Bank Run คืออะไร

Bank Run คืออะไร

Bank Run คือ สถานการณ์ที่ลูกค้าของธนาคารพากันถอนเงินจำนวนมากพร้อมกัน โดยเกิดจากความกลัวว่าธนาคารอาจจะล้มละลายหรือไม่สามารถคืนเงินให้กับพวกเขาได้ ความวิตกกังวลนี้อาจเกิดขึ้นเพราะข่าวลือ หรือข้อมูลที่ไม่เป็นจริง หรืออาจเกิดจากความไม่มั่นใจในสถานะทางการเงินของธนาคารนั้นๆ

เมื่อลูกค้าเริ่มถอนเงินจำนวนมาก ธนาคารที่ถูกกระทบจะต้องหาทางเพิ่มเงินสด เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการขายสินทรัพย์ด่วนในราคาที่ต่ำกว่าค่าที่เป็นจริง สิ่งนี้อาจนำไปสู่การขาดทุนมากขึ้นและเพิ่มความวิตกกังวลให้กับลูกค้าคนอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น หากธนาคารไม่สามารถจัดหาเงินสดได้เพียงพอ สถานการณ์อาจเลวร้ายจนนำไปสู่การล้มละลายของธนาคาร

Bank Run สามารถมีผลกระทบที่กว้างขวาง เมื่อลูกค้าของธนาคารหนึ่งเริ่มขาดความเชื่อมั่น ความไม่มั่นใจนั้นสามารถแพร่กระจายไปยังธนาคารอื่นๆ ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาแบบโดมิโนที่อาจนำไปสู่วิกฤตทางการเงินในวงกว้าง เช่น การถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารหลายแห่งทำให้ธนาคารเหล่านั้นต้องเผชิญกับปัญหาด้านสภาพคล่องที่รุนแรง และหากไม่มีการแทรกแซงจากภาครัฐหรือธนาคารกลาง สถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้

ดังนั้น Bank Run จึงเป็นสิ่งที่ธนาคารและผู้กำกับดูแลทางการเงินพยายามหลีกเลี่ยงและมีมาตรการรองรับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการรักษาสภาพคล่องที่ดีและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของตน

Bank Run เกิดได้อย่างไร

Bank Run เกิดได้อย่างไร

Bank Run มักเกิดจากความตื่นตระหนกของลูกค้าธนาคาร มากกว่าการที่ธนาคารจริงๆ มีความเสี่ยงต่อการล้มละลาย ในหลายกรณี ธนาคารอาจจะเผชิญกับปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ หรืออาจผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยการช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่เมื่อลูกค้าเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ และเริ่มกังวลว่าเงินของพวกเขาอาจไม่ปลอดภัย พวกเขาจึงรีบไปถอนเงินจากธนาคาร

เมื่อลูกค้าจำนวนมากทำเช่นนี้พร้อมกัน ธนาคารอาจพบว่าตัวเองไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคน สถานการณ์นี้สามารถทำให้เกิดความตื่นตระหนกมากขึ้น ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ที่อาจไม่ได้กังวลในตอนแรก ก็เริ่มรีบไปถอนเงินเช่นกัน เหตุการณ์นี้จะนำไปสู่การขาดสภาพคล่อง และในที่สุดธนาคารอาจไม่สามารถจ่ายเงินให้กับลูกค้าได้ตามที่ต้องการ

สิ่งที่เริ่มต้นด้วยความกลัวและความไม่มั่นใจที่อาจไม่มีพื้นฐานจริง สามารถนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อธนาคารนั้นๆ และในกรณีที่รุนแรงที่สุด อาจนำไปสู่วิกฤตการเงินในระดับที่กว้างขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

สาเหตุที่เกิดสถานการณ์ Bank Run มีหลายปัจจัย ดังนี้

  • ข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของธนาคารที่แพร่กระจายอาจทำให้ลูกค้าตื่นตระหนกและรีบไปถอนเงิน
  • ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอหรือความไม่แน่นอนทางการเงินอาจทำให้ผู้คนกังวลและต้องการถอนเงินเพื่อรักษาความปลอดภัย
  • การล้มละลายของธนาคารอื่นๆ หรือสถาบันการเงินในประเทศหรือต่างประเทศ
  • ความกังวลเกี่ยวกับการเงินของธนาคาร หากมีข่าวว่าธนาคารมีปัญหาเกี่ยวกับการลงทุนหรือขาดทุน
  • การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคาร เช่น การจำกัดการถอนเงินหรือการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย
  • ผลกระทบจากวิกฤตทางการเงิน วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในบริษัทหรือองค์กรใหญ่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธนาคาร
  • ความกังวลเกี่ยวกับระบบธนาคารในประเทศที่อาจไม่มีความมั่นคง
  • การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
  • การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ เช่น การเพิ่มขึ้นของการใช้งานเทคโนโลยี Blockchain หรือ Cryptocurrency ที่อาจสร้างความไม่มั่นใจต่อระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
  • ความเสี่ยงทางการลงทุน การลงทุนของธนาคารในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอาจนำไปสู่ความกังวลว่าธนาคารอาจขาดทุนหรือล้มละลายได้

ตัวอย่างเหตุการณ์ Bank Run ที่เคยเกิดขึ้น

ตัวอย่างเหตุการณ์ Bank Run ที่เคยเกิดขึ้น

ภาพประกอบ: ประชาชนแห่ถอนเงินจากธนาคารในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1931. th.wikipedia.org/

เหตุการณ์ Bank Run ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่หรือ Great Depression ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบที่รุนแรงจากความตื่นตระหนกของผู้ฝากเงิน ซึ่งเบน เบอร์นันเก (Ben Bernanke) ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนี้เกิดขึ้นหลักจากการที่ผู้คนแห่ถอนเงินจากธนาคาร

ค่าใช้จ่ายในการกู้วิกฤติการณ์ธนาคารตั้งแต่ปี 1970 ถึงปี 2007 มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละสิบสามของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และยอดความสูญเสียของเศรษฐกิจมีมูลค่าเฉลี่ยร้อยละยี่สิบของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (gross domestic product)

เพื่อป้องกันหรือบรรเทาผลร้ายของการแห่ถอนเงิน รัฐบาลและหน่วยงานทางการเงินได้ใช้มาตรการหลายอย่าง อาทิเช่น การอุดหนุนธนาคาร, ควบคุมธนาคารพาณิชย์, จัดตั้งธนาคารกลางเพื่อให้กู้เงินในยามวิกฤติ และคุ้มครองการประกันเงินฝาก ตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งบรรษัทประกันเงินฝากกลาง (Federal Deposit Insurance Corporation) เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการใช้มาตรการระงับการถอนเงินชั่วคราวในบางกรณี

อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป แม้ว่าจะมีการประกันเงินฝากก็ตาม เนื่องจากผู้ฝากเงินมักยังคงรู้สึกไม่มั่นใจ กังวลว่าพวกเขาอาจไม่สามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้ในระหว่างที่ธนาคารอยู่ในช่วงการจัดระเบียบใหม่

การแก้ไขปัญหา Bank Run

การแก้ไขปัญหา Bank Run

  • อัดฉีดสภาพคล่อง: วิธีการที่สำคัญที่สุดในการรับมือกับ Bank Run ในระยะสั้นคือการเตรียมเงินสดสำรองเพื่อตอบสนองความต้องการถอนเงินของลูกค้า ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา ได้มีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อให้ธนาคารมีเงินสดเพียงพอสำหรับลูกค้า
  • การยืมเงิน: เมื่อเงินสดสำรองของธนาคารไม่เพียงพอ ธนาคารอาจต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารอื่นหรือธนาคารกลาง. ในปี 2566 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้จัดตั้งโครงการ Bank Term Funding Program (BTFP) เพื่อสนับสนุนสถาบันที่ต้องการเงินสด
  • การประกันเงินฝาก: เป็นการรับประกันว่าลูกค้าจะได้รับเงินคืนจากการประกันเงินฝาก. ตัวอย่างเช่น Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ในสหรัฐอเมริกา ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนในระบบธนาคาร
  • เงินฝากประจำ: การใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูงสำหรับเงินฝากประจำช่วยให้ลูกค้ามีแรงจูงใจในการฝากเงินเพิ่ม ช่วยล็อคหนี้สินของธนาคารและเสริมสภาพคล่อง

ข้อดีและข้อเสีย Bank Run

ข้อดี

  • Bank Run ทำให้ธนาคารและหน่วยงานกำกับดูแลมีความตระหนักมากขึ้นในการจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินและสภาพคล่อง
  • ช่วยผลักดันให้มีการปรับปรุงระบบการธนาคารและมาตรการความปลอดภัยทางการเงิน
  • เป็นการกระตุ้นให้ทั้งภาครัฐและผู้ฝากเงินตรวจสอบและสอบถามเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินของธนาคาร

ข้อเสีย

  • ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ สามารถทำให้เกิดวิกฤติการเงินและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
  • ความไม่มั่นคงทางการเงิน ทำให้ธนาคารสูญเสียความเชื่อมั่นและความมั่นคง
  • การล้มละลาย อาจนำไปสู่การล้มละลายของธนาคารและสถาบันการเงิน
  • สร้างความตื่นตระหนกและความกังวลในหมู่ประชาชน
  • ผลกระทบต่อผู้ฝากเงิน ผู้ฝากเงินอาจสูญเสียเงินฝากหรือต้องรอเวลานานกว่าจะได้รับเงินคืน
  • การลดลงของสินเชื่อ ธนาคารอาจลดการให้สินเชื่อซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ
  • ผู้ที่กู้ยืมเงินอาจเผชิญกับความยากลำบากในการขอสินเชื่อ
  • ความไม่มั่นคงของธนาคารอาจแพร่กระจายไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ
  • ต้นทุนทางการเงิน อาจมีต้นทุนสูงสำหรับการช่วยเหลือและฟื้นฟูธนาคารที่ได้รับผลกระทบ
  • ผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นของธนาคารอาจสูญเสียมูลค่าการลงทุนของตน

สรุป

Bank Run เกิดขึ้นเมื่อคนจำนวนมากเริ่มตื่นตระหนกและรีบไปถอนเงินออกจากธนาคารพร้อมกัน ปกติแล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเพราะคนคิดว่าธนาคารจะล้มหรือไม่สามารถจ่ายเงินให้พวกเขาได้ เช่น อาจจะมีข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของธนาคารหรือความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจ

เมื่อคนเยอะๆ ถอนเงินพร้อมกัน ธนาคารอาจไม่มีเงินสดพอจ่ายให้ทุกคน เพราะธนาคารมักเก็บเงินสดไว้ไม่เยอะแยะนัก พวกเขาใช้เงินส่วนใหญ่ในการให้สินเชื่อหรือลงทุนในที่อื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ธนาคารทำกำไร

Bank Run สามารถนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรง เช่น ธนาคารต้องปิดตัวลงหรือวิกฤติการเงินในระดับกว้าง เพราะธนาคารเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจ ถ้าธนาคารล้มละลาย มันก็ส่งผลกระทบต่อทุกคน ตั้งแต่คนธรรมดาจนถึงบริษัทใหญ่ๆ

เพื่อป้องกันปัญหาแบบนี้ ธนาคารและหน่วยงานทางการเงินจึงต้องจัดการกับความเสี่ยง และมีมาตรการต่างๆ เช่น การประกันเงินฝากหรือการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อให้คนมั่นใจว่าเงินของพวกเขาอยู่ในมือที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งานเมื่อต้องการ