งเราไม่สามารถกระจายลงทุนในหุ้นหลายๆตัวเพื่อลดความเสี่ยงในด้านนี้ได้ เนื่องจากเมื่อเกิดความเสี่ยงในรูปแบบนี้แล้วจะทำให้หุ้นเคลื่อนไหวไปทางเดียวกันทั้งตลาดนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น หากตัวเลข GDP ของประเทศออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ หุ้นทั้งประเทศก็พร้อมใจที่จะลงกันหมด
แล้วค่า Beta บอกความเสี่ยงในด้านไหน?
ค่า Beta เป็นสัดส่วนเปรียบเทียบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนั้นๆกับตลาด นั่นแปลว่าค่า Beta เป็นการวัดระดับ systematic risk ของหุ้นแต่ละตัว เมื่อหุ้นมีค่า Beta ที่สูง ก็จะมีผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้สูงตามไปด้วยนั่นเอง สามารถอธิบายได้ด้วยสมการ CAPM ด้านล่าง
เราต้องทำความเข้าใจว่า หุ้นที่มีความเสี่ยงสูง ไม่ได้แปลว่าจะมีค่า Beta สูง หรือให้ผลตอบแทนสูงเสมอไป เนื่องจากความเสี่ยงที่สูงอาจมาจาก unsystematic risk ที่สูงก็เป็นไปได้ ดังนั้นเมื่อเราต้องการผลตอบแทนที่สูงจากหุ้น เราจึงควรพิจารณาจากค่า Beta เป็นหลัก แทนการดูความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท และควรลด unsystematic risk โดยการกระจายลงทุนไปในหุ้นหลายๆตัว เนื่องจากเรามีสมมติฐานว่าการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงลงเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้แบบฟรีๆนั่นเอง