การคำนวณผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมสำหรับการลงทุนทางเลือกสามารถใช้วิธีเดียวกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนทั่วไป โดยคำนวณผลตอบแทนตามระยะเวลาการถือครองและอัตราผลตอบแทนตามงวด ทั้งที่มีและไม่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างงวด

ผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียม

ส่วนการคำนวณผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมจำเป็นต้องปรับปรุงกระแสเงินสดหรือมูลค่าสำหรับค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปมักเป็นค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน

ตัวอย่างเช่น กองทุนเฮดจ์ฟันด์ BJI Funds มีมูลค่า 3,850 ล้านบาท ณ วันเริ่มต้น คิดค่าธรรมเนียมการจัดการ 2% ต่อปีจากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ ต้นปี และค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน 20% โดยมี hurdle rate ที่ 5% แบบ soft hurdle และใช้ high-water mark ในการคำนวณ

ในปีที่ 1:

  1. มูลค่าสินทรัพย์สุทธิก่อนหักค่าธรรมเนียมเท่ากับ 3,507 ล้านบาท
  2. ค่าธรรมเนียมการจัดการ = 3,850 ล้านบาท × 2% = 77 ล้านบาท
  3. ผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดการ = (3,507 – 77 – 3,850) / 3,850 = -10.9%
  4. เนื่องจากผลตอบแทนต่ำกว่า hurdle rate 5% จึงไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน
  5. มูลค่าสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียม = 3,507 – 77 = 3,430 ล้านบาท
  6. ผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมในปีที่ 1 = (3,430 – 3,850) / 3,850 = -10.9%

ในปีที่ 2:

  1. มูลค่าสินทรัพย์สุทธิก่อนหักค่าธรรมเนียมเท่ากับ 4,165 ล้านบาท
  2. ค่าธรรมเนียมการจัดการ = 3,430 ล้านบาท × 2% = 68.6 ล้านบาท
  3. มูลค่าหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดการ = 4,165 – 68.6 = 4,096.4 ล้านบาท
  4. ส่วนที่เกิน high-water mark = 4,096.4 – 3,850 = 246.4 ล้านบาท
  5. ค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน = 246.4 ล้านบาท × 20% = 49.28 ล้านบาท
  6. มูลค่าสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียมทั้งหมด = 4,165 – 68.6 – 49.28 = 4,047.12 ล้านบาท
  7. ผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมในปีที่ 2 = (4,047.12 – 3,430) / 3,430 = 18.0%

ค่าธรรมเนียมของเรา(อาจ)ไม่เท่ากัน

ในปัจจุบัน โครงสร้างค่าธรรมเนียมแบบเจรจาต่อรองกันได้มีความสำคัญมากขึ้น โดยนักลงทุนรายใหญ่สามารถเจรจาต่อรองค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงได้ อีกทั้งยังสามารถแลกเปลี่ยนระหว่างสภาพคล่องและค่าธรรมเนียม เช่น การเจรจาเพื่อให้ได้ค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงหรือสภาพคล่องที่ดีขึ้น (ระยะเวลา lockup และระยะเวลาแจ้งล่วงหน้าที่สั้นลง) นอกจากนี้ยังมีการใช้โครงสร้างค่าธรรมเนียมแบบ either-or fees ซึ่งจะคิดค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าระหว่างค่าธรรมเนียมการจัดการหรือค่าธรรมเนียมตามผลการดำเนินงาน

สรุป

นักลงทุนควรตระหนักว่านักลงทุนรายอื่นอาจได้รับเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป โดยโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ปรับแต่งสำหรับนักลงทุนแต่ละรายจะระบุไว้ใน side letters แยกต่างหาก นอกจากนี้นักลงทุนรายแรกๆ ของกองทุนอาจได้รับค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าหรือเงื่อนไขสภาพคล่องที่ดีกว่าเพื่อจูงใจให้เข้ามาลงทุนตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุน โดยส่วนได้เสียในการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้เรียกว่า founder’s shares