อัตราดอกเบี้ยในตลาด (Spot Rates)

Spot rates คืออัตราคิดลดสำหรับกระแสเงินสดเพียงงวดเดียวในอนาคต ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจนครบกำหนดไถ่ถอน (Yield-to-maturity) คำนวณโดยใช้อัตราคิดลดเดียวกันสำหรับทุกกระแสเงินสดของหุ้นกู้ แต่ในความเป็นจริง อัตราคิดลดจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่จะได้รับชำระเงิน

Spot rates มีความสำคัญเนื่องจากเป็นอัตราคิดลดสำหรับหุ้นกู้ที่ไม่มีดอกเบี้ย (Zero-coupon bonds) การคำนวณราคาหุ้นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยในตลาดทำได้โดยคิดลดกระแสเงินสดแต่ละงวดด้วยอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เหมาะสม แล้วนำมารวมกัน สมการทั่วไปในการคำนวณมูลค่าหุ้นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยในตลาดคือ:

PV = CPN1 / (1+S1) + CPN2 / (1+S2)^2 + … + (CPNN + FVN) / (1+SN)^N

โดย PV คือมูลค่าปัจจุบันของหุ้นกู้, CPN คือดอกเบี้ยจ่าย, FV คือเงินต้นที่จ่ายคืนเมื่อครบกำหนด, S คืออัตราดอกเบี้ยในตลาด และ N คือจำนวนงวดการจ่ายดอกเบี้ย

ตัวอย่างการคำนวณราคาหุ้นกู้โดยใช้อัตราดอกเบี้ยในตลาด:

หุ้นกู้อายุ 3 ปี จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี มีอัตราดอกเบี้ยในตลาดดังนี้:

1 ปี: 3%

2 ปี: 4%

3 ปี: 5%

ราคาหุ้นกู้คำนวณได้ดังนี้:

50 / 1.03 + 50 / (1.04)^2 + 1,050 / (1.05)^3 = 48.54 + 46.23 + 907.03 = 1,001.80

ราคาที่คำนวณได้นี้เรียกว่าราคาที่ปราศจากโอกาสในการทำกำไรจากความแตกต่างของราคา (์No-arbitrage price) เนื่องจากหากหุ้นกู้มีราคาที่แตกต่างไป จะเกิดโอกาสในการทำกำไรจากความแตกต่างของราคาระหว่างหุ้นกู้

ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued Interest)

ในการซื้อขายหุ้นกู้ระหว่างวันจ่ายดอกเบี้ย 2 ช่วง ผู้ซื้อจะต้องจ่ายดอกเบี้ยค้างรับให้แก่ผู้ขายสำหรับช่วงเวลาตั้งแต่วันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจนถึงวันที่ทำการซื้อขาย ดอกเบี้ยค้างรับนี้จะถูกรวมเข้าไปในราคาเต็ม (Full price) ของหุ้นกู้

ราคาเต็มของหุ้นกู้สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร:

ราคาเต็ม = ราคาหุ้นกู้ ณ วันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุด x (1 + YTM / จำนวนงวดดอกเบี้ยต่อปี)^(t/T)

โดย t คือจำนวนวันนับจากวันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุด และ T คือจำนวนวันในงวดการจ่ายดอกเบี้ย

ตัวอย่างการคำนวณราคาเต็มของหุ้นกู้:

หุ้นกู้อัตราดอกเบี้ย 5% จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนในวันที่ 15 มิถุนายน และ 15 ธันวาคม มี YTM 4% ต่องวด (2% ต่อปี) ราคาหุ้นกู้ ณ วันจ่ายดอกเบี้ยครั้งล่าสุดคือ 1,019.04 หากต้องการคำนวณราคาเต็มของหุ้นกู้ ณ วันที่ 21 สิงหาคม สามารถคำนวณได้ดังนี้:

จำนวนวันระหว่าง 15 มิถุนายน ถึง 21 สิงหาคม = 67 วัน

จำนวนวันในงวดการจ่ายดอกเบี้ย = 183 วัน

ราคาเต็ม = 1,019.04 x (1.02)^(67/183) = 1,026.46

ดอกเบี้ยค้างรับสามารถคำนวณได้โดยคูณดอกเบี้ยต่องวดกับสัดส่วนของจำนวนวันที่ผ่านไปในงวดนั้น:

ดอกเบี้ยค้างรับ = 25 x (67 / 183) = 9.15

ราคาสุทธิ (Clean price) หรือราคาที่ไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ คำนวณได้โดย:

ราคาสุทธิ = ราคาเต็ม – ดอกเบี้ยค้างรับ = 1,026.46 – 9.15 = 1,017.31

ราคาสุทธินี้เรียกอีกอย่างว่าราคาสะอาด (Clean price) หรือราคาที่เสนอซื้อขาย (Quoted price) ส่วนราคาเต็มเรียกว่าราคาสกปรก (Dirty price)

การประเมินราคาหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่องต่ำ (Matrix Pricing)

สำหรับหุ้นกู้ที่ไม่มีการซื้อขายบ่อยหรือมีสภาพคล่องต่ำ การประเมินราคาอาจทำได้โดยใช้วิธี Matrix pricing ซึ่งเป็นการประมาณ YTM ของหุ้นกู้ที่ต้องการประเมินราคา โดยใช้ YTM ของหุ้นกู้ที่มีการซื้อขายและมีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่น อายุคงเหลือและอันดับความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน

ตัวอย่างการใช้ matrix pricing:

ต้องการประเมินราคาหุ้นกู้ที่ไม่มีการซื้อขาย อายุคงเหลือ 3 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A+ โดยมีข้อมูล YTM ของหุ้นกู้ที่มีลักษณะใกล้เคียงดังนี้:

หุ้นกู้อายุ 2 ปี อันดับ A+: YTM 4.3%

หุ้นกู้อายุ 5 ปี อันดับ A+: YTM 5.1%

หุ้นกู้อายุ 5 ปี อันดับ A+: YTM 5.3%

ขั้นตอนการคำนวณ:

  1. หาค่าเฉลี่ย YTM ของหุ้นกู้อายุ 5 ปี: (5.1 + 5.3) / 2 = 5.2%
  2. ประมาณ YTM ของหุ้นกู้อายุ 3 ปีโดยใช้วิธีเทียบบัญญัติไตรยางค์: 4.3% + (5.2% – 4.3%) x [(3 ปี – 2 ปี) / (5 ปี – 2 ปี)] = 4.6%
  3. คำนวณราคาหุ้นกู้โดยใช้ YTM 4.6%: ราคา = 983.54 บาทต่อ Par value 1,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการประเมินราคาหุ้นกู้ใหม่ที่ออกจำหน่าย โดยพิจารณาส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น พันธบัตรรัฐบาล) กับหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า (เช่น หุ้นกู้บริษัท) ที่มีอายุคงเหลือใกล้เคียงกัน แล้วนำส่วนต่างนั้นมาบวกเพิ่มกับอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำที่มีอายุเท่ากับหุ้นกู้ที่ต้องการประเมินราคา

ตัวอย่างการประเมินราคาหุ้นกู้ใหม่:

ต้องการประเมินอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้บริษัทอันดับ A อายุ 6 ปีที่ออกใหม่ โดยมีข้อมูลดังนี้:

หุ้นกู้รัฐบาลอายุ 5 ปี: YTM 1.48%

หุ้นกู้บริษัทอันดับ A อายุ 5 ปี: YTM 2.64%

หุ้นกู้รัฐบาลอายุ 7 ปี: YTM 2.15%

หุ้นกู้บริษัทอันดับ A อายุ 7 ปี: YTM 3.55%

หุ้นกู้รัฐบาลอายุ 6 ปี: YTM 1.74%

ขั้นตอนการคำนวณ:

คำนวณส่วนต่างระหว่าง YTM ของหุ้นกู้บริษัทและหุ้นกู้รัฐบาล

อายุ 5 ปี: 2.64% – 1.48% = 1.16%

อายุ 7 ปี: 3.55% – 2.15% = 1.40%

หาค่าเฉลี่ยของส่วนต่าง (1.16% + 1.40%) / 2 = 1.28%

บวกส่วนต่างเฉลี่ยกับ YTM ของหุ้นกู้รัฐบาลอายุ 6 ปี 1.74% + 1.28% = 3.02%

ดังนั้น ประมาณการอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้บริษัทอันดับ A อายุ 6 ปีที่ออกใหม่คือ 3.02%

สรุป

การกำหนดราคาหุ้นกู้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ ได้แก่:

อัตราดอกเบี้ยในตลาด (Spot Rates): ใช้ในการคิดลดกระแสเงินสดแต่ละงวดของหุ้นกู้ ทำให้ได้ราคาที่สะท้อนความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละช่วงเวลา

ดอกเบี้ยค้างรับ (Accrued Interest): คำนวณสำหรับการซื้อขายหุ้นกู้ระหว่างวันจ่ายดอกเบี้ย ทำให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

ราคาสุทธิ (Clean Price) และราคาเต็ม (Full Price): ราคาสุทธิเป็นราคาที่ไม่รวมดอกเบี้ยค้างรับ ใช้ในการเสนอซื้อขาย ส่วนราคาเต็มรวมดอกเบี้ยค้างรับแล้ว

Matrix Pricing: เป็นวิธีการประเมินราคาหุ้นกู้ที่มีสภาพคล่องต่ำ โดยอ้างอิงจากหุ้นกู้ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

การประเมินราคาหุ้นกู้ใหม่: ใช้วิธีการคำนวณส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่างกัน

นักลงทุนต้องเข้าใจแนวคิดเหล่านี้เพื่อสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นกู้ เช่น:

– อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้

– สภาพเศรษฐกิจโดยรวมและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย

– สภาพคล่องของหุ้นกู้

– เงื่อนไขพิเศษของหุ้นกู้ เช่น สิทธิในการไถ่ถอนก่อนกำหนด

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีทางการเงินมีความก้าวหน้า การคำนวณราคาหุ้นกู้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม การเข้าใจหลักการพื้นฐานยังคงมีความสำคัญ เพื่อให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของผลลัพธ์และตัดสินใจได้อย่างมีวิจารณญาณ นอกจากนี้ การศึกษาเรื่องการกำหนดราคาหุ้นกู้ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการทำความเข้าใจเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ตราสารอนุพันธ์ หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีโครงสร้างซับซ้อน ซึ่งมักใช้แนวคิดพื้นฐานเดียวกันในการประเมินมูลค่า