สำหรับ Forward ราคาจะคงที่ตลอดอายุสัญญาหากไม่มีการชำระกำไรขาดทุนระหว่างทาง แต่มูลค่าจะเปลี่ยนแปลงตามราคาของสินทรัพย์อ้างอิง การชำระเงินเมื่อครบกำหนดจะสะท้อนความแตกต่างระหว่างราคา Forward ที่กำหนดไว้กับราคาตลาดของสินทรัพย์อ้างอิง ณ วันที่ครบกำหนด
ในทางตรงกันข้าม Futures จะมีการปรับราคาและมูลค่าทุกวันตามกลไกการ Mark-to-Market โดยมีการชำระกำไรขาดทุนรายวัน ตัวอย่างเช่น Futures ทองคำ 100 ออนซ์ที่ราคา 65,450 บาทต่อออนซ์ ในวันแรกราคาตลาดปรับขึ้นเป็น 65,625 บาท ผู้ถือสัญญาจะได้รับเงินเพิ่มในบัญชี 17,500 บาท และราคาสัญญาจะปรับเป็น 65,625 บาท ในวันถัดมาหากราคาลดลงเป็น 64,925 บาท ผู้ถือสัญญาต้องจ่ายเงิน 70,000 บาท และราคาสัญญาจะปรับลงเป็น 64,925 บาท การปรับราคาทุกวันทำให้มูลค่าสัญญากลับมาเป็นศูนย์เสมอ
Futures สำหรับอัตราดอกเบี้ยเป็นอีกประเภทหนึ่งที่มีการซื้อขายในตลาด โดยราคาจะคำนวณจากสูตร:
ราคาสัญญา = 100 – (100 x อัตราอ้างอิง)
ตัวอย่างเช่น หากราคา Futures สำหรับอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนล่วงหน้าอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 97 แสดงว่าอัตราอ้างอิงเท่ากับ 3%
Basis Point Value (BPV) ของ Futures อัตราดอกเบี้ยคำนวณจากสูตร: BPV = เงินต้นตามสัญญา x ระยะเวลา x 0.01% ตัวอย่างเช่น สัญญาที่มีเงินต้น 35,000,000 บาท จะมี BPV เท่ากับ 35,000,000 x (0.0001/2) = 1,750 บาท หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงอัตราอ้างอิง 1 basis point จะทำให้มูลค่าสัญญาเปลี่ยนแปลง 1,750 บาท
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Futures และ Forward คือ Futures มีการชำระกำไรขาดทุนรายวัน ทำให้สามารถถอนกำไรส่วนเกินได้หรือต้องเพิ่มเงินประกันหากขาดทุน ในขณะที่ Forward ไม่มีการเคลื่อนไหวของเงินสดระหว่างอายุสัญญา
หากอัตราดอกเบี้ยคงที่หรือไม่สัมพันธ์กับราคา Futures ราคาของสัญญาทั้งสองประเภทจะเท่ากัน แต่หากมีความสัมพันธ์เป็นเชิงบวก Futures จะมีความน่าสนใจมากกว่าเนื่องจากได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากมีความสัมพันธ์เป็นเชิงลบ Forward จะมีความน่าสนใจกว่า
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติความแตกต่างระหว่างราคาของสัญญาทั้งสองประเภทมักไม่มีนัยสำคัญ เนื่องจาก Forward มักมีอายุสั้นและอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีความผันผวนต่ำ นอกจากนี้ในบางตลาดที่มีการชำระราคาผ่านตัวกลางอาจมีข้อกำหนดให้ผู้ค้าอนุพันธ์ต้องวางหลักประกันและชำระกำไรขาดทุนรายวันสำหรับ Forward เช่นเดียวกับ Futures
Forward สำหรับอัตราดอกเบี้ย การชำระเงินเมื่อครบกำหนดจะคำนวณจากส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริงกับอัตราที่กำหนดในสัญญา ซึ่งอาจแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในตลาด ตัวอย่างเช่น Forward สำหรับอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนล่วงหน้ามูลค่า 35 ล้านบาทที่ราคา 97.50 (อัตราดอกเบี้ย 2.5%) หากอัตราดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดเป็น 2.51% ผู้ถือสัญญาฝั่งซื้อจะได้รับเงิน 1,728.31 บาท แต่หากอัตราดอกเบี้ยเป็น 2.49% ผู้ถือสัญญาฝั่งซื้อต้องจ่ายเงิน 1,728.48 บาท
สรุป
มูลค่าของ Forward มีลักษณะโค้งนูน (Convexity) คล้ายกับพันธบัตร กล่าวคือการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะทำให้มูลค่าลดลงน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงในสัดส่วนเท่ากัน โดยผลกระทบนี้จะยิ่งชัดเจนสำหรับสัญญาที่มีอายุยาวขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Convexity Bias” ซึ่งอาจทำให้ราคาของ Forward และ Futures แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว