Source: (Rossouw, 2013)

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) แต่ละกลุ่มได้รับประโยชน์จากบริษัทในทางที่แตกต่างกัน ดังนั้นการที่คนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ อาจทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเสียประโยชน์ได้ ในบทความนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ ซึ่งหากผู้บริหารไม่สามารถจัดการความขัดแย้งนี้ อาจส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทเกิดความผันผวน และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

Principal-agent conflict เป็นความขัดแย้งกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยความต้องการของทั้งสองฝ่ายอาจไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ตัวแทนประกันภัยต้องการที่จะขายกรมธรรณ์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อที่จะได้ค่าคอมมิชชันที่สูงตามมา แต่ว่าบริษัทประกันไม่ต้องการที่จะออกกรมธรรณ์ที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีโอกาสที่จะขาดทุนสูงกว่า บริษัทจึงจัดการกับความขัดแย้งนี้โดยการกำหนดมาตรฐานการพิจารณาสำหรับกรมธรรณ์ที่จะออก และร่วมงานเฉพาะกับตัวแทนที่ปฎิบัติตามความต้องการของบริษัท

การขัดผลประโยชน์ระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร ที่กรณีนี้ผู้ถือหุ้นจะมีสถานะเป็นนายจ้าง และผู้บริหารเป็นลูกจ้าง โดยที่ผู้บริหารอาจเลือกบริหารบริษัทในทางที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าที่ผู้ถือหุ้นต้องการ เพื่อความปลอดภัยของตำแหน่งตัวเอง เนื่องจากผู้ถือหุ้นสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าจากการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ในขณะที่ผู้บริหารมีตำแหน่งอยู่เพียงแค่บริษัทเดียว และด้วยความที่ผู้ถือหุ้นรู้ข้อมูลไม่มากเท่าที่ผู้บริหารมี (Information asymmetry) ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นไม่สามารถประเมินได้ว่าผู้บริหารกำลังบริหารบริษัทตามความต้องการของผู้ถือหุ้นหรือไม่

การขัดผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม ที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทอาจมีความต้องการที่แตกต่างออกไปจากกลุ่มผู้ถือหุ้นส่วนน้อย โดยในบางประเทศมีหุ้นที่ได้สิทธิในการออกเสียงมากกว่าหุ้นประเภทอื่นๆอีกด้วย นอกจากนี้เมื่อบริษัทมีการควบรวมกิจการ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่อาจมีการใช้ข้อตกลงหรือรายการกิจการที่เกี่ยวข้องกัน (Related-party transactions) ที่ทำให้กลุ่มตัวเองได้ประโยชน์มากกว่าผู้ถือหุ้นส่วนน้อย

Source: Gollier, Christian. (2007). The determinants of the insurance demand by firms. 

การขัดผลประโยชน์ระหว่างผู้ปล่อยเงินกู้กับผู้ถือหุ้น จากที่เราเคยอธิบายไปในบทความก่อนหน้าว่าผู้ปล่อยเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นกู้ หรือสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อแก่บริษัท ต้องการให้บริษัทมีความเสี่ยงให้น้อยที่สุด เพื่อที่บริษัทจะสามารถจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตรงตามที่ตกลงกันไว้ แต่ว่าผู้ถือหุ้นต้องการให้บริษัทเติบโต ดังนั้นจึงต้องการให้บริษัทเพิ่มความเสี่ยงในการดำเนินกิจการให้สูงกว่าที่ผู้ปล่อยเงินกู้อยากให้เป็น เพื่อให้มูลค่าหุ้นของตัวเองเติบโตขึ้น

การขัดผลประโยชน์ระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ บริษัทอาจมีแผนการเพิ่มผลกำไร โดยการเพิ่มราคาสินค้า หรือลดคุณภาพลง ซึ่งกลยุทธ์แบบนี้อาจส่งผลบวกต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากกำไรที่ขยายตัวทำให้มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่สูงขึ้นด้วย แต่เป็นผลลบต่อลูกค้าที่ได้มูลค่าสินค้าที่น้อยลงเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป

ในบทความต่อไปเราจะมาอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละกลุ่มว่ามีการปฏิบัติอย่างไร และนำไปสู่ความต้องการในผลประโยชน์ในรูปแบบอะไรบ้าง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง